เจาะดราม่า"เหยียดความรวย"ของคนดัง Hollywood

50 14
ความร่ำรวยเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายปรารถนา     ชีวิตที่ยากลำบากและต้องวิตกกังวลกับเรื่องการเงินตลอดเวลาคืออุปสรรคที่พวกเราพยายามหลีกหนี    lifestyle ของเศรษฐีนั้นช่างฟังเย้ายวนใจและปลุกความอิจฉาได้ไม่ยากเย็นนัก     หลายคนตั้งมั่นว่า   สักวันหนึ่งจะต้องไขว่คว้าหาความร่ำรวยให้ได้    แต่เพราะอะไร   เหล่าคนดังผู้มั่งคั่งไปด้วยเงินทองจึงถูกประนามจากการแสดงออกและการใช้ชีวิตแบบรวยๆ ?


Rich - Shaming  เป็น termที่พวกเราเริ่มได้ยินบ่อยมากขึ้นจากดราม่าคนดังที่ถูกดแดกดันเรื่องการแสดงออกถึงความร่ำรวย    รวยแล้วถูก shame  จะเป็นยังไง มาติดตามกันเลยค่ะ 


Kylie  Jenner ถูกเย้ยหยัน   บ้านราคาพันล้าน แต่น้ำฝักบัวไหลเอื่อยไม่สมราคา

หากวัดคะแนนครอบครัวคนดังที่ถูกจับผิดเรื่องความรวยมากที่สุด บ้าน Kar-Jenner น่าจะนำโด่ง สาวๆบ้านนี้มีผู้ติดตามบนsocial media เยอะมาก แม้แต่ศิลปินระดับ superstarหลายคนก็ไม่สู้ และคนที่สร้างรายได้มหาศาลทั้งๆที่เคยถูกปรามาสว่าเป็นม้านอกสายตามาก่อนก็คือ Kylie Jenner นั่นเอง ทรัพย์สินระดับมหาเศรษฐีพันล้านของเธอทำให้แฟนๆจับจ้องด้วยความชื่นชม และเจ้าตัวก็มักจะเปิดเผยชีวิตที่เต็มไปด้วยความหรูหราให้ชาวเน็ทได้ประจักษ์อยู่บ่อยๆ

เมื่อนักธุรกิจสาวแม่ลูกหนึ่งได้เปิดทัวร์ให้เห็นการตกแต่งภายในรวทถึงห้องอาบน้ำ มันก็กลายมาเป็นประเด็น trending ขึ้นมาทันที เพราะหลายคนลงความเห็นตรงกันว่า แรงดันน้ำของฝักบัวนั้นดูแผ่วมาก ไม่สมกับคฤหาสน์ที่ตีราคาเป็นไทยแล้วเกินพันล้านบาทเอาซะเลย



เพราะ Kylie ไม่ได้ระบุว่า เธอถ่ายวีดีโอจากบ้านหลังไหน  ทำให้ชาวเน็ทฟันธงว่า ย่อมเป็นคฤหาสน์สไตล์รีสอร์ทที่มีรายงานว่ามีราคาถึง 36.5 ล้านเหรียญ     ราคาสูงลิบลิ่วที่อาจจะสูสีกับมูลค่าของเกาะส่วนตัวบางแห่งก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า     คุณภาพเครื่องใช้ในบ้านอันนี้ดูห่วย บางคนถึงขั้นเย้ยหยัน โชว์ภาพฝักบัวแรงน้ำสูงที่บ้านตัวเองว่า ดูใช้งานได้ดีกว่าฝักบัวของสาวมหาเศรษฐีซะอีก

หลังจากที่ชาวเน็ทเยาะเย้ยเรื่องฝักบัวในคฤหาสน์ที่ Kylie เจียดเงินใน bank ราวๆ 36.5 ล้านเหรียญมาซื้อ และดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธอหงุดหงิดใจนิดหน่อย และต้องออกมาโต้ตอบว่า ในวันที่สวยงามนี้ต้องมาเจอกับเสียงวิจารณ์เรื่องฝักบัวน้ำแผ่วเบา และชี้แจงให้ชัดเจนว่า มันเป็นฝักบัวมี่สำนักงาน Kylie Cosmetics ต่างหาก และโชว์แรงดันน้ำที่คฤหาสน์พันล้านของเธอว่าแรงดีนะจ๊ะ


