มหากาพย์ Bully ยังไม่จบ ดีไซน์เนอร์หนุ่มเผย ถูก Chrissy bully จนคิดฆ่าตัวตาย!
candy 51 9Chrissy เพิ่งเปิดใจขอโทษอย่างสุดซึ้งอีกครั้ง แต่กลับเจอดราม่าฟ้าผ่าตามมาไม่กี่ชั่วโมง
กระแสดราม่า bully อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชื่อเสียงของ Chrissy Teigen จะซาลงไปได้สักระยะ หลังจากที่เธอเก็บตัวนิ่งเงียบ ไม่เคลื่อนไหวต่อเสียงโจมตีจากโลกออนไลน์ และมีการเปิดเผยว่า เธอต้องเสีย deal ธุรกิจและถอนตัวออกจากบทผู้บรรยายซีรีส์ Netflix แต่ในที่สุด เธอก็ได้ตัดสินออกมาขอโทษผ่าน social media อีกครั้ง และเป็นการชี้แจงยาวเหยียดที่ดึงดูดความสนใจจากนักเสพดราม่าอีกครั้ง
เราได้ย่อใจความคำขอโทษของ Chrissy ไว้ดังนี้ ...
เราได้ย่อใจความคำขอโทษของ Chrissy ไว้ดังนี้ ...
- เธอเก็บตัวที่บ้านและใคร่ครวญถึงสิ่งที่เคยทำลงไปในอดีตที่ส่งผลให้เธอถูกต่อต้านจากคนทั่วโลก เธอทั้งอับอายและเข้าใจแล้วว่าได้สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้อื่นและต้องการขอโทษต่อเหยื่อทุกคน เธอกำลังอยู่ระหว่างการติดต่อพวกเค้าเหล่านั้นเพื่อขอโทษโดยตรง
- เธอรู้ว่า คนที่ถูกเธอดูถูกดูแคลนไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่เช่นนี้จากเธอ พวกเค้าจำเป็นที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ, ความเข้าใจ และแรงสนับสนุน
- เธอประกาศว่า ตัวเองเป็น troll อย่างไร้ข้อกังขา และขอโทษทุกคนในเรื่องนี้
- เธออธิบายต่อว่า ตอนเริ่มใช้ social media ใหม่ๆ เธอได้ใช้พื้นที่นี้สร้างความสนุกสนานจากการจิกกัดคนดัง แต่ในความเป็นจริง เธอเป็นคนไร้ความมั่นใจ ไม่รู้จักโต และเชื่อว่าต้องสร้างความประทับใจต่อกลุ่มคนที่ไม่รู้จักเพื่อจะได้เป็นที่ยอมรับ ในตอนนั้นได้ใช้ Twitter เพราะหิวแสงจัด อยากจะโชว์ให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองปากร้าย ปราดเปรื่อง และเชื่อว่ามันไม่ได้ทำร้ายใคร
- เมื่อรู้ตัวว่าทำร้ายแม้กระทั่งเด็กสาวอายุน้อยก็รู้สึกขนลุกขนชันกับความร้ายกาจของตัวเอง เธอตั้งคำถามประดังประเดขึ้นมาว่าตัวเองทำลงไปได้เช่นไร เพราะอะไรถึงไม่รู้ตัวว่าคำพูดเหล่านั้นมันโหดร้ายมากแค่ไหน เธอมีสิทธิ์อะไรไปด่าว่าคนอื่น
- เธอยืนยันว่า ตัวตนในปัจจุบันของเธอไม่ได้เป็นคนเดิมกับในอดีตที่ใช้คำพูดเลวร้ายกับคนอื่น และประกาศว่าจะเข้ารับการบำบัดให้มากกว่าเดิม
- เธอพยายามเต็มที่เธอที่จะถ่ายทอดส่วนที่ดีของตัวเองให้กับลูกๆ และอบรมสั่งาอนให้พวกเค้ามีความเมตตา เธอสงสัยว่าเมื่อพวกเค้ารู้เรื่องนี้จะคิดว่าเธอเป็นพวกปากอย่างใจอย่างหรือไม่ แต่ก็หวังว่าลูกจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีของเธอ
- เธอยืนยันว่าจะทุ่มเทเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดียิ่งขึ้น และขอโฟกัสในการใช้เวลากับครอบครัวและดูแลตัวเอง
- เธอไม่ได้ขอร้องให้สังคมให้อภัย แต่ขอให้ยอมรับให้เธอใช้อดีตที่ผิดพลาดมาพัฒนาตนเองและสร้างความเปลี่ยนแปลง
.
