จีบันขอฟังคุณแพรวเล่าประสบการณ์ที่เคยโดนว่า "สวยแต่โง่ เพราะเอาเวลาเรียนไปทาครีม"
Alice Kerdplanant 47 19
Jeban Break The Beauty Bias เป็นแคมเปญวันสตรีสากล ทางจีบันได้ชวนคุณแพรว ที่เคยโดน Beauty Bias ว่า "สวยแต่โง่" มาพูดคุยกันเรื่องความคิด ตัวตน และทลายกรอบทัศนคติที่มีต่ออคติความงามทั้งหลาย
ตอนเราถามชาวจีบันว่า "เคยเจอเหตุการณ์ฝังใจจาก Beauty Priviledge มั้ย?" คุณแพรว praewsresh มาตอบเราว่า เคย คุณแพรวเป็นคนสวย แต่ก็ยังเจอคำดูถูกและอคติ ไม่ได้เจอแค่ดอกไม้แบบที่หลายคนคิดกัน จีบันเลยชวนเธอมาบอกเล่าประสบการณ์ ว่าเป็นคนสวยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า Beauty Bias
คิดว่า Beauty Bias คืออะไร?
คนส่วนใหญ่เลย เขาจะคิดว่าคนสวยได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่า หรือถ้าเป็นคนบุคลิกไม่ดี หน้าไม่เรียบเนียน เขาก็จะคิดไปเองว่า สกปรก ไม่ดูแลตัวเอง มันเป็นภาพจำจากไหนซักแห่งค่ะ
เคยเจอคำพูดที่บอกว่า “คนสวย ผิวขาว ต้องเป็นคนเหยาะแหยะ” มั้ย?
ก็เคย ตอนประถมถึงม.ปลาย ไม่เจอเลย แต่เจอตอนเข้ามหาลัย เราเรียนสถาปัตย์ คนก็จะคิดว่า เซอร์ๆ ลุยๆ ใส่คอนเวิร์ส แต่แพรวเข้าไปแบบสาวสไตล์หวานๆ ฟรุ้งฟริ้งๆ ก็มีอาจารย์บางท่านพูดว่า “ไม่ตั้งใจเรียน เอาเวลาไปแต่งตัว” เอ๊ะ งานเราก็ส่ง ไม่เคยโดดเรียน แต่พอเกรดเราน้อยนิดนึง อาจารย์ก็บอกว่า “มัวแต่เอาเวลาไปแต่งหน้าทาครีมนะสิ” คือแพรวไม่มีปัญหากับเพื่อนเลยนะ อาจจะมีแซวนิดหน่อย แต่รับได้ ไม่ไบแอสขนาดนั้น แต่พอเจออาจารย์พูดไปเรื่อยๆ ถ้าพูดแค่ 2-3 ครั้ง เราจะไม่คิดมากนะ คิดว่าแค่แซว แต่เขาพูดวันละนิดเป็นปีๆ จนความรู้สึกมันสะสม กลายเป็นว่าแพรวไม่เป็นตัวของตัวเอง เราต้องพยายามทำตัวให้ดูโทรม เวลามีงานคณะเสาร์-อาทิตย์ เราก็ต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่ตัวเองไม่ชอบ อย่างกางเกงยีนส์ขาดๆ สะพายย่าม เพื่อให้ดูกลมกลืนกับคนอื่น ขนาดนั้นเลย ก็ไม่ค่อยมีความสุข
เมื่อ 15 ปีก่อน ยังไม่ค่อยมีคนทำหน้า เราตาโต จมูกโด่งอยู่แล้ว ก็เลยแตกต่างจากคนอื่นนิดนึง อาจารย์ก็คิดว่าเราไปเขียนตา แต่จริงๆ เราแค่ทาปาก ทาบนรถไฟฟ้าก็ได้ ไม่ได้ใช้เวลาเลย (หัวเราะ)
คือถ้าแพรวไปอยู่คณะอื่นอาจจะปกติ แต่พอมีภาพของสาวสถาปัตย์ คนก็ติดภาพนั้น แพรวก็รู้นะว่าเพื่อนในคณะไม่มีคนบุคลิกแบบแพรว แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหา เราก็เลยสงสัยมากว่า ทำไมอาจารย์เขาไม่ดูเราที่ผลการเรียน แต่มาดูจากภาพลักษณ์