(ดราม่าอันนี้อาจจะทำให้นึกถึงคำสบประมาทคนรวยที่ว่า "มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้อง ...ด้วย" ซึ่งจริงๆแล้ว ก่อที่จะพูดประโยคนี้ออกมา อาจจะท่องในใจก่อนว่า เงินเค้าๆๆๆ ไม่ใช่เงินเรา!)
"ฝักบัวฉันเริ่ดมากจ้ะ ขอบคุณที่กังวลแทนกัน"   (  เอ๊ะทำไมแปลได้ว่า ' ไม่เผือกนะ')
ถึงเจ้าตัวจะเปิดเผยชัดๆว่า  ฝักบัวที่บ้านมีคุณภาพสูงและดูแพงมากเท่าใด  ชาวเน็ทบางคนก็ไม่พอใจ และกล่าวหาเธอว่าอวดรวยซะงั้น

Kylie กับดราม่า Go Fund Me  


เมื่อใดก็ตามที่คนดังชักชวนให้ชาวเน็ทร่วมบริจาคเงิน ก็มักจะมีดราว่า Rich- Shaming ตามมาเสมอ สาวพันล้านอย่าง Kylie ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไปได้ เมื่อเธอส่งกำลังใจให้กับSam Rauda    makeup artist ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนต้องผ่าตัด เธอได้บอกให้ทุกคนร่วมภาวนาให้เขาปลอดภัย และบริจาคเงินสมทบทุนให้กับครอบครัวของเขาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษา และมีตัวเลขการบริจาคจากเธอเป็นเงิน 5000ดอลลาร์ ในขณะที่เป้าการตั้งรับบริจาคของครอบครัวนี้อยู่ที่ 60,000 เหรียญ

เท่านั้นแหละ   Rich - Shaming ก็แตกกระจายเป็นโกโก้ครันช์!
หลายคนวิพากษ์ Kylie อย่างเจ็บแสบว่า รวยซะเปล่า     แต่ไม่ยอมช่วยเหลือ "เพื่อน" อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่อย    ตัวเลขที่เป็นเป้าหมายบริจาคนั้นดูน้อยกว่ากระเป๋ารองเท้าที่เธอใช้เพียงไม่กี่ครั้งซะอีก     บ้างก็ยืนยันว่า หากรวยเหมือนเธอก็คงรับอาสาดูแลค่าใช้จ่ายนี้เอง   ไม่ต้องมาเรียกร้องให้แฟนๆที่ฐานะการเงินด้อยกว่าเธอหลายเท่าเป็นผู้บริจาค


กระแสกดดันนั้ยแรงพอสมควร ไม่นานจากนั้นKylieก็ออกมาชี้แจงว่า เธอไม่ได้เป็นเพื่อนกับmakeup artist ผู้เป็นเหยื่อของอุบัติเหตุ  และเรื่องราวก็ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่หลายคนกล่าวหา


Kylie ชี้แจงว่า Samไม่ได้ทำงานเป็นmakeup artist ให้เธอ และไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยต่อกันแล้ว แต่เคยร่วมงานกันเมื่อไม่กี่ปีก่อน และเธอคิดว่า เขาช่างเป็นคนที่แสนดี เมื่อรับรู้เรื่องข่าวอุบัติเหตุ และไปที่หน้าGoFundMeก็เห็นว่า ครอบครัวของSamได้ตั้งเป้ายอดบริจาคไว้ที่10,000 ดอลลาร์อละรวบรวมไปได้ 6,000ดอลลาร์แล้ว เธอจึงบริจาคเพิ่มไปอีก5,000 เพื่อให้ถึงยอดที่ตั้งไว้ และได้ post เรื่องนี้เพื่อกระตุ้นให้มีคนรับรู้กันมากขึ้นเพื่อจะได้มีการบริจาคเพิ่มและแชร์เรื่องราวส่งต่อกันออกไป ครอบครัวของSamเองก้ได้ติดต่อมาที่เธอเพื่อแสดงความขอบคุณต่อความห่วงใยที่เธอมอบให้