คำขอโทษของ Chrissy น่าจะทำให้หลายคนได้เปิดใจให้โอกาสกับผู้ที่เคยผิดพลาดมาก่อนได้ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรม เพราะเราต่างรู้กันว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ คนที่เคยสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้อื่นในอดีตก็อาจจะมีจุดหักเหให้สำนึกผิดและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่
แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Chrissy ได้ส่งคำขอโทษนี้ออกมา กลับมีบุคคลหนึ่งเผยประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำให้ดราม่าเรื่องนี้ถูกขยายออกไปอีก เขาคนนั้นกล่าวหา Chrissy ว่า ใช้power คนดังทำลายอาชีพของเขาจนทำให้คิดฆ่าตัวตายมาหลายครั้ง
Michael Costello ที่เผชิญข้อกล่าวหามีพฤติกรรมเหยียดผิว
ย้อนไปเมื่อปี 2014 มีดราม่าที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นข่าวกรอบเล็กๆในสื่อออนไลน์ที่พาดพิงถึงพฤติกรรมของ Michael Costello ดีไซน์เนอร์ที่สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากรายการ Project Runway* จากการปล่อย screen capture คำพูดโต้เถียงของเขากับใครบางคน อันเป็นหลักฐานว่าเขาได้ใช้ N word เหยียดผิวคู่กรณี แต่ผลกระทบจากเรื่องนั้นเป็นเช่นไรก็ยังไม่มีการสรุปชัดเจน
* reality show ที่จับเอาดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ไฟแรงมาแข่งขันสร้างผลงานประชันกัน ผู้ชนะจากรายการนี้อย่าง Christian Siriano ได้ก้าวมาสร้างแบรนด์ดังที่เป็นที่นิยมในหมู่คนดังระดับ A List มาแล้ว
ดีไซน์เนอร์ผู้สร้าง connection จากผลงานการออกแบบชุดในงานพรมแดงของ Beyonce
Costello เรียกความสนใจจากสื่อหลังจากที่ Beyonce สวมชุดผลงานการออกแบของเขาเฉิดฉายบนพรมแดงGrammy ในปี 2014 เรียกได้ว่า นี่คือเส้นทางในฝันของดีไซน์เนอร์ไฟแรงที่พยายามสร้างแบรนด์ให้มีชื่อเสียงโด่งดัง จากหลากหลายกรณีที่คนดังระดับ top สวมใส่ชุดของดีไซน์เนอร์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อ boost ความสนใจจนได้รับความนิยมล้นหลามขึ้นมา
เส้นทางในวงการ fashion ของ Costello ดูสวยสดงดงามเลยทีเดียว เขาได้ร่วมงานกับ Mariah, JLo, Gwen Stefani และคนดังมากหน้าหลายตา
แต่ scandal ใช้ N word นั้นทำให้ชื่อเสียงของเขามัวหมองลงไป เหล่าแฟนๆของ Beyonce ได้เรียกร้องให้เธอตัดขาดกับดีไซน์เนอร์รายนี้ เพราะไม่ต้องการให้ superstar สาวต้องไปเกลือกกลั้วกับคนที่มีประวัติเหยียดผิว
ข้อความเหยียดผิวต้นตอดราม่า ของจริงหรือถูกตัดต่อเพื่อใส่ร้าย ?
