ยุคของ OscarSoMale จะปิดฉากลงได้หรือไม่?
candy 35 9ผู้ที่เคยชม animation ชื่อดังอย่าง Ratatouille น่าจะจดจำ Colette Tatou เชฟหญิงเหล็กหนึ่งเดียวในครัวภัตตาคาร Gusteau อันโด่งดังแห่งกรุงแพรีสกันได้ เธอประกาศความแข็งแกร่งที่หล่อหลอมมาจาการต่อสู้ไขว่คว้าหาที่ยืนในวงการอาหารระดับสูงซึ่งสืบทอดวิธีเลือกปฏิบัติต่อเพศหญิงมาช้านาน
'พวกเค้ากำหนดกฎเกณฑ์จนทำให้แทบจะเป็นไม่ได้ที่ผู้หญิงจะก้าวเข้ามาในโลกแห่งนี้ แต่ฉันก็ได้มาอยู่ที่นี่ เพราะอะไรงั้นเหรอ ก็ฉันแกร่งที่สุดในครัวนี้ยังไงล่ะ!'
วงการอาหารชั้นสูงไม่ได้เป็นสายอาชีพเดียวที่ถูกจัดให้เป็น Male-Dominated Industry เมื่อหันมาสำรวจวงการนักสร้างหนัง ผู้หญิงยังเปรียบเสมือนกลุ่มชายขอบที่ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับอย่างเต็มที่ นั่นทำให้เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้วงการหนังได้ลดการแบ่งแยกทางเพศ และหันมาพิจารณาถึงคุณภาพของผลงานโดยปราศจากอคติว่าผู้สร้างผลงานเป็นหญิงหรือชายหรือเพศใดก็ตาม เพื่อจะยุติภาพโลกการทำงานที่ผู้ชายเป็นฝ่ายนำที่อยู่กับอุตสาหกรรมสร้างหนังมาช้านาน
ผู้กำกับหญิงคนแรกที่ได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Oscar
ผลงาน Seven Beauties ทำให้ผู้กำกับชาวอิตาเลียน Lina Wermüller ได้ตราชื่อในประวัติศาสตร์ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่ได้เข้าชิงรางวัล Oscar ในปี 1977 แม้เธอจะไม่ได้รับรางวัลในครั้งนั้น แต่ผลงานอันโดดเด่นตลอดอาชีพ ในปี 2019 เธอก็ได้รับรางวัลกิตติมศักดิ์ในปี 2019 จากคำยกย่องว่า เธอเลือกใช้อาวุธประจำตัว นั่นคือ เลนส์กล้องถ่ายหนังในการนำเสนอการปลุกปั่นแนวคิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและค่านิยมทางสังคมด้วยความกล้าหาญ หรือภถ้าจะใช้คำพูดแบบบ้านๆก็คงเปรียบได้ว่า เธอคือผู้หญิงเก่งที่โดดเด่นแบบ badass นั่นเอง
ในวัยเลยเก้าสิบไปแล้ว Lina Wermüllerก็ยังได้รับจดหมายขอบคุณจากผู้กำกับรุ่นหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จในฐานะผู้กำกับหญิงคนแรกที่ได้เข้าชิงรางวัล Oscar (เธอเสียชีวิตอย่างสงบไปเมื่อปีที่แล้วด้วยวัย 93 ปี)
ใช้เวลากว่า8 ทศวรรษกว่าผู้กำกับหญิงจะสร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล Oscar เป็นครั้งแรก
ในประวัติศาสตร์ Oscar มีผู้กำกับหญิงเพียง 7 คนเท่านั้นที่ได้รับการนำเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และการประกาศรางวัลที่ถือเป็นสุดยอดของอาชีพนักทำหนังนี้ก็มีอายุ 92 ปีมาแล้ว แน่นอนว่ามันคือสัดส่วนที่ดูน้อยนิดจนดูยากจะพบกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ในปี 2010 Kathryn Bigelow ได้พาผลงานหนัง The Hurt Locker ที่นำเสนอเรื่องราวของหน่วยกู้ระเบิดในสงครามอิรักมาดึงดูดคะแนนรีวิวดีงามจากเหล่านักวิจารณ์หนัง ทำลาย stereotype ว่าผู้กำกับหญิงไม่อาจจะสร้างผลงานหนังแอ็คชั่นสงครามดุเดือดให้เป็นที่ยอมรับได้ หนังเรื่องนี้กวาดรางวัลมาตั้งแต่เทศกาลหนังในยุโรป สมาคมหนังต่างๆ จนมาถึง Oscar และในที่สุด โลกก็ได้พบกับผู้หญิงคนแรกที่เอื้อมมาถึงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีอันทงเกียรติแห่งนี้