น่าจะเป็นไปได้ว่า ครอบครัวเพิ่มตัวเลขการบริจาคขึ้นมาอีก เพราะมันเป็นการช่วยชีวิตด้วยการผ่าตัดหลายครั้ง ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆสูงขึ้นอีก จากตอนที่เป็นข่าว ตัวเลขจะอยู่ที่ 60,000 ดอลลาร์ ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น120,000 แล้ว และล่าสุดรวมเงินบริจาคไปได้ประมาณ 100,000 ดอลลาร์ เขารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเดือนแล้วค่ะ


สื่อจอมกัดอย่าง Page Six ทำการบ้านอย่างว่องไวให้เข้ากับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และพาดหัวข่าวว่า Kylie เพิ่งให้พี่สาวยืมเครื่องบินส่วนตัวมูลค่า 72 ล้านดอลลาร์ และอ้างคำพูดแหล่งข่าววงในไว้ว่า

"Kendall บินมาด้วยเครื่องบินส่วนตัวของKylie เมื่อวันเสาร์ และเครื่องบินตีกลับไปยัง LA ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ส่วน Kendall นั้นอยู่ต่อที่ New York"

" บางที เธอควรจะพักอยู่ที่บ้านแล้วก็เอาเงินมาบริจาคให้กับmakeup artist ของKylie ซะนะ" สื่อชื่อดังใช้คำพูดกรีดไว้แบบเจ็บๆ






ชาวเน็ทรุมถล่ม Kim K   ปิดเกาะส่วนตัวฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 40 ในช่วง Covid ระบาด


วิกฤติโรคระบาดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวโลกจนพวกเราคิดไม่ตกกันว่าเมื่อใดจะได้ชีวิตแบบเดิมกลับคืนมา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหล่าเศรษฐีถูกจับผิดเรื่องใช้ความเป็นอภิสิทธิ์ชนหาความสุขใส่ตัวเอง โดยไม่เห็นอกเห็นใจคนที่ต้องประสบกับความทุกข์ยากลำบากจากสถานการณ์นี้

วันคล้ายวันเกิดครบ 40 ปีของ Kim K ก็ได้จุดประกายdebate ขึ้นมา    เจ้าตัวต้องพบกับคำวิจารณ์อย่างหนักเมื่อได้ทุ่มเงินพาครอบครัวเพื่อฝูงบินลัดฟ้าระยะทาง 4000 ไมล์แบบ private  ไปฉลองข้ามวันข้ามคืนที่ Tahiti   แม้จะยืนยันว่าเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเรื่องการตรวจหาเชื้อ Covid ให้กับทุกคนก่อนเดินทาง   แต่ข้อความจากเจ้าของวันเกิดก็ทำให้มีดราม่าตามมา
การเลือกใช้คำว่า humbleในการบรรยายความรู้สึกของ Kim ที่ได้พาคนใกล้ชิดสนิทสนมไปฉลองที่Tahiti   อาจจะไปกระตุ้นต่อมหมั่นไส้ของชาวเน็ทที่มีอคติต่อตัวเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว      Kimยังได้ระบุอีกว่า  นี่เป็นการฉลองแบบเซอร์ไพรส์ในสถานที่ที่ " เราสามารถแกล้งทำเหมือนว่าทุกอย่างยังเป็นปกติแค่เพียงชั่วคราว" ในช่วงโรคระบาด (ที่ทุกอย่างมีกฎควบคุมเข้มงวด)   ซึ่งเมื่อก่อนนั้น เธอไม่เคยมองเห็นคุณค่าความสำคัญของสิ่งอำนวยความสะดวกเรียบง่ายอย่างอย่างท่องเที่ยวไปกับครอบครัวเพื่อนฝูงในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย  และเปิดเผยความรู้สึกซาบซึ้งที่เธอโชคดีมากที่มีโอกาสทำเรื่องเหล่านี้ได้

ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยได้จิกกัดอย่างเผ็ดร้อนว่า ไม่มีส่วนใดในทริปฉลองของKim ที่ดูเรียบง่าย สมถะ หรือแสดงความถ่อมตัวอย่างที่เธอเลือกใช้คำบรรบาย จากรายงานที่ว่า เธอใช้เงินไปราวๆล้านเหรียญในการเซอร์ไพรส์คนใกล้ชิดด้วยทริปนี้มีคนประนามเธอว่า "เห็นแก่ตัว" " ไร้ความเห็นอกเห็นใจ" "เสพติดความสนใจ" รวมถึงพยายามตอกย้ำว่า ในวิกฤติที่มีคนล้มตายและเป็นหนี้เป็นสินจากการสูญเสียงานประจำนั้น ภาพการฉลองที่หรูหราของคนดังก็เปรียบเหมือนกับการอวดอ้างเยาะเย้ยให้ผู้อื่นรู้สึกต่ำต้อยลงไปอีก

