รอคอยกันมาถึง 6 ปี  ในที่สุด Adele ก็กลับมาทวงบัลลังก์ Diva สร้างความปลาบปลื้มให้กับแฟนๆที่เฝ้าทวงถามผลงาน   แม้จะยังไม่ได้ปล่อยอัลบั้มเต็ม และต้องรอไปจนถึงวันที่ 15  แต่ come back ทั้งที   มีรึที่คุณแม่จะมาแบบแผ่วเบา   ประเดิมกันกันด้วยสองปก VOGUE  ทั้งอเมริกาและอังกฤษ พร้อมด้วยสัมภาษณ์เปิดอกเคลียร์หลากหลายประเด็นที่ใครๆอยากรู้อยากเห็น

เพียงแค่มีตัวเลขปรากฏ30 ขึ้นที่หลายภูมิภาค  แฟนๆก็ปลื้มปริ่มว่าแม่มาแล้ว!

ส่ง Teaser ออกมายืนยัน  โชว์แค่คัดเบ้าสุดคุ้นเคยก็สั่นสะเทือนโลกออนไลน์

ชีวิต superstar สุด private

แม้ Adele จะมี Instagram และTwitter account ไว้สื่อสารกับผู้ติดตามหลายล้าน แต่เธอก็เป็นหนึ่งในคนดังสุด private หากไม่ใช่เทศกาล award show เราก็แทบไม่เห็นเธอเฉิดฉายบนพรมแดง รายการ TV ที่ดึงเธอมาให้สัมภาษณ์ได้นับว่าexclusive เมื่อเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างชีวิตครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เธอจะระมัดระวังตัวเต็มที่ จะเห็นได้จากเวลาเกือบเก้าปีที่ยืนกรานไม่ให้สื่อเผยแพร่ภาพใบหน้าของลูกชาย (เธอเคยฟ้องphoto agency ที่นำภาพของน้องไปปล่อย ด้วยเหตุผลว่า ลูกชายของเธอไม่ใช่สิ่งของสาธารณะและได้ค่าเสียหายมาแล้ว)

นอกจากงานผู้ดำเนินรายการรับเชิญของ SNL   Adele ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อสัมภาษณ์มาถึง 5 ปี เรียกได้ว่า ถ้าไม่ได้อยู่ในช่วงโพรโมทผลงาน ก็เก็บตัวนิ่งเงียบติดต่อกันได้เนิ่นนานโดยที่ไม่เกรงว่ากระแสความนิยมจะหดหาย

Adele เคยเลี่ยงจะไป dinnerหรือแม้แต่พลาดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเพื่อนเนื่องจากไม่อยากตกเป็นที่สนใจหรือถูกรุมถ่ายรูป แต่ในตอนนี้ก็ได้ผ่อนคลายกับตัวเองมากขึ้น หลังๆมานี้มีคนถ่ายภาพของเธอตอนที่กำลังสนุกสนานใน partyมาแชร์ในโลกออนไลน์ และเธอได้ใช้เวลาเตรียมพร้อมที่จะกลับมาได้รับความสนใจในฐานะคนดังอีกครั้ง

เริ่มโพรโมทด้วยการขึ้นปกไบเบิลแห่งแฟชั่น  หนึ่งไม่พอ แม่ขอเบิ้ล!

ปก VOGUE  USและUK นั้นได้นำเสนอ Adele ที่แตกต่างกันชัดเจน แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสฉีกจากโทนสีกลางที่เธอนิยมชมชอบ  

ปก US: ชุดจาก Valentino Haute Couture ที่ไม่ได้มีความโดดเด่นจากสีเขียวมรกตเท่านั้น แต่ยังมีvolumeพองฟูอันเป็นเอกลักษณ์ของดีไซน์ในseason ล่าสุด ชุดดูเยอะแล้ว จึงจับคู่กับมวยผมแบบsleek และเมคอัพที่ไม่จัดจ้านนัก