ต้นเรื่องดราม่า N word นี้ เริ่มขึ้นเมื่อ Maxine James ดีไซน์เนอร์สาวได้แฉว่า ถูก Costello เลียนแบบดีไซน์ชุดของเธอไปอย่างไม่ละอายใจ และโชว์หลักฐานว่า Costelloทำชุดที่เหมือนกับเธอเป๊ะๆขึ้นมาหลังจากที่หุ้นส่วนของเขาซื้อชุดนี้ไปจากเธอ ต่อมามีการตอบโตจากฝั่งหุ้นส่วนของ Costello ว่า ซื้อชุดนี้ไปจากดีไซน์เนอร์สาวจริงๆ แต่นั่นเป็นเพราะว่า มันเป็นชุดที่ดูเหมือนกับชุดที่พวกเค้าดีไซน์ร่วมกันเมื่อหลายปีก่อน เมือ่ได้ชุดนี้มา เธอจึงจัดการให้นางแบบสวมใส่เพื่อเปิดโปงว่านี่คือของcopy ผลงานของพวกเค้า และไม่ได้ตั้งใจจะส่งชุดนี้จำหน่ายใน showroom
คำพูดแบบหนังคนละม้วนของทั้งสองฝ่ายทำให้ชาวเน็ทเกิดความสงสัย หลายคนมั่นใจว่า คนที่ลอกเลียนงานผู้อื่นคือ Costello และส่งข้อความทวงถามคำอธิบายจากเขา และมีการเปิดเผยว่า ดีไซน์เนอร์หนุ่มได้เดือดจัดจนเกรี้ยวกราดใส่ชาวเน็ทด้วย N wordและยกตัวว่า เขาเคยทำชุดให้กับBeyonce มาแล้ว จะมีใครล่ะที่เชื่อถือคนที่กล่าวหาเขา
เมื่อ Chrissy ได้ยิน ดราม่า screen capture หลักฐานเรื่องเหยียดผิวของ Costello เธอก็ประนามว่าวิธีการ PR เพื่อกลบเกลื่อนกระแสโจมตีที่ฉลาดแกมโกงและแนะนำให้เขาไปตั้งบริษัท PR ซะ
หลังจากนั้น ดีไซน์เนอร์เจอกับมรสุมเรื่องลอกเลียนงานและเหยียดผิวก็มาพร้อมกับทนายเพื่อประกาศว่าสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นข้อความที่เกิดจาก photoshop และยังติดต่อไปยัง Instagram เพื่อนำคอมเมนท์ปลอมนี้ออกไป
เรื่องราวผ่านไป 7ปี โดยที่คนภายนอกไม่ทราบว่า ผลกระทบจากความขัดแย้งครั้งนี้ส่งผลต่อตัว Costello เช่นไร จนกระทั่งเขาตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าChrissy Teigen ไม่เพียงแต่จะจิกกัดเขาออกสื่อเท่านั้น แต่ยังใช้อิทธิพลเพื่อทำลายอาชีพของเขาให้หมดทางไป
หลังจากนั้น ดีไซน์เนอร์เจอกับมรสุมเรื่องลอกเลียนงานและเหยียดผิวก็มาพร้อมกับทนายเพื่อประกาศว่าสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นข้อความที่เกิดจาก photoshop และยังติดต่อไปยัง Instagram เพื่อนำคอมเมนท์ปลอมนี้ออกไป
เรื่องราวผ่านไป 7ปี โดยที่คนภายนอกไม่ทราบว่า ผลกระทบจากความขัดแย้งครั้งนี้ส่งผลต่อตัว Costello เช่นไร จนกระทั่งเขาตัดสินใจออกมาเปิดเผยเรื่องราวว่าChrissy Teigen ไม่เพียงแต่จะจิกกัดเขาออกสื่อเท่านั้น แต่ยังใช้อิทธิพลเพื่อทำลายอาชีพของเขาให้หมดทางไป
ดีไซน์เนอร์เปิดใจ พยายามเคลียร์ตัวเองกับ Chrissy แต่ถูกบอกให้ไปตายซะ