แต่กว่าจะสำเร็จ ก็เป็นเวลาเนิ่นนานกว่า 80 ปี และดูเหมือนจะไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม จนช่วงปีหลังๆนักเคลื่อนไหวได้ใช้social mediaเพื่อวิพากษ์วิจารณ์วงการหนังด้วยหัวข้อว่า OscarTooMale และ DirectorTooMale รวมถึงซิลปินนักแสดงอีกหลายคนที่กระโดดมาร่วมเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเพศ
ผู้กำกับหญิงที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม ' Oscar snub'
ยังมีผู้ที่เข้าใจผิดว่า การเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในวงการหนังเปิดใจยอมรับความหลากหลาย คือการ 'เพิ่มโควต้า' ให้ผู้กำกับหญิงได้อยู่ในรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมอันทรงเกียรติในทุกๆครั้ง เหมือนกับว่า จะต้องมีชื่อผู้กำกับหญิงแปะไว้พอเป็นพิธีไม่ให้ถูกโจมตีว่าเหยียดเพศ แต่วัตถุประสงค์ของการเรียกร้องดังกล่าวได้กลายมาเป็นกระแสดึงดูดความสนใจจากคนบันเทิง เมื่อผลงานหนังคุณภาพหลายเรื่องที่เป็นผลงานการกำกับของผู้หญิงถูกเมินเฉย โดยเฉพาะ Oscar ที่ปัดตกผลงานของผู้กำกับหญิงแบบค้านสายตามาแล้วหลายครั้ง
Barbra Streisand
"พวกเค้าไม่ต้องการยอมรับผู้กำกับหญิง"
แต่ชื่อของเธอไม่ได้ปรากฏในรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกรณี Oscar snub ที่ค้านสายตาที่สุดครั้งหนึ่ง และตัว Barbra เองก็ยืนยันนว่า ความไม่เท่าเทียมทางเพศเป็นต้นเหตุ จากยุคสมัยนั้นที่มีชายสูงอายุทรงอิทธิพลเป็นผู้ตัดสินใจ และ
"ฉันคงจะเจ็บปวดเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้ เพราะไม่กลับมากำกับหนังอีกหลายปี"
Yentl อาจจะได้เข้าชิง Oscar หลายรางวัล แต่ภาพความทุ่มเทในฐานะผู้กำกับหนังของ Barbraกลับไม่เป็นที่ยอมรับ สื่อรายงานว่า ผู้ชายในวงการ Hollywood ยังเล่นjoke ว่าเธอคอยวิ่งโร่ไปหาความช่วยเหลือไปทั่ว ทั้งผู้กำกับโด่งดังอย่าง Spielberg ไปจนถึงคนสวน! แม้แต่นักวิจารณ์หนังเพศหญิงก็ยังมีแสดงอคติต่อตัวเธอ
Barbra ได้เล่าที่มาถึงข่าวลือที่ผู้คนไม่ให้เครดิตเธอในการกำกับYentl ว่า เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อดังถึงเหตุการณ์ที่ได้นำหนังไปให้ Spielberg ชม และได้คำแนะนำว่า อย่าเปลี่ยนแนวทางของตัวเอง และขอให้เธอพิจารณากำกับหนังให้กับบริษัทของเขา และข้อเสนอของนักสร้างหนังชื่อดังก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่าว่า จะต้องรับมือกับความท้าทายในการกำกับหนังอีกครั้ง แต่เมื่อตั้งสตได้ก็ตอบออกไปว่า เธอคิดว่าจะกำกับหนังเรื่องใหม่ให้กับเขาได้