ปก UK:  ชุด Vivienne Westwood ที่ท่อนบนเป็นคอร์เซ็ท ซึ่งแบรนด์ดังได้ตัดเย็บชุดนี้สำหรับ Adele โดยเฉพาะ  ซึ่งในปี 2012  ฝั่งอเมริกาก็เคยจับ Adele ใส่คอร์เซ็ทถ่ายแบบมาแล้ว  ส่วนหน้าผม cat eye ต้องมา volumeผมต้องเยอะ เป็น signature ของ Adeleมาแต่ไหนแต่ไร

ไม่มี bad blood กับอดีตสามี

 
VOGUE US

"ฉันทำอะไรแบบซังกะตายไปวันๆและไร้สุข  เราทั้งสองไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเราไม่ได้ทำร้ายจิตใจกัน มันเเป็นเพราะฉันอยากจะให้ลูกชายได้เห็นว่าแม่เป็นทั้งผู้ให้ความรักและเป็นที่รัก   ซึ่งมันสำคัญมากๆสำหรับฉัน   นับแต่นั้น ฉันก็ได้ก้าวสู่เส้นทางเพื่อค้นหาความสุขที่แท้จริง"



VOGUE UK

Adele เผยว่า การแยกทางนั้น เป็นเรื่องของการหมดใจ ไม่ใช่ความขัดแย้งรุนแรง

"เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ใช่สำหรับฉันอีกต่อไป  ฉันไม่อยากจะจมปลักเหมือนกับหลายคนที่ฉันรู้จัก ฉันไม่ได้ทุกข์ใจจะเป็นจะตาย แต่ฉันคงทรมานถ้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง  แต่ก็อย่างที่บอกไป มันไม่มีเรื่องแย่ๆหรืออะไรทำนองนั้นเกิดขึ้น"

ฟังแค่นี้หลายคนน่าจะมั่นใจได้ว่า  superstarสาวเป็นฝ่ายตัดสินใจถอนตัวออกมาเอง

เปิดใจถึงผลกระทบจากการหย่าร้าง

VOGUE UK

"ลูกชายได้ตั้งคำถามหลายอย่าง  มันเป็นคำถามที่ดี ถามด้วยความไร้เดียงสา แต่ฉันก็ไม่รู้จะตอบลูกว่ายังไง  อย่างคำถามที่ว่า ทำไมเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันไม่ได้ล่ะ?"

"ฉันคิดว่าคงจะพร้อมอธิบายเรื่องนี้ได้ก็ตอนที่เขาอยู่ในวัยยี่สิบหรือสามสิบ เพื่อจะให้เข้าใจถึงตัวตนของแม่ เข้าใจถึงเหตุผลที่แม่เลือกไขว่คว้าหาความสุขเพื่อตัวเอง ซึ่งมันได้ทำลายชีวิตของเขา  บางครั้งลูกดูไม่มีความสุขเอาซะเลย  มันเป็นบาดแผลหนักหนาของฉันที่ตัวเองก็ไม่รู้เลยว่าจะเยียวยารักษาได้หรือไม่"

move on อย่างมีชีวิตชีวากับรักครั้งใหม่

หนุ่มที่ทำให้เธอมีชีวิตชีวาอีกครั้งคือ เอเจนท์นักกีฬา Richard Paul ซึ่งปิ๊งรักครั้งใหม่นี้ก็ทำให้สาวที่ไม่ค่อยจะเปิดเผยเรื่องชีวิตรักได้เปิดตัวแบบ Instagram Official! เธอได้พบกับแฟนในparty ในช่วงที่เข้าสู่ความโสดใหม่ๆ


VOGUE US

"ฉันเมานิดหน่อย เลยร้องถามเขาออกไปว่า อยากเซ็นสัญญากับฉันรึเปล่า? ตอนนี้ฉันเป็นนักกีฬาแล้วนะ   เขาเป็นคนตลกโคตรๆ  เขาเต้นเป็นด้วยนะ หนุ่มๆคนอื่นเอาแต่นั่งเฉยๆ แต่เขาเต้นกระจาย"