ในขณะที่กระแสจากโลกออนไลน์ร้อนแรงเป็นไฟ    ก็มีผู้โต้แย้งมาว่า    ถ้าหากพวกเรามีเงินมากมายและพอกพูนขึ้นทุกวันอย่าง Kim K    เป็นไปได้หรือที่เราจะไม่ใช้เงินปรนเปรอความสุขให้ตัวเองเช่นเดียวกัน ?
Khloe ได้ปกป้องพี่สาวจากดราม่านี้ว่า  ผลพลอยที่ได้จากทริปหรูครั้งนี้คือการกระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยว

เมื่อได้ไปเยือนที่นั่นก็ได้พบว่าทุกคนรู้สึกปลาบปลื้มต่อผลดีเรื่องการท่องเที่ยว มีตั้งหลายคนที่บอกว่า พวกเราเป็นแขกกลุ่มแรกที่ได้มาเที่ยวในระยะเวลาหลายเดือนมานี้ และ ทริปครั้งนี้ได้ช่วยให้พวกเค้าสามารถนำรายได้ไปดูแลค่าใช้จ่ายหรือทำสิ่งต่างๆให้กับครอบครัว แค่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้ตอนอยู่ที่นั่นก็ทำให้เรารู้สึกดีมากๆเลยค่ะ"

 แต่การให้เหตุผลของ Khloe นั้นได้ทำให้มีเสียงแดกดันตามมาว่า  นี่ได้แสดงถึงมุมของคนรวยที่เมินเฉยต่อปัญหา  เพราะเป็นการชัดจูงให้คนอื่นยอมรับว่า พวกเค้าได้ทำสิ่งดีงามให้กับการท่องเที่ยวในเกาะส่วนตัวแห่งนั้น   แต่ไม่ได้มองถึงชีวิตทุกข์ยากจากการขาดรายได้มาหลายเดือน หรือหลังจากที่พวกเค้ากลับบ้านไปแล้ว  คนที่เกาะจะมีลู่ทางทำมาหากินเช่นไรต่อไป    

แม้จะมีการถกเถียงกันไม่สิ้นสุดว่า วิธีการใช้เงินซื้อความสุขในวิกฤติโรคระบาดของคนดังนั้นเป็นเรื่องของการเมินเฉยต่อความทุกข์ร้อนหรือไม่เอาใจเขาไม่ใส่ใจเราหรือไม่ ( บ้านเราอาจจะใช้คำว่า noสน noแคร์ แต่ภาษาชาวเน็ทฝั่งตะวันตกมักใช้คำว่า tone deaf หรือ insensitive ) แต่หลายคนลงความเห็นตรงกันว่า พวกเค้าไม่ได้มีปัญหาต่อเรื่องความรวยล้นฟ้าของบ้าน KarJenner แต่มองว่า นี่อาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการแสดงความสุขสันต์จากความมีอภิสิทธิ์ เพราะอาจจะยากที่จะไม่ให้คนอื่นเปรียบเทียบด้วยอคติ สังเกตได้จาก comment ต่างๆ ที่ระบายถึงความทุกข์จากกฎ lock downไม่ได้พบหน้าครอบครัวมานาน หรือจะเป็นคนที่สูญเสียรายได้จนเข้าสู่ภาวะขัดสนที่ต้องมุ่งเอาตัวรอดและเลิกคิดเรื่องความสุขจากการท่องเที่ยว

แน่นอนว่า ไม่ได้มีแต่ Kim K ที่เดินทางข้ามประเทศเพื่อใช้เวลาอันมีความสุขกับครอบครัวเพื่อนฝูงในช่วง Covid ระบาด ผู้ที่มีฐานะร่ำรวยหลายคนได้จับจองทริปเพื่อพักผ่อนในประเทศที่มีมาตรการการป้องกันโรคที่ไม่เคร่งครัดเท่ากับประเทศของตัวเอง อย่างไรก็ตาม บทบาทของคนสาธารณะในรูปแบบ KarJenner ก็มักจะดึงดูดดราม่าอยู่เสมอ