- เมื่อพิสูจน์ได้แล้วว่า ข้อความที่ถูกใช้เป็นหลักฐานเรื่องเหยียดผิวเป็นผลงานการตัดต่อ เขาได้ติดต่อหา Chrissy เพื่ออธิบายความจริง แต่เธอไม่ยอมรับฟัง Costello ได้เปิดเผยข้อความ chat ที่อีกฝ่ายขู่ว่า อาชีพดีไซน์เนอร์ของเขาถึงจุดจบแล้ว และพวกคนเหยียดผิวอย่างเขา "ควรจะทรมานและตายไปซะ"
- เขาพบว่า เธอมีความสามารถทำตามคำขู่ได้จริงๆ หลายครั้งเขาพบว่าถูกยกเลิกงานในนาทีสุดท้ายโดยไม่มีคำอธิบาย เพื่อนฝูงของเขาที่รู้จักกับ Chrissy ได้ส่งข้อความและโทรมาเตือนว่า Chrissy และ Monica Rose ผู้เป็นสไตลิสท์ทรงอิทธิพลได้ส่งคำขู่ไปยังแบรนด์และผู้ร่วมงานในวงการว่า หากลองได้ร่วมงานกับ Costello พวกเธอจะตัดขาดกับพวกเค้าไปซะ
"พวกเหยียดผิวควรจะทุกข์ทรมานแล้วตายๆไป คุณก็ควรตายด้วยเหมือนกัน
อาชีพของคุณมันจบเห่ไปแล้ว คอยดูเหอะ" Chrissy Teigen
"ในหลายๆคืน ผมไม่หลับไม่นอน เอาแต่คิดจะฆ่าตัวตาย ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร" Michael Costello
ดีไซน์เนอร์ระบายอย่างอัดอั้น คิดฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง และปิดปากเงียบมาตลอดเพราะหวั่นเกรงอิทธิพลของอีกฝ่าย
- เมื่อเขาพยายามติดต่อหา Chrissy และ Monica เพื่อขอร้องว่าให้ใคร่ครวญถึงภาพรวมเรื่องทั้งหมด แทนที่จะหลงเชื่อในการสร้างเรื่องใส่ร้ายซึ่งเป็นฝีมือของลูกจ้างที่ไม่พอใจในตัวเขา แต่พวกเธอก็ไม่ให้โอกาสให้เขาได้เคลียร์ตัวเอง
- หลายครั้งเขาเกิดความคิดอยากจะตายไปซะ เพราะคิดว่า ยัไงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงการตกเป็นเป้าของคนดังทรงมีอิทธิพลที่จ้องทำลายคนอื่นอยู่ฉากหลัง ทั้งๆที่เขาเป็นเหยื่อการใส่ร้ายในโลก cyber แต่กลับกลายเป็น blacklistในวงการ
- เขายืนยันว่า ยังไม่สามารถเขียวยาขิตใจจากเรื่องนี้ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อนก็ยังคิดสั้นและเขียนจดหมาถึงครอบครัวและเพื่อนสนิท ทำให้พวกเค้ารวมตัวเฝ้าดุแลไม่ปล่อยโอกาสให้เขาลงมือทำร้ายตัวเอง
- แต่ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเพื่อออกมาเปิดเผยสิ่งที่ได้เผชิญมาตลอดหลายปีนี้ และให้เหตุผลว่า ที่ปิดปากนิ่งเงียบมานาน เพราะหวาดกลัวว่า จะสูญเสียแบรนด์ที่สร้างขึ้นมา ทั้งconnectionกับแบรนด์ต่างๆ รวมถึงเพื่อนๆและพันธมิตรในวงการนี้
- เขาไม่ได้เรียกร้องความสงสาร แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ต้องมาพบกับการปฏิบัติที่เลวร้ายจากคนที่มองไม่เห้นค่าการทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองมาเนิ่นนาน แต่ต้องมาพังเพราะคอมเมนท์เดียว
" ผมยังไม่OK และอาจจะไม่มีวันกลับมาOKได้ แต่วันนี้ผมเลือกที่จะออกมาพูดความจริง"
แบรนด์ Michael Costello พังเพราะอิทธิพล Chrissy จริงหรือ ?