เมื่อ 15 ปีก่อน ยังไม่ค่อยมีคนทำหน้า เราตาโต จมูกโด่งอยู่แล้ว ก็เลยแตกต่างจากคนอื่นนิดนึง อาจารย์ก็คิดว่าเราไปเขียนตา แต่จริงๆ เราแค่ทาปาก ทาบนรถไฟฟ้าก็ได้ ไม่ได้ใช้เวลาเลย (หัวเราะ)
คือถ้าแพรวไปอยู่คณะอื่นอาจจะปกติ แต่พอมีภาพของสาวสถาปัตย์ คนก็ติดภาพนั้น แพรวก็รู้นะว่าเพื่อนในคณะไม่มีคนบุคลิกแบบแพรว แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหา เราก็เลยสงสัยมากว่า ทำไมอาจารย์เขาไม่ดูเราที่ผลการเรียน แต่มาดูจากภาพลักษณ์
ถ้างั้น ที่อาจารย์บอกว่า “คนหน้าตาดี ต้องหมกหมุ่นกับความสวย แต่งหน้าทาครีม” ก็ไม่จริง?
ไม่จริงค่ะ หรือต่อให้มันจริง ถ้าเราแบ่งเวลาได้ เราจะดูแลตัวเองก็คือตัวเรา แล้วเขามายุ่งอะไร (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงกับคนที่พูดคำเหล่านี้ออกมา?
ถ้าเป็นเพื่อนก็จะพูดเลยว่า “แกอิจฉาฉันเหรอ” (หัวเราะ) แต่นี่อาจารย์ พูดไม่ได้ไง คณะแพรวให้เกรดแบบตัวต่อตัว ต้องดูความเห็นจากอาจารย์ เราก็กลัวว่าเขาจะไม่ชอบเราแล้วให้เกรดเราต่ำ ก็เลยต้องพยายามทำตัวให้เขาเห็นว่าเราเหมือนเพื่อน จนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย 5 ปี
เราอยากเป็นหลีดมหาลัยมาก ตอนปี 2 เราก็ไปคัด และไปซ้อมอยู่ 4-5 ครั้ง เรื่องก็ไปถึงหูอาจารย์ ก็ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ไปอีก จนเรา เออ ไม่เป็นก็ได้! เลยเลิกไปซ้อมกับเขา เสียใจจนถึงทุกวันนี้ เราไม่น่าฟังอาจารย์ขนาดนั้นเลย
เราทันรุ่นที่มีนางเอกมาเรียน แต่เราเชื่อว่าเขาไม่เคยเจอแบบที่เราเจอ เพราะทุกคนก็มองว่า “เป็นนางเอกก็ต้องสวย” แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ถูกมองว่าต้องเซอร์
เราอยากเป็นหลีดมหาลัยมาก ตอนปี 2 เราก็ไปคัด และไปซ้อมอยู่ 4-5 ครั้ง เรื่องก็ไปถึงหูอาจารย์ ก็ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ไปอีก จนเรา เออ ไม่เป็นก็ได้! เลยเลิกไปซ้อมกับเขา เสียใจจนถึงทุกวันนี้ เราไม่น่าฟังอาจารย์ขนาดนั้นเลย
เราทันรุ่นที่มีนางเอกมาเรียน แต่เราเชื่อว่าเขาไม่เคยเจอแบบที่เราเจอ เพราะทุกคนก็มองว่า “เป็นนางเอกก็ต้องสวย” แต่ถ้าเป็นคนธรรมดาก็ถูกมองว่าต้องเซอร์
เราสามารถมองว่า “สวยแต่โง่” เป็น Beauty Bias ได้มั้ย? แล้วรู้สึกยังไงกับคำพูดบ้าง?