แต่นักข่าวกลับตัดทอนและบิดเบือนคำพูดของเธอแล้วเผยแพร่ออกไปว่า Spielberg เป็นผู้แนะนำเรื่องการตัดต่อ เมื่อเธอไปโพรโมทหนังก็ได้รับคำถามว่า จริงหรือไม่ที่Spielberg เป็น mentor ให้กับเธอ และทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นว่า เป็นผู้หญิงก็ควรอยู่ในที่ๆควรอยู่ และมองเธออย่างไม่เชื่อถือว่านี่คือผลงานที่เธอสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เธอเจ็บปวดฝังใจ
ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอย เมื่อ Barbra กลับมาพิสูจน์ความสามารถด้วยการกำกับ,โพรดิวซ์หนังรวมถึงนำแสดง The Prince of Tides ในปี 1991และดูเหมือน Oscar Voters จะโดนใจผลงานของเธอมากจนทำให้ได้เข้าชิงถึง 7 รางวัล ทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม บทหนังยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม กำกับภาพยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
แต่อะไรเอ่ยที่หายไป??
"เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่สะทกสะท้านนักจากที่ไม่ได้เข้าชิงรางวัล ก็เพราะมันแสดงถึงการเหยียดเพศจริงๆ ฉันได้จุดกระแสให้คนหันมาสนใจต่อปัญหานี้ ในตอนนั้นฉันคิดว่า ว้าว นี่มันแจ่มแจ้งเชียว"
"ฉันไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีอุปสรรคกางกั้นสำหรับผู้หญิง ฉันพบว่า คนพวกนั้นไม่เชื่อถือความสามารถของผู้หญิงที่จะบริหารจัดการหรือก้าวมาเป็นนักธุรกิจ หลายปีก่อนมีคนบอกฉันว่า คุณอยากมีอำนาจควบคุมการตัดสินใจงั้นเหรอ ผู้หญิงเนี่ยนะที่จะอยากได้อำนาจ? แบบนั้นมันบ้าไปแล้ว!"
แฟนๆรับไม่ได้จนต้องรวมตัวประท้วง
แต่สำหรับแฟนๆของ Barbra การไม่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ก็เปรียบเหมือนการดูหมิ่นอย่างแรง! โดยเฉพาะองค์กร Principals, Equality and Professionalism in Films ที่ได้กระจายใบปลิวชักชวนให้ผู้คนร่วมประท้วงงานประกาศรางวัลOscar และชี้ว่า หากหนังเรื่องนี้มีผู้กำกับเป็นชายอย่าง Norman Jewison ก็คงเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ส่วนตัวเขาก็ย่อมได้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปแล้ว
เห็นได้ชัดเจนว่า นี่คือความตั้งใจของฝ่ายจัดงานที่ได้เชิญ Barbra ให้มาทำหน้าที่ผู้ประกาศรางวัลผู้กำกับหญิงยอดเยี่ยมในปี 2010 วินาทีประวัติศาสตร์ที่เธอเปิดซองจดหมายแล้วได้บอกใบ้ว่า "ในที่สุดก็ได้มาถึงวันนี้" โดยที่ยังไม่ได้ประกาศชื่อของผู้ชนะก็ทำให้ผู้ชมเฮด้วยความยินดีต่อผู้กำกับหญิงคนแรกที่คว้ารางวัลทันที ความยินดีของ Barbra ที่มีต่อ Kathryn Bigelow นั้นแทบจะดูเหมือนว่าเธอได้ครองชัยชนะร่วมกันไปด้วย หลายคนยกขนานนามว่า Bigelow Effect ที่เปิดประตูสู่โอกาสของผู้กำกับหญิงคนอื่นๆในวงการ และเป็นสัญญาณตอบรับความหลากหลายของ Oscar