ตั้งแต่ปี 2014 ที่ Costello เคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาว่าเหยียดผิวไมาได้ ก็มีคนดังhigh profile แวะเวียนเรียกหาให้เขาสร้างสรรค์ชุดสวยให้หลายครั้ง และยังเคยส่งผลงานไปถึงพรมแดง Oscar มาแล้ว โดยเฉพาะคนดังที่มีเชื้อสาย African ผิวดำ อย่าง Beyonce, Mariah Carey, Nicki Minaj, Queen Latifah และ Laverne Cox
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเขาน่าจะพบกับความกดดันหลายประการเมื่อต้องฝ่าฟันกับอุปสรรค blacklist แม้จะยังได้รับความไว้วางใจจากคนดัง แต่ก็ต้องพลาดโอกาสในงานที่อาจจะเป็นประตูให้เขาก้าวไปสู่จุดที่สูงกว่าเดิม
ล่าสุด Costello ปิดกล่อง comment ในpost เปิดใจ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีชาว Hollywood ส่งข้อความให้กำลังใจ รวมถึงแสดงท่าทีตกตะลึงกับเรื่องที่เขาได้พานพบมาด้วยคำพูดที่ดูปักใจเชื่อเต็มที่ ดีไซน์เนอร์หนุ่มเป็นเหยื่อ bully จนทุกข์หนักถึงขั้นคิดสั้น
ผลกระทบไปถึงตัวสามีผู้โด่งดังของ Chrissy
ตั้งแต่ที่มีดราม่าขุดคุ้ย Tweet เก่าของ Chrissy สามี superstar ของเธออาจจะไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะ "ถูก cancel" แต่ก็ต้องเจอกับคอมเมนท์จากชาวเน็ทที่แสดงความไม่พอใจที่ John ไม่เอ่ยปากใดๆ ต่อเหตุการณ์นี้ อย่างเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เขา post ภาพภรรยา แม้จะมีแฟนๆจำนวนไม่น้อยตามมาให้กำลัง Chrissy และเรียกร้องให้เธอกลับคืนสู่ social media แต่ก็มีอีกหลายคอมเมนท์ที่ตำหนิการกระทำของเธออย่างเจ็บแสบผ่าน Instagram ของ John
Costello ได้แถลงการณ์ผ่าน Entertainment Tonight ว่า หากจะพิสูจน์ว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริงก็ต้องแสดงออกด้วยการกระทำ ไม่ใช่การเขียนข้อความบน notepad เขาไม่ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อแก้แค้น แต่เป็นเพราะจำใจต้องนิ่งเงียบมานานแล้ว ตอนนี้ก็ยังรอคอยคำขอโทษจาก Chrissy และถ้าอีกฝ่ายสำนึกได้ว่าได้ทำในสิ่งที่ผิดลงไป เขาก็พร้อมจะพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
ก่อนหน้าที่ดีไซน์เนอร์หนุ่มจะเปิดเผยประสบการณ์ถูก bully จนกลายเป็นพาดหัวข่าวร้อนแรงของสื่อแทบทุกเจ้า Chrissy ได้รับกำลังใจจากแฟนๆที่เชื่อมั่นว่า เธอจะปรับปรุงตัวเองและก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีตได้ แต่เมื่อสังคมได้รับรู้เรื่องราวจากปากผู้ที่ทุกข์ใจจนอยากฆ่าตัวตาย เธอจะจัดการกับเรื่องนี้เช่นไร ?