"ฉันเป็นแม่วัย33 ที่ผ่านการหย่าและมีเรือพ่วงหนึ่งลำ มีความเป็นผู้นำ  สิ่งที่ฉันไม่อยากจะได้เลยคือคนที่ไม่รู้จักตัวเองหรือรู้ความต้องการของตัวเอง   ฉันรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และฉันก็รู้ดีสุดๆว่าตัวเองไม่ต้องการอะไร"

VOGUE UK

นักเขียนได้ยิงคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกเมื่อ superstar ระดับโบกคบหากับหนุ่มนอกวงการจนอีกฝ่ายตกเป็นเป้าความสนใจจากรอบข้าง

"ฉันเคยออกเดทกับคนอื่นมาก่อนจะคบกับRich  แต่มันทำให้หนุ่มเหล่านั้นเซ็งไปเลย   การไปไหนมาไหนกับฉันทำให้พวกเค้าเครียด   ซึ่งทำให้ฉันต้องระมัดระวังแบบแทบขยับไมได้ ความสัมพันธ์จึงไม่พัฒนาเพราะเราไม่ได้ทำอะไรร่วมกันเท่าไร  แต่สำหรับRich  เขาไม่มาเครียดกับอะไรแบบนี้  มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความเสมอต้นเสมอปลายและเห็นอกเห็นใจกัน ถึงขั้นที่ฉันไม่แคร์ว่าใครจะรู้เรื่องเรา"

"เขายอดเยี่ยมมาก ตลกเป็นที่สุด และยังฉลาดปราดเปรื่อง "

Lifestyle ใหม่: เสพติดการออกกำลังกาย

รูปร่างที่เปลี่ยนแปลงของ Adele ก่อให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นและสร้างเสียงกล่าวขวัญไม่รู้จบ  เธอใช้ความเงียบรับมือกระแสวิพากษ์วิจารณ์รวมไปถึงการปล่อยข่าวจากสื่อ     ผอมลงมาเป็นปีๆ ก็เพิ่งออกมาเฉลยว่า  บรรดาข้อมูลสูตรไดเอทและผู้ที่ออกมาประกาศตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโฉมใหม่ที่ผอมลงของเธอนั้น เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องปั้นแต่งขึ้นมา!      

เป้าหมายหลักไม่ใช่การรีดน้ำหนัก แต่เป็นสุขภาพที่ดี

ชีวิตศิลปินดังที่ดูเลิศหรูนั้นอาจจะฟังชวนเคลิบเคลิ้ม แต่ไม่ว่าใครก็ต้องเผชิญกับปัญหาส่วนตัวที่แตกต่างกันไป  สำหรับAdele  นอกจากจะต้องรับมือกับชีวิตแต่งงานที่มีปัญหาจนต้องหย่าร้าง ก็ยังมีความวิตกกังวลที่สั่งสมมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดอาการบาดเจ็บที่เส้ยเสียงจนต้องผ่าตัดและต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวว่า จะสูญเสียความสามารถในการขับร้องไป      


VOGUE USA


"ฉันมาค้นพบว่า ตอนที่ออกกำลังจะดึงตัวเองจากความวิตกกังวลได้ ฉันไม่เคยตั้งใจออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก ด้วยความคิดที่ว่า ถ้าฉันทำให้ร่างกายแข็งแรง พอได้รู้สึกและมองเห็นความเปลี่ยนแปลง  สักวันหนึ่งฉันอาจจะเปลี่ยนให้ความรู้สึกและจิตใจแข็งแกร่งได้ด้วย"

Adele เผยว่า เธอมีปัญหาแบบผู้ที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ไม่ต่างจากคนทั่วไป... โรคปวดหลังนั่นเอง!

