ส่อง 3 ประเทศฮิตที่ได้ชื่อว่าการศึกษาดี รัฐสนับสนุนยังไงบ้าง?
sweetsong13 45 16
ช่วงนี้แวดวงการศึกษาแอบมีดราม่าอยู่เหมือนกัน (หรือความจริงมีทุกปีนะ?) ทำให้คิดว่าเอ๊ะ แล้วประเทศอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาดีนี่ดียังไง รัฐเขาสนับสนุนขนาดไหน เราก็เลยไปลองค้น 3 ประเทศฮิต ที่ได้ชื่อว่าการศึกษาดี ดูสิว่าบ้านเขารัฐช่วยสนับสนุนกันยังไงบ้างน้า
1. เกาหลีใต้
การสอบ Entrance หรือ ซูนึง ของประเทศเกาหลีใต้ขึ้นชื่อเรื่องความโหด หิน และแข่งขันสูงมากกก! จัดวันพฤหัสบดีที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนทุกปี เรียกได้ว่าเป็นวันชาติอีกวันหนึ่ง ที่คนเกาหลีจะให้ความสำคัญมากๆ ถือเป็นอนาคตของเด็กม.6 ทุกคน ในปีหนึ่งจะมีนักเรียนสอบซูนึงถึง 5-6 แสนคน ทางรัฐบาลก็ให้ความร่วมมือแบบสุดๆ ตามนี้
- งดเที่ยวบินขึ้น-ลงทั่วประเทศ
- สถานที่ราชการและธุรกิจต่างๆ เลื่อนเวลาทำการ เพื่อป้องกันรถติด
- มีตำรวจอำนวยความสะดวก ทำทุกทางให้นักเรียนไปสอบได้ทัน
การสอบซูนึงเรียกว่าเป็นวันชี้ชะตาเด็กเกาหลีทั่วประเทศเลย ว่าอนาคตจะได้ไปประกอบอาชีพไหน การสอบครั้งหนึ่งยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ไม่แปลกใจที่รัฐบาลและทุกคนจะให้ความสำคัญมากขนาดนี้
แต่เกาหลีใต้เองก็เป็นประเทศที่การแข่งขันสูงมากกก ต้องเรียนเสริมกวดวิชากันเยอะไม่ต่างจากไทย เด็กหลายคนที่สอบไม่ได้ตามที่หวัง ก็จะเลือกมาสอบใหม่ในปีถัดไป
แต่เกาหลีใต้เองก็เป็นประเทศที่การแข่งขันสูงมากกก ต้องเรียนเสริมกวดวิชากันเยอะไม่ต่างจากไทย เด็กหลายคนที่สอบไม่ได้ตามที่หวัง ก็จะเลือกมาสอบใหม่ในปีถัดไป
2. สิงคโปร์
สิงคโปร์ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดในโลก นักเรียนสิงคโปร์ยังได้คะแนนในการสอบประเมินผลกับนานาชาติ (PISA) เป็นอันดับ 1 จาก 75 ประเทศ
1. รัฐทุ่มงบด้านการศึกษา 20% จากงบประมาณทั้งหมด จัดเต็มท้ังเทคโนโลยี ห้องปฏิบัติการ หนังสือ และคุณครู
2. เด็กทุกคนที่อายุ 6-16 ปี จะได้รับเงินทุนจัดสรรจากรัฐบาลทุกคน ในบัญชีเพื่อการศึกษา (Edusave Account) เป็นเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในแต่ละปี
แต่ถึงจะก้าวหน้าในการศึกษามาก การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน รัฐบาลเองก็ยอมรับว่าระบบการศึกษา ทำให้เด็กเจอแรงกดดันเยอะมาก เด็กแทบทุกคนต้องเรียนโรงเรียนกวดวิชาเสริมตั้งแต่ยังเล็ก และมีอัตราการฆ่าตัวตายของคนอายุ 10-29 ปี ในสิงคโปร์สูง
1. รัฐทุ่มงบด้านการศึกษา 20% จากงบประมาณทั้งหมด จัดเต็มท้ังเทคโนโลยี ห้องปฏิบัติการ หนังสือ และคุณครู