อัพเดท
ส่อแววคดีพลิก เมื่อทีม Chrissy ใช้เวลาตรวจสอบโต้ข้อกล่าวหา และยืนยันว่า ภาพแชทสุดฉาวเป็นของปลอม!
ทั้ง John และ Chrissy มั่นใจ ถูกใส่ร้ายด้วยหลักฐานแชทที่ปลอมขึ้นมา
นอกจาก John จะยืนยันความบริสุทธิ์ของภรรยาจากข้อกล่าวหาของดีไซน์เนอร์หนุ่มแล้ว เขายังเรียกร้องให้ผู้ที่แพร่กระจายเรื่องนี้ได้ส่งต่อความจริงเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด ส่วน Chrissy ที่เก็บตัวอยู่ 4 วัน ก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยการโชว์หลักฐาน
เธอได้โชว์ DMs ที่Michael Costello ส่งให้เธอในปี 2018 2019 และ 2020 ที่ไร้ท่าทีขุ่นเคืองใจ หรือหวาดกลัวในอิทธิพลของเธอดังที่ได้ระบายผ่าน social media ล่าสุดคือการชักชวนเธอเข้าร่วมproject ทำmask บริจาคโรงพยาบาล
ส่วนทีมฝั่งดีไซน์เนอร์ได้ออกมาแถลงว่า นี่คือการดิ้นรนจากทาง Chrissyเพื่อจะพิสูจน์ข้อความเป็นของปลอม และพฤติกรรมนี้ก็เป็นวิธี bully แบบเดิมๆที่เธอเคยทำ
rep บรรยายเพิ่มว่า เมื่อเหยื่อบอกเล่าเรื่องราวเพื่อขอความช่วยเหลือ สิ่งที่abuser ทำเป็นอย่างแรกคือการดิสเครดิตเหยื่อและทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้อื่น ทั้งๆที่เมื่อ 7 ปีก่อน Costello พยายามแสดงหลักฐานต่อ Chrissy ว่าตำพูดเหยียดผิวที่ทำให้เธอไม่พอใจนั้นเป็นของปลอมที่ถูกตกแต่ง แต่เธอเลือกที่จะไม่เชื่อเขา แต่คราวนี้ทีมของเธอกลับดิสเครดิตCostello เพื่อช่วยกู้ภาพลักษณ์ของตัวเอง
ตัวแทนยังให้ข้อมูลต่อว่า นอกเหนือจากข้อความแชทและข้อความบน Instagram แล้ว ยังมี email และเอกสารอื่นที่ยังไม่ได้ปล่อยสู่สาธารณชน มันเป็นหลักฐานยืนยันว่า Chrissy ได้ใช้วิธีอื่นๆไม่ใช่แค่โลกออนไลน์เพื่อ blacklist Costello ทำให้เขาต้องประสบปัญหาทางจิตใจและการเงินมาตลอด 7 ปี
ฟังคล้ายกับว่า ฝ่ายดีไซน์เนอร์ขู่กลับว่าจะแฉเพิ่ม แต่อ่านดีๆแล้ว ไม่มีตรงไหนปฏิเสธเรื่องปลอมข้อความเลยแบบชัดเจน หรือไม่ได้ยืนยันว่าเป็นของแท้แน่นอน แต่ฟังกูเหมือนเป็นการพลิกแพลงคำพูดแนว PR
เรื่องราวจะลงเอยยังไง เราขอรอความกระจ่างเพิ่ม จริงหรือที่ดีไซน์เนอร์ผู้สร้างแบรนด์มาหลายปีจะทุ่มสุดตัวเพื่อใส่ร้ายคนดัง แน่นอนว่า โลกออนไลน์กำลังฮือฮากับความพลิกผัน เมื่อคนที่ถูกมองว่าถูก cancel ไปแล้วจะหาหลักฐานโต้กลับคนกล่าวหาจนอีกฝ่ายอาจจะต้องหมดทางไป
อะไรคือความจริง น่าจะใกล้เปิดเผยชัดเจนเร็วๆนี้