"หลังของฉันพังมากค่ะ ฉันคลอดลูกด้วยวิธีผ่าตัดน่ะ ช่วงล่างเลยไม่ค่อยไหวนัก"

Adeleได้นักหมายนักเขียนจาก VOGUE ให้มาสัมภาษณ์เธอที่ gym หรูซึ่งได้รับความนิยมในหมู่คนดัง เธอเหมาชั่วโมงส่วนตัวและหมุนเวียนไปตามเครื่องยกเวททั้งหมด นักเขียนได้บรรยายชื่นชมกล้ามเนื้อที่ปรากฏให้เห็นชัดเจนของdiva คนงาม เธอได้ยกเครดิตให้กับ Gregg Miele เทรนเนอร์ที่ร่วมงานกับ Gisele Bündchen ยืนยันว่า เทรนเนอร์คนอื่นที่ประกาศตัวเป็นเทรนเนอร์ของเธอนั้นเป็นพวกพิลึก เพราะเธอไม่เคยเจอคนพวกนั้นมาก่อนในชีวิต (เธอบอกว่า ในช่วงสามปีมานี้ ใช้เวลาอยู่กับ Miele มากกว่าเพื่อนฝูงคนรอบตัว)

VOGUE UK

"การออกกำลังช่วยเรื่องความวิตกกังวล ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ฉันไม่เคยมุ่งมั่นจะลดน้ำหนัก  มันเป็นการสร้างความแข็งแรงและให้เวลากับตัวเองทุกๆวันโดยห่างจากโทรศัพท์ซะบ้าง  ฉันกลายมาเป็นคนที่เสพติดการออกกำลัง  2-3 ครั้งต่อวัน"

"ฉันจะยกเวทตอนเช้า แล้วก็ปีนเขาหรือไม่ก็ชกมวยตอนบ่าย  พอตกค่ำก็คาร์ดิโอ ช่วงที่ทุ่มเทออกกำลังก็ยังเป็นคนว่างงานอยู่ และได้เทรนเนอร์มาช่วยค่ะ"

การพักทำงานจนมีเวลาเหลือเฟือเพื่อออกกำลังกายกับเทรนเนอร์ค่าตัวแพงระยับนั้นฟังดูไม่ต่างจาก lifestyle ของผู้มีฐานะมั่งคั่งคนอื่นๆ Adele ยอมรับว่า นี่ไม่ใช่เส้นทางที่ใครก็ทำได้ เธอจึงแสดงท่าทีละอายเล็กน้อยที่พูดถึงเรื่องนี้


"แต่ฉันต้องหากิจกรรมอะไรสักอย่างทำจนติดหนับเพื่อจิตใจให้แน่วแน่  การถักนิตติ้งอะไรแบบนั้น แต่ก็ฉันไม่ได้เลือกถักนิตติ้ง  ผู้คนรู้สึกช็อคเพราะฉันไม่ได้เปิดเผยเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง    พวกเค้าเคยชินกับการได้ติดตามคนอื่นที่เผยทุกเรื่องราวผ่าน Instagramทุกขั้นตอน  และเหล่าคนดังในวงการก็จะได้รับข้อเสนอทำสัญญากับผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก     แต่ฉันโคตรจะไม่สน  ฉันทำมันเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นค่ะ  ทำไมจะต้องแชร์ด้วยล่ะคะ?  ฉันไม่คิดว่ามันชวนดึงดูดใจอะไรเลย  นี่มันร่างกายของฉันเองนี่นา"

ปวดใจ ถูกผู้หญิงด้วยกันต่อว่าเพราะผอมลง

VOGUE US

VOGUE UK

"คนวิจารณ์เรื่องรูปร่างของฉันมา 12 ปีเต็มๆ พูดกันมาก่อนที่น้ำหนักของฉันจะลดซะอีก แต่ก็ช่างสิ ฉันไม่สน คุณไม่จำเป็นคนที่น้ำหนักเกินที่จะสนับสนุนความมั่นใจในร่างกาย  คุณจะมีรูปร่างแบบไหนหรือมีไซส์อะไรก็สร้างความมั่นใจได้"

•  เธอยืนยันว่า สื่อที่ขายเรื่องเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของเธอนั่นปลอมทั้งเพ  และรู้สึกว่ามันน่าแหวะมากที่มีคนที่ไม่รู้จักมาแอบอ้างเป็นเทรนเนอร์ของเธอ
• จากที่สื่อเล่นข่าวว่าเธอคุมอาหารให้ไม่เกิน 1000 แคลอรี่ต่อวัน บ้างก็อ้างสูตร Sirtfood  เธอยืนยันว่าไม่ได้ใช้สูตรไดเอทใดๆ  ไม่มีการ IF  การทุ่มเทออกกำลังนั้นทำให้เธอต้องกินมากกว่าที่เคยซะอีก

 

เพราะอะไร จึงมีกลุ่มผู้หญิงที่ไม่พอใจเมื่อ Adele น้ำหนักลดจนดูเปลี่ยนไปมาก?