แต่ถึงเช่นนั้น ผู้กำกับหญิงอีกหลายรายก็ต้องพบกับกรณี Oscar snub ในเวลาต่อมา ชัดเจนที่สุดคือเมื่อ Kathryn หลุดโผผู้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมในเวลาสองปีต่อมา แม้ว่าผลงาน Zero Dark Thirty ของเธอจะได้รับรีวิวดีเยี่ยมและเข้าชิง Oscar หลายสาขารางวัล snub ที่เกิดขึ้นทำให้นักวิจารณ์บางคนออกอาการไม่พอใจอย่างหนัก แต่ก็มีรายงานว่า กระแสความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากพล็อทหนังที่นำเสนอเรื่องยุทธการสืบสวนสอบสวนแกะรอย Bin Ladenที่ถูกกล่าวหาว่า เปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลย่างไม่เหมาะสมรวมถึงภาพการทรมานอย่างไม่เหมาะสมนั้นทำให้เธอพลาดการเข้าชิงรางวัล แต่หนังกลับได้เข้าชิงถึงห้ารางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Greta Gerwig
Little Women เข้าชิง Oscar ถึง 7 สาขา ยกเว้นผู้กำกับ
Saoirse Ronanนางเอกสาวมากฝีมือที่ได้เข้าชิงรางวัล Oscar จากการร่วมงานกับ Greta Gerwig ได้เผยถึงความคับข้องใจที่ผู้กำกับถูก snub อย่างแรง ทั้งๆที่เหล่ากรรมการผู้ให้คะแนนดูจะปลื้มผลงานเรื่องนี้มากจนสามารถเข้าชิงถึง7 รางวัล ยกเว้นรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม
"ฉันยินดีมากค่ะที่เวทีAcademy ยอมรับเธอจากผลงานการเขียนบทและภาพยนตร์ ฉันจึงรู้สึกว่า ถ้าผลงานของคุณได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม คุณก็ควรจะได้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมด้วย"
ส่วน Florence Pugh ก็ยืนยันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อึ้งไปหมด เพราะผลงานLittle Women นี้เป็นแบบฉบับตรงกับตัวตนของผู้กำกับจริงๆและยังเป็นเรื่องราวที่เธออยากนำมาสร้างหนังมาเนิ่นนานแล้ว
"ฉันว่าทุกคนต่างก็โกรธเคืองและพวกเค้าก็มีสิทธิ์จะโกรธค่ะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันได้เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเราจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ฉันไม่รู้ว่าถึงคำตอบของมัน ทำได้แต่ออกป่าวร้องให้คนรับรู้"
การ call out ของนางเอก A List เมื่อไร้รายชื่อผู้กำกับหญิงเข้าชิงOscar ปี 2020
กระแส OscarSoMale กลายมาเป็นหัวข้อถกเถียงในวงกว้าง ไม่เพียงแต่จะเป็นกลุ่มของนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมและสื่อต่างๆที่วิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ว่ากำลังก้าวถอยหลังลงคลอง โดยเฉพาะ.ในปี 2020 ที่ผลงานหนังของผู้กำกับหญิงหลายคนที่ได้รับการเก็งว่า เป็นผลงานระดับควรค่ารางวัล Oscar โดยทีมีผลตัดสินรางวัลอื่นๆมาการันตี แต่กลับไม่มีรายชื่อผู้กำกับหญิงติดในกลุ่มเข้าชิงรางวัลเลย ปัญหานี้ยิ่งถูก highlight ด้วยการแสดง statement จากNatalie Portman ผ่านเครื่องแต่งกายที่เธอตั้งใจเลือกใส่เฉิดฉายบนพรมแดง นั่นคือเสื้อคลุมที่ปักชื่อของผู้กำกับหญิงที่ไม่เข้ารอบเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจนกลายมาเป็น