Chrissy Teigen เจอช้อกล่าวหาอวดรวยเกินเบอร์ ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเพราะอยากจะใช้ห้องน้ำของ store


คุณเคยอยากจะเข้าห้องน้ำสุดๆ และต้องวิ่งเข้าร้านอะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ตัว และซื้อของจากร้านนั้นเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการขอใช้สุขาหรือเปล่า ?


Chrissy ก็มีประสบการณ์เดียวกัน แต่ร้านที่ว่า เป็น Celine ที่ Barneys ห้างสุดหรูที่ปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว



เธอได้อ้างอิงคำพูดของแฟนที่เคยพบเธอที่Barneys เพื่อยืนยันว่า เธอได้ซื้อกระเป๋าราคาเป็นพันดอลลาร์เพราะไม่อยากรู้สึกแย่ในการขอใช้สุขา และคอมเมนท์อย่างเฮฮาว่า ถ้าใครก็ตามที่รู้จักเธอแล้วจะประจักษ์ว่าเรื่องนี้มันจริงแท้แน่นอน และก็เกิดขึ้นบ่อยซะจนเกินไปซะด้วย
 ( อยากรู้นิดๆว่าเธอสอยกระเป๋าเพราะอยากจะขอเข้าห้องน้ำของช็อปมาแล้วกี่ใบ)


นอกจากนั้น  Chrissy ยังไดเผยข้อความแชทกับเพื่อนสาวให้ชาวเน็ทได้รับรู้ว่า  เธอเคยซื้อชุดแต่งงานมาห้าชุด  แม้ว่าจะไม่ได้ใส่ชุดเหล่านั้นในงาน เพียงเพราะว่าเธอรู้สึกผิดหากจะลองชุดหลายตัวแล้วไม่ซื้อพวกมันกลับไป
ในช่วงที่  Chrissy เล่าเรื่องนิสัยshoppingที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิด  Covid เริ่มเข้าสู่อเมริกาได้ไม่กี่เดือนและผู้คนเริ่มจะตกงานกันแล้ว  กระแสการตอบรับจากชาวเน็ทจึงไม่ค่อยมีอารมณ์เฮฮากันไปหมด    ไม่ต่างจาก Kim K       Chrissy ถูกกล่าวหาว่าประกาศความร่ำรวยต่อหน้าคนที่กำลังลำบากอย่างไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ความร้ายแรง    

ในช่วง pandemic เธอก็ถูกรุมโจมตีซ้ำอีก เมื่อพูดถึงประสบการณ์ถูกบริกรชักจูงให้สั่งไวน์ราคา 13,000 ดอลลาร์ แต่มันไม่ได้มีรสชาติดีสมราคาจนดื่มไม่หมดขวด หรือแม้แต่การเล่าว่า ได้หันไปเรียนขี่ม้าเพราะนักบำบัดแนะนำให้หางานอดิเรกเพื่อเยียวยาจิตใจหลังจากเสียลูกในท้องไป ก็ได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรง เพราะการแชร์เรื่องราวในชีวิตของเธอทำให่คนหลุ่มหนึ่งขุ่นเคืองที่ได้พบว่า ชีวิตของคนดังดูสุขสบายมาแค่ไหน ในขณะที่พวกเค้าต้องดิ้นรนในวิกฤติโรคระบาด


Chrissy ตอบโต้คำวิจารณ์เหล่านั้นว่า ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่เธอกล่าวถึงนั้นจะทำให้ทุกๆคนรู้สึกเข้าถึงหรือเข้าใจ เพราะมันคือชีวิตของเธอ เป็นเรื่องราวส่วนตัวที่บอกผ่านaccount ของเธอเอง




ในกรณี Rich - Shaming คนดัง    ชาวเน็ทบางคนเลือกนำภาพจาก Parasite หนังรางวัล Oscar มาประชดประชันเรื่องความเหลื่อมล้ำ  โดยเฉพาะฉากขอองคุณพ่อผู้เก็บกดจนกลายมาเป็นตำนาน