ประเด็นนี้ถกเถียงกันยาวนาน เพราะมีผู้หญิงจำนวนมากที่ออกอาการปรี๊ดเมื่อเห็นลุคใหม่ของ Adele บางคนเดือดจัดถึงกับจิกว่าเธอเป็นคนทรยศต่อกลุ่มสาว plus size เลยทีเดียว

เหตุใดคนเหล่านั้นจึงต้องโจมตีเธอเพราะตัวเล็กลงไปนะ?

•  Adele ถูกยกให้เป็นตัวแทนของสาวร่างใหญ่มีสวยอย่างมั่นใจโดยที่ไม่จิตตกไปกับ beauty standards   เมื่อเธอผอมลง ทำให้สาว plus size หลายคนผิดหวัง และกล่าวหาว่า เธอเป็นตัวอย่างของผู้ที่ถูกสังคมบีบให้ลดความอ้วนเพื่อแข่งสวยกับเซเลบไซส์เล็กคนอื่นๆ  
• บางคนกล่าวหาเธอว่ากลืนน้ำลายตัวเอง  ตัวอย่างจากที่เคยสัมภาษณ์ว่า  ถ้าให้ผอมแบบ Nicole Richie แล้งทำอัลบั้มแย่ๆออกมา ขอเป็นน้ำหนักตัวเป็นตันแล้วทำเพลงเริ่ดๆจะดีกว่า  และยืนยันว่า เธอไม่เคยตั้งเป้าหมายเป็นสาวผอมบาง  ( Adele กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับ Nicole Richie ในภายหลัง)

• ​ยิ่งสื่อรุมสนใจและยกย่องว่าเธอสวยเลิศเลอ ก็ทำให้ดึงให้คนวิจารณ์ความเปลี่ยนแปลงของเธอ  อย่างการบอกว่าผอมแล้วไม่สวย ไม่ถูกใจ ขอให้อ้วนเหมือนเดิมจะดีกว่า

อย่างไรก็ตาม...

เส้นทางการเปลี่ยนแปลงของAdele นั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด  ภาพของ Adele ในช่วงอัลบั้ม 25 ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนนั้นก็ดูผอมลงจากการแจ้งเกิดจากอัลบั้ม 19 พอสมควรแล้ว   ไซส์ของเธอเริ่มเล็กลงแบบค่อยเป็นค่อยไป  จนมาถึงช่วงสามปีล่าสุดที่อยู่ในระหว่างการแยกทางจากสามี  Adeleหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพตัวเองเพราะต้องการจะอยู่กับลูกชายไปนานๆ  และเมื่อค้นพบว่า การออกกำลังได้กลายมาเบี่ยงเบนความวิตกกังวลที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพจิต เธอยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น    ที่สำคัญ   ไม่ว่าจะไซส์ใด  เธอก็เป็นสาวงามอยู่ดี  รูปร่างในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของสาว stick thinหรือดูเสียสุขภาพตามที่ถูกกล่าวหา  การันตีได้จากคำบรรยายของนักเขียน VOGUE ที่ชื่นชมกล้ามเนื้อของเธอ