ที่แพรวเจอเป็น Beauty Bias นะคะ บางคนเขาก็มองว่าเราทำอะไรไม่เป็น “สวยแต่โง่” คือเขาไม่ได้พูดคำนี้ตรงๆ แต่ความรู้สึกของแพรว เหมือนเขาด่าเราว่า “สวยแต่โง่” ตลอด
เขาไม่เคยมาคุยกับเราจริงๆ ว่าวันๆ เราทำอะไรบ้าง เขาดูภาพลักษณ์ จบ เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอแกะดำ เธอต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นแค่ทัศนคติของอาจารย์บางคน แล้วเราอยู่ผิดที่ผิดทางมากกว่า แล้วยิ่งเราเรียนบัลเลต์ เรียนเปียโน ก็ยิ่งดูแปลก
แต่มันก็มีข้อดีนะ ตอนเราเรียน แล้วต้องติดต่อพนักงานออฟฟิศ เขาก็จำเราได้ เราไม่เคยมีปัญหากับการติดต่อคนเลย
เขาไม่เคยมาคุยกับเราจริงๆ ว่าวันๆ เราทำอะไรบ้าง เขาดูภาพลักษณ์ จบ เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอแกะดำ เธอต้องไปทำอะไรมาแน่ๆ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นแค่ทัศนคติของอาจารย์บางคน แล้วเราอยู่ผิดที่ผิดทางมากกว่า แล้วยิ่งเราเรียนบัลเลต์ เรียนเปียโน ก็ยิ่งดูแปลก
แต่มันก็มีข้อดีนะ ตอนเราเรียน แล้วต้องติดต่อพนักงานออฟฟิศ เขาก็จำเราได้ เราไม่เคยมีปัญหากับการติดต่อคนเลย
แปลว่าการเป็นคนสวยในบางสังคมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่ทุกคนคิด?
ก็ประมาณนึง แต่ถ้าไปทำงานแล้วไม่มีนะ แต่อาจารย์ก็เคยพูดนะว่า “หน้าตาแบบนี้ จะไปคุยกับช่างได้ยังไง ถ้าโดนแซวแล้วไม่ร้องไห้วิ่งกลับบ้านเหรอ”
ตอนจบใหม่ๆ เราก็เจอช่างแซวจริงๆ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่อึดอัด อาจารย์นี่แหละแย่สุด (หัวเราะ)
แต่แพรวเชื่อว่าสมัยนี้น่าจะดีขึ้นแล้วนะ เพราะมีโซเชียล ทุกคนก็จะดูแลตัวเองมากขึ้น มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล คนพูดเรื่องนี้มากขึ้น
ตอนจบใหม่ๆ เราก็เจอช่างแซวจริงๆ แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่อึดอัด อาจารย์นี่แหละแย่สุด (หัวเราะ)
แต่แพรวเชื่อว่าสมัยนี้น่าจะดีขึ้นแล้วนะ เพราะมีโซเชียล ทุกคนก็จะดูแลตัวเองมากขึ้น มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล คนพูดเรื่องนี้มากขึ้น
ไม่ใช่แค่คุณแพรวที่เจอเรื่องแบบนี้ ยังมีผู้หญิงอีกมากที่เจอกับ Beauty Bias การมีไบแอสไม่ใช่เรื่องผิด แต่การเอาไบแอสของเราไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนคงไม่ใช่ทางออก เราหวังว่าจีบันจะเป็นพื้นที่เปิดกว้าง ให้ทุกคนได้แสดงตัวตนอย่างมั่นใจ
จีบันขอขอบคุณคุณแพรวที่มาพูดคุยกับเรา จะมีอคติความงามอะไรจากสาวๆ คนไหนอีก ติดตามได้เลย หรือเข้าไปอ่านที่ issue : Jeban Break The Beauty Bias วันสตรีสากลปีนี้ มาทลายอคติความงามไปด้วยกัน