talk of the town เกรียวกราวในโลกออนไลน์ และมีเสียงชื่นชมว่า นี่คือการกระทำที่กล้าหาญเพื่อสนับสนุยความเท่าเทียมทางเพศในอุตสาหกรรมสร้างหนัง แต่ในเวลาต่อมานางเอกเจ้าของรางวัล Oscar ผู้นี้กลับถูกโจมตีว่า เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เพราะแม้เธอจะเคยกำกับหนังในปี 2015มาแล้ว แต่ที่ผ่านมาเธอเคยร่วมงานแสดงหนังกับกับผู้กำกับหญิงมาสามครั้งเท่านั้น
Natalie ชี้แจ้งข้อกล่าวหาว่าสร้างภาพการสนับสนุนผู้กำกับหญิงจาก fashion พรมแดงว่า เธอเห็นด้วยที่การกระทำของเธอไม่ควรถูกเปรียบเปรยด้วยคำว่ากล้าหาญ และเธออาจจะมรงานแสดงหนังกับผู้กำกับหญิงมาเพียงไม่มาก แต่เธอก็เคยผ่านงานถ่ายทำโฆษณาและmusic videoกับผู้กำกับหญิงมาหลายตัว และยังเคยช่วยสนับสนุนให้ผู้กำกับหญิงได้รับการว่าจ้างหลังจากที่พวกเธอถูกบีบให้ออจาก project ด้วยเงื่อนไขในที่ทำงานต่างๆ หลายปีก่อนหน้านี้ยังมีการเปิดเผยว่า สาเหตุที่หนังชีวประวัติของงผู้พิพากษาประจำศาลสูงสุด Ruth Bader Ginsburg ที่เธอตกลงรับบทนำนั้นต้องดีเลย์ออกไป เป็นเพราะ Natalieพยายามต่อรองให้ผู้สร้างเสาะหาผู้กำกับหญิงมาทำหนังเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการดึงตัวผู้กำกับหญิงมากำกับ On the Basis of Sex ได้ในที่สุด แต่ Natalie ก็ถอนตัวออกจากบทนำ โดยที่มี Felicity Jones มารับหน้าที่แทน
ความคิดเห็นจากผู้กำกับหญิงชื่อดังในประเด็นนี้
Lina Wermüller ผู้กำกับหญิงคนแรกที่ได้รับการเข้าชิงรางวัล Oscar
- ในยุคหลายสิบปีก่อน ผูู้หญิงถูกกกำหนดบทบาทให้เป็นฝ่ายดูแลบ้านเรือนและลูกๆ ส่วนผู้ชายรับหน้าที่ทำอาชีพหาเลี้ยง แต่เธอปฏิเสธกฎเกณฑ์นี้มาตลอด ความทะยานอยากจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานทำให้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้
- ที่ผ่านมาอาชีพผู้กำกับถูกมองว่าเป็นอาชีพที่มีเพื่อเพศชาย มีผู้หญิงหัวก้าวหน้าในอดีตเพียงไม่กี่คนที่สร้างชื่อเสียงในวงการสร้างหนังได้ สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนไป มีผู้กำกับหญิงเพิ่มขึ้นมากทั้งในอิตาลีและทั่วโลก แต่การตัดสินรางวัล Oscar ก็ยังเพิกเฉยต่อพวกเธอ จนทำให้อยากรู้ว่า ในจำนวนกรรมการผู้ลงคะแนนนั้น มีผู้หญิงอยู่สักกี่คน
- การทำหนังคือศิลปะ และสิ่งที่ควรนำมาพิจารณามองรางวัลคือความสามารถเท่านั้น
Greta Gerwig ผู้กำกับที่เคยเข้าชิงOscar จากLady Bird
- มีความเชื่อผิดๆว่าในวงการหนังที่มีรูปแบบ male-dominated industry ว่า หนังที่สร้างจากมุมมองของผู้หญิงจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ทำเงิน ไม่ชวนให้ลงทุนเพราะไม่สามารถตอบแทนอย่างคุ้มค่า ทั้งๆที่เรื่องราวที่ตรงกับความชื่นชอบของผู้หญิงสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ไม่ใช่หนังเฉพาะกลุ่ม