ปรับความเข้าใจกับพ่อก่อนที่เขาจะจากไปด้วยโรคมะเร็ง

ในช่วงที่มีการเปิดเผยว่าพ่อของAdeleเสียชีวิตลงไปด้วยวัย57ปี สื่อแทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษพยายามdiscrediเธอด้วย การกล่าวหาว่าเป็นsuperstarแสนร่ำรวยแต่ปล่อยให้พ่อที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายสิ้นใจไปอย่างเดียวดาย ที่ผ่านมาเธอไม่พูดถึงเรื่องอดีตที่เจ็บปวดจากชีวิตวัยเด็กนัก แต่มีการเปิดเผยว่า พ่อได้ทอดทิ้งแม่และเธอที่เพิ่งอายุได้สามขวบและเติบโตขึ้นมาในความดูแลของแม่ในย่านที่อยู่ของชนชั้นแรงงาน เหตุการณ์ที่สร้างรอยร้าวที่คนภายนอกไม่เข้าใจนั้น ทำให้Adele ตัดขาดกับพ่อไปหลายปี เมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา พ่อปรากฏตัวขึ้นเพื่อขายข่าวให้กับ The Sun อ้างว่าเป็นผู้จุดประกายให้ Adele รักดนตรี จากเดิมที่เธอเคยฝังใจกับอดีตที่ถูกทอดทิ้งรวมถึงอาการติดเหล้าของพ่อ เธอยิ่งโกรธเกรี้ยวมากจนไม่คิดว่าจะให้อภัยพ่อได้

ประโยคที่สร้างความฮือฮาในการให้สัมภาษณ์กับ VOGUE เมื่อปี 2012 คือ ไม่มีทางที่เธอจะกลับไปติดต่อหาพ่ออีก และถ้าเจอเขาอีกครั้ง เธอจะถ่มน้ำลายใส่หน้าซะเลย แต่เขาก็ยังเดินหน้าขายข่าวให้กับDaily Mail นั่นทำให้หลายคนเชื่อว่า ความสัมพันธ์ของพ่อลูกได้พังทลายลงไปอย่างสิ้นเชิง



(Adeleรักและผูกพันกับแม่เป็นที่สุด แม่ได้สนับสนุนให้เธอทำตามความฝันเพื่อจะเป็นศิลปินอย่างเต็มที่ เธอคลอดAdele ในวัยเพียง 18 ปี และดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงลูกโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฝ่ายพ่อนัก ส่วนพ่อของเธอยอมรับว่า หยุดการติดต่อกับลูกสาวไปตั้งแต่ที่เธออายุ 11เพราะปัญหาสุขภาพจิตและอาการติดเหล้า )


อย่างไรก็ตาม Adele ได้เผยถึงโมเมนท์สุดท้ายก่อนที่พ่อจะจากไปว่า...

VOGUE UK

 “ที่จริง เราได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว   เป็นอีกครั้งที่สื่อรายงานเรื่องตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ฉันเปิดเพลงในอัลบั้มให้พ่อฟังผ่าน Zoomหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่พ่อจะจากไป  สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการหย่าร้างคือ มันได้ทำให้ฉันใจอ่อนยวบเมื่อนึกถึงพ่อแม่  ฉันเคยเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจมาเนิ่นนาน และก็ได้พบหนทางที่ช่วยสงบจิตใจและให้อภัยพ่อ    เขาป่วยมานานและทำใจพร้อมที่จะจากไป   ดังนั้นก็ขอบคุณนะคะ"
​​​​

ยอมรับผิดเรื่องฉกฉวยวัฒนธรรม

ที่ผ่านมานั้น  แฟนๆหลายคนมักกล่าวขวัญเรื่องความโดดเด่นของ Adele เรื่องความจริงใจไม่สร้างภาพ    เธอบอกปัดงานโฆษณาสินค้าและสัญญากับแบรนด์มูลค่าหลายล้านและยืนกรานว่าต้องการสร้างอาชีพด้วยความสามารถ ช่วงปีแรกๆที่โด่งดังเป็นพลุแตก มีรายงานว่า เธอปฏิเสธสัญญากับL'Oréal ที่ยื่นข้อเสนอให้ด้วยเงินที่อู้ฟู่  และเธอยอมรับว่ามีสารพัดแบรนด์ที่พยายามเข้าหาเพื่อว่าจ้างให้เธอเป็น ambassador แต่ต้องผิดหวังกลับไป   แม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขายผลงานเพลงสูงลิบลิ่ว   Adele ก็ยังเป็นสาวอารมณ์ขันเจ็บแสบที่สบถบ่อยโดยไม่หวั่นว่าจะเสียลุค  แม้จะให้สัมภาษณ์ไม่บ่อย แต่ก็ทำให้แฟนๆติดอกติดใจในคำพูดที่ฟังดูจริงใจ ไม่ยกตัวเองเหนือคนอื่น  หลายคนฟันธงว่า ตัวตนของเธอโดนใจสาธารณชนถึงขั้นที่มีคำพูดว่า Adele Can Do No Wrong   