2. เด็กทุกคนที่อายุ 6-16 ปี จะได้รับเงินทุนจัดสรรจากรัฐบาลทุกคน ในบัญชีเพื่อการศึกษา (Edusave Account) เป็นเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในแต่ละปี
แต่ถึงจะก้าวหน้าในการศึกษามาก การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน รัฐบาลเองก็ยอมรับว่าระบบการศึกษา ทำให้เด็กเจอแรงกดดันเยอะมาก เด็กแทบทุกคนต้องเรียนโรงเรียนกวดวิชาเสริมตั้งแต่ยังเล็ก และมีอัตราการฆ่าตัวตายของคนอายุ 10-29 ปี ในสิงคโปร์สูง
3. ฟินแลนด์
เราก็เคยได้ยินกันแหละว่า ฟินแลนด์คือประเทศที่ได้ชื่อว่าการศึกษาดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นผลจากการประเมินผลนักเรียนกับนานาชาติ (PISA) เขามีวิธีการซัพพอร์ตเด็กยังไงบ้าง?
1. ให้ความสำคัญกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (Daycare) มาก เด็กอายุตั้งแต่ 8 เดือน - 5 ปี เป็นช่วงที่สมองของเด็กมีการพัฒนาได้ดีที่สุด ผู้ปกครองต้องส่งลูกไป Daycare แต่บางคนที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูก รัฐก็จัดสรรงบให้ทำ Daycare ที่บ้านได้ และจะมีการสุ่มตรวจเสมอว่ามีผลในด้านการศึกษาอย่างไรบ้าง
2. โรงเรียนส่วนมากเป็นโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนมีน้อย แต่ไม่เสียค่าเทอมทั้งคู่ และไม่มีหลักสูตรส่งเสริมความสามารถด้านใดเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเด็กทุกคนควรได้รับการพัฒนาทุกด้านไปอย่างเท่าเทียมกัน ให้ความสำคัญกับเด็กที่เรียนอ่อนมากกว่าเรียนเก่ง
3. สนับสนุนให้เด็กได้เล่นมากกว่าเรียน เชื่อว่าการเล่นทำให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น
1. ให้ความสำคัญกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (Daycare) มาก เด็กอายุตั้งแต่ 8 เดือน - 5 ปี เป็นช่วงที่สมองของเด็กมีการพัฒนาได้ดีที่สุด ผู้ปกครองต้องส่งลูกไป Daycare แต่บางคนที่ห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูก รัฐก็จัดสรรงบให้ทำ Daycare ที่บ้านได้ และจะมีการสุ่มตรวจเสมอว่ามีผลในด้านการศึกษาอย่างไรบ้าง
2. โรงเรียนส่วนมากเป็นโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชนมีน้อย แต่ไม่เสียค่าเทอมทั้งคู่ และไม่มีหลักสูตรส่งเสริมความสามารถด้านใดเป็นพิเศษ เพราะถือว่าเด็กทุกคนควรได้รับการพัฒนาทุกด้านไปอย่างเท่าเทียมกัน ให้ความสำคัญกับเด็กที่เรียนอ่อนมากกว่าเรียนเก่ง
3. สนับสนุนให้เด็กได้เล่นมากกว่าเรียน เชื่อว่าการเล่นทำให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น
นี่ขนาดหยิบยกตัวอย่างมาแบบเล็กน้อย ก็เห็นได้ว่าประเทศเค้าให้ความสำคัญกับเด็กและการศึกษามากจริงๆ บ้านเราก็น่าจะหยิบมาประยุกต์ใช้บ้างเนอะว่ามั้ย :) ใครชอบการศึกษาของประเทศไหนอีกบ้างมาแชร์กันได้นะคะ