- อย่าไล่ตั้งคำถามต่อผู้กำกับหญิงว่า เพราะอะไรพวกเธอจึงต้องพบกับการกีดกันและอุปสรรคในวงการ แต่ควรวิเคราะห์หาเหตุผลจากทุกฝ่าย ลองตั้งคำถามให้บรรดาผู้กำกับชายดูบ้างว่าคิดเช่นไร
Patty Jenkins ผู้กำกับ Monster และ Wonder Woman
- ไม่ว่าจะทำหนังแนวใด จะประสบความสำเร็จแค่ไหน หรือเจาะกลุ่มผู้ชมที่มีความหลากหลายได้เพียงใด แต่รูปแบบการลงคะแนนของ Oscar ยังคับแคบมาก
- องค์กรนี้กำลังปรับปรุงเพื่อเปิดกว้างมากขึ้น แต่ผู้ลงคะแนนในสาขารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมส่วนใหญ่ก็คือ ผู้ที่ประสบความสำเร็จจากอาชีพผู้กำกับมาก่อน ด้วยเหตุนี้ ผู้กำกับที่มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลจึงอยู่กลุ่มก้อนเดียวกันกับผู้ลงคะแนนตัดสิน
หากสงสัยถึงตัวเลขของผู้ลงคะแนน จากการสำรวจของ The Los Angeles Times ในปี 2014
อายุเฉลี่ย คือ 63 ปี
76% คือ ผู้ชาย
94%คือค นผิวขาว
ชี้ชัดว่า ที่ผ่านมานั้น ผู้ลงคะแนนส่วนใหญ่คือกลุ่มชายผิวขาววัยกลางคนจากวงการภาพยนตร์ ความหลากหลายที่ขาดหายไปนั้น ทำให้เกิดกระแสต่อต้านเรื่อยมา ถึงขั้นที่นักแสดงทรงอิทธิพลอย่าง Will Smithประท้วงไม่เข้าร่วมพิธีการประกาศรางวัลOscar ในปี 2016 ส่งผลให้ผู้จัดต้องออกมาประกาศว่า ภายในปี 2020 จะเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ลงคะแนน โดยเพิ่มเพศหญิงเป็นเท่าตัว และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติยิ่งขึ้น
ในปี 2021มีรายงานว่า มีการส่งคำเชิญไปยังบุคลากรวงการหนังเพิ่มอีก 395 คน เมื่อรวมกับสมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนกลุ่มเดิม ทำให้สามชิกผู้หญิงเพิ่มจำนวนเป็น33% และ19%มาจากกลุ่มหลากหลายทางเชื้อชาติ และนั่นอาจจะอธิบายถึงประวัติศาสตร์ใหม่ของOscar ที่มีผู้กำกับหญิงเข้าชิงรางวัลพร้อมกันสองคนเป็นครั้งแรก และผู้ชนะก็คือ Chloé Zhao ผู้กำกับเชื้อชาติจีนที่ผ่านประสบการณ์สร้างหนังอินดี้มาเพียงไม่กี่เรื่อง แต่ผลงาน Nomadland ทำให้เธอกวาดรางวัลมาเพียบ เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเข้าชิงรายการไหน ก็สอยรางวัลกลับได้ทุกงาน และกลายมาเป็นตัวเต็ง Oscar ทั้งรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเธอก็ทำมันสำเร็จจริงๆ
แต่แม้ว่า เธอจะประสบความสำเร็จจนกลายมาเป็นผู้กำกับเนื้อหอม เธอก็ยืนยันว่า การกีดกันทางเพศในอุตสาหกรรมหนังมีอยู่จริง100 % แม้เธอจะรู้สีกโชคดีมากที่ได้รับโอกาสดีงามนี้ แต่ก็มีปัญหาที่ทุกคนก็ต้องร่วมแก้ไข
ขอแสดงความยินดีกับ Jane Campion ผู้กำกับตัวเก็งที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม Oscar ในปีนี้จาก The Power Of The Dog เธอเคยได้รางวัลhe บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้วจากผลงาน The Piano และนี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้กำกับหญิงได้รับรางวัล Oscar สองครั้ง
The End