แต่ในปีที่ผ่านมา Adeleก็ได้พบกับกระแสโจมตีหนักหน่วงจากชาวเน็ท ซึ่งแทบไม่ปรากฏมาก่อน จากการฉลองเทศกาล Notting Hill carnival เพื่อนฝูงเชื้อสายJamaican ได้จับเธอแต่งตัวและทำผมทรงBantu knots ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่มีเชื้อสายผิวดำจาก Caribbean ทันทีที่เธอแชร์ภาพนี้ออกมาทาง Instagram ก็กลายเป็นเป้าโจมตีเรื่องเลียนแบบ-ฉกฉวยวัฒนธรรมทันที แม้ว่าจะมีผู้ออกโรงปกป้องจำนวนไม่น้อย (รวมถึงชาวJamaican) แต่ก็เกิดกระแสกดดันหนัก รวมถึงผู้ที่ไม่พอใจที่เธอไม่ประกาศชี้แจงและขอโทษ บ้างก็จิกกัดว่าอุตส่าห์วางตัวได้ดิบดีมานาน แต่มาตกม้าตายเพราะไม่ให้ความเคารพต่อเจ้าของวัฒนธรรม เอาตัวไปพัวพันกับประเด็นที่เปราะบางจนกลายเป็นข่าวฉาว


เธอจึงได้ใช้พื้นที่การให้สัมภาษณ์เคลียร์ดราม่าที่เกิดขึ้น

VOGUE UK

"ฉันเห็นคนออกความเห็นว่า นี่มั่นหน้ามากนะที่ไม่เอาภาพนี้ออกไป แต่ถ้าฉันเอาออก มันก็เหมือนว่าฉันกำลังทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันกลายเป็นเรื่องขึ้นมาแล้วไงคะ ฉันก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมคนอื่นมองเรื่องนี้เป็นการฉกฉวย"

" ในขณะที่คุณมีความผูกพันเกี่ยวข้องกับด้านนั้นของLondon ถ้าไม่แต่งตัวให้เข้ากับการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมJamaican ก็อาจจะมีการตั้งคำถามว่า งั้นจะเข้าร่วมทำไม"

"ฉันไม่ดูตาม้าตาเรือให้ดีๆ ดันไปทำทรงผมที่มีไว้เพื่อดูแลผมAfro  เห็นได้ชัดๆว่าหาเรื่องใส่ตัวเอง"

หลังจากผ่านความผิดพลาดและเรียนรู้  เธอก็พร้อมจะกลับมา

 "ฉันรู้สึกว่าอัลบั้มนี้เป็นเหมือนกับการทำลายตัวเอง จากนั้นก็ได้เข้าสู่การตรึกตรองเพื่อสะท้อนให้เห็นตัวเอง   แล้วไถ่บาปชดเชยในสิ่งที่ทำลงไป  แต่ตอนนี้ฉันพร้อมแล้วค่ะ ในครั้งนี้ฉันต้องการจะให้ทุกคนฟังเรื่องราวจากตัวฉันมากจริงๆ"

Adeleพร้อมเพื่อจะกลับมาเต็มตัว  เธอได้บอกใบ้ให้รู้ว่านี่อาจจะเป็นอีกผลงานเพลงที่ชวนให้ดำดิ่งไปกับความรู้สึกที่ปวดร้าวจากความรักที่แตกสลายไม่แพ้กับผลงานที่ผ่านมา

และเรามั่นใจว่าแฟนๆนั้นพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมจะได้ต้อนรับ come back ของ Adele มาหลายปีแล้ว!