Cardi B โต้ข้อกล่าวหาสปอยล์ลูกอย่างฟุ่มเฟือย  " พ่อแม่ใช้ของแพง ลูกก็ต้องแพงไม่ต่างกัน"

กรณีนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อเซเลบซื้อข้าวชองเครื่องใช้จากแบรนด์ดีไซน์เนอร์เมื่อมด พวกเค้าก็ต้องพบกับคำพูดถากถางว่าใช้เงินอย่างไม่เหมาะสม ปลูกฝังให้ลูกฝักใฝ่เรื่องวัตถุ ทั้งๆที่เด็กไม่ควรยึดติดกับมูลค่าของข้าวของเครื่องใช้


Cardi Bและสามีขึ้นลือชาเรื่องเปย์ของแบรนด์เนมให้ลูกสาวตัวน้อย และถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเลี้ยงลูกให้เสียคนอยู่หลายครั้ง

จะมีความเห็นกับเรื่องนี้เช่นใด ?


"ทุกทีที่คนดังซื้อเครื่องประดับเพชรพลอยและของใช้แบรนด์ดีไซน์เนอร์ให้กับลูกๆ คนอื่นจะบอกว่า เด็กไม่สนใจของพวกนี้สักหน่อย พวกเค้าแคร์เฉพาะของเล่นและลูกกวาดเท่านั้น"

"แต่ประเด็นคือ เด็กๆออกไปข้างนอกไงยะ พวกเค้าไปร้านอาหาร ไปยังสถานที่หรูๆ เหล่าลูกคนดังก็ไปเดินพรมแดงกันด้วย"

" ถ้าฉันหรูเริ่ด  สามีก็หรูเริ่ด  ดังนั้นลูกก็ต้องหรูเริ่ดสิยั  ถ้าฉันใช้Chanel ลูกก็ต้องมีเหมือนกัน  มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกของเด็กสักหน่อย  ถ้าให้เค้าเลือกกันเองก็คงจะใส่แต่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปออกไปข้างนอกแล้ว"

" มันไม่ได้หรอกนะ ถ้าให้ฉันดูสวยเผ็ดสวยแพง แต่ลูกดันดูมอซอ พวกคุณก็เพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้วล่ะ"

"ฉะนั้น ฉันไม่ถือสาใดๆที่พ่อซื้อBirkin ให้ลูกสาว เธอก็ต้องใช้กระเป๋าคู่กันกับแม่สิจ๊ะ"




ดังที่ Cardi ว่าไว้ เธอไม่ได้เดียวดายในดราม่านี้      Kylie Jenner ก็ต้องพบกับกระแสโจมตีในเรื่องเดียวกันอยู่เนืองๆ      ที่โจษจันกันมากคือกระเป๋าสะพาย Hermes ของหนูน้อย Stormi ที่คุณแม่สุด sexy จัดให้ไปใช้ที่โรงเรียนอนุบาล


เหตุผลของชาวเน็ทที่ไม่พอใจเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับตอนที่คนดังเมืองไทยใช้ประเป๋าแพงค่ะ "ทำไมไม่เอาเงินไปบริจาค" " ใช้ของถูกก็สวยได้เหมือนกัน"

แต่ก็มีคนฉุกคิดว่า   สังคมในระดับคนที่มีทรัพย์สินมากมายขนาดนี้  กระเป๋าที่ใส่ไปโรงเรียนราคากว่าสามแสนบาทอาจจะไม่ใช่เรื่องแหวกแนวของพวกเค้าก็เป็นได้  แม้ว่าคนใช้จะเป็นเด็กน้อยที่ยังพูดไม่ชัด   แต่โรงเรียนของลูกหลานคนรวยก็คงเต็มไปด้วยข้าวของแบรนด์เนมเช่นกัน

บางคนมองว่าคำประนามการใช้ชีวิตแบบรวยๆนั่นมาจากความอิจฉาริษยาของผู้ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงโลกแบบนั้น แต่บางคนก็ยืนยันว่าเป็นการ call out ที่สมควรกระทำในสังคมที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ และมาจากเจตนาที่อยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลง


คุณคิดอย่างไรกับดราม่า Rich - Shaming ? มาแชร์กับเราได้เลยค่ะ


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE