Perfume101: Top Note,Middle Note,Base Note คืออะไรกันนะ
scented.story 45 23สวัสดีครับ วันนี้จะพามาเรียนวิชา Perfume 101 มารู้จักคำที่เราน่าจะต้องเจอในวงการน้ำหอม นั่นคือ Perfume Pyramid นั่นเองครับ
Perfume Pyramid คือการปรุงน้ำหอมที่แบ่งน้ำหอมเป็น 3 ช่วง เพื่อให้กลิ่นเกิดมิตินั่นเองครับ
โดยมี 3 ช่วง ได้แก่ Top Note , Middle Note และ Base Note โดยความสำคัญของเค้าคือ เค้าจะมีกลิ่นในแต่ละช่วงเวลานั่นเอง นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำหอมนั้นมีความแพง และซับซ้อนตามระดับราคาครับ
โดยมี 3 ช่วง ได้แก่ Top Note , Middle Note และ Base Note โดยความสำคัญของเค้าคือ เค้าจะมีกลิ่นในแต่ละช่วงเวลานั่นเอง นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำหอมนั้นมีความแพง และซับซ้อนตามระดับราคาครับ
Top Note จะเป็นกลิ่นในช่วงแรกของน้ำหอม คือจะมีกลิ่นที่โดดออกมา กระจายตัว มักจะเป็นกลิ่นที่สดใส และ Energetic
Middle Note จะออกมาช่วง 20 นาทีแรกเป็นต้นไป ซึ่งกลิ่นตรงนี้จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมแต่ละตัว ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอม และ
Base Note ซึ่งจะเป็นฐานของน้ำหอมที่มีความหอมตลอดทั้งวัน ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะตรงนี้จะเป็นวัตถุดิบที่มีความคงทนมากที่สุด กระจายกลิ่นไปได้ทั้งวัน และจะเพิ่มความลุ่มลึกให้น้ำหอมของเรานั่นเองครับ
Middle Note จะออกมาช่วง 20 นาทีแรกเป็นต้นไป ซึ่งกลิ่นตรงนี้จะมีความเป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมแต่ละตัว ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอม และ
Base Note ซึ่งจะเป็นฐานของน้ำหอมที่มีความหอมตลอดทั้งวัน ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะตรงนี้จะเป็นวัตถุดิบที่มีความคงทนมากที่สุด กระจายกลิ่นไปได้ทั้งวัน และจะเพิ่มความลุ่มลึกให้น้ำหอมของเรานั่นเองครับ
มาดูกันดีกว่าครับ ว่า วัตถุดิบที่ได้รับความนิยิมในแต่ละส่วนเป็นยังไงบ้าง
Top Note
ในส่วนนี้จะเป็นช่วงที่สดชื่น สดใส มีพลัง ส่วนผสมที่อยู่ในส่วนนี้จึงมักจะเป็นกลุ่ม citrus เช่น มะนาว เลม่อน มะกรูด หรือพืชพวกใบต่างๆ เช่น มิ้นท์และชา เป็นต้นครับ ซึ่งกลุ่มที่ว่ามานี้จะเป็นกลุ่มน้ำหอมที่มีความจางค่อนข้างไว จึงมักจะนำมาใส่ไว้ใน Top Note นั่นเองMiddle Note
กลุ่มนี้จะเป็นหัวใจสำคัญของน้ำหอม ซึ่งจะมอบความเป็นเอกลักษณ์ให้น้ำหอมต่างๆ โดยมักจะมีส่วนผสมดังนี้ครับFloral ซึ่งอาจจะแยกเป็น White Floral หรือดอกไม้ขาว ที่ให้กลิ่นนวลๆ Yellow Floral ที่ให้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เช่นกระดังงา Violet Floral และยังมีกลุ่มสำคัญคือกุกลาบที่มีมากมายหลายสายพันธ์ด้วย
Fruity ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมยอดฮิตของน้ำหอมทั้งผู้หญิงและผู้ชายทั้งแอปเปิ้ล สัปปะรด และแพร์นั่นเองครับ
ในกลุ่มของน้ำหอมผู้ชาย อาจจะเป็นเครื่องเทศ หรือ Rasin เป็นต้น
Base Note
กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ทำให้น้ำหอมอยู่ทนและได้กลิ่นไปทั้งวัน ซึ่งอาจจะทำมาจากกลุ่มไม้ต่างๆ อาจจะมีความ Smoky หรือ หวาน แล้วแต่ชนิดไม้Musk ถือว่าเป็นวัตถุดิบยอดนิยมของน้ำหอมเช่นกันครับ เพราะให้ความเป็นแป้ง
Vanilla ก็ถูกใช้เยอะมากๆ โดยเฉพาะการตัดความฟรุ้ตตี้ หรือฟลอรัลให้ดูโตขึ้น
และสุดท้ายที่ได้รับความนิยมมากๆในปัจจุบันคือสารสังเคราะห์ต่างๆ เช่น ISO E Super เป็นต้นครับ
มาดูตัวอย่างกันดีกว่า
เช่น Sì Passione จาก Giorgio Armani
Top notes ได้แก่ Pear, Black Currant, Pink Pepper และ Grapefruit; นั่นหมายความว่า เค้าเปิดมาด้วยความสดใส ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ เราจะได้กลิ่นเพียงไม่นานเท่านั้น
middle notes ได้แก่ Pineapple, Rose, Jasmine และ Heliotrope; ช่วงหัวใจของน้ำหอม จะได้กลิ่นกุหลาบ แต่แทรกด้วยความสดใสของมะลิ และสัปปะรด
base notes ได้แก Vanilla, Cedar, Amberwood และ Patchouli. ซึ่งจัเป็นกลิ่นที่มีความเรียบ นิ่ง และสร้างให้คาแรกเตอร์ของ Si Passione ตัวนี้มีความcontrast และน่าค้นหานั่นเองครับ
middle notes ได้แก่ Pineapple, Rose, Jasmine และ Heliotrope; ช่วงหัวใจของน้ำหอม จะได้กลิ่นกุหลาบ แต่แทรกด้วยความสดใสของมะลิ และสัปปะรด
base notes ได้แก Vanilla, Cedar, Amberwood และ Patchouli. ซึ่งจัเป็นกลิ่นที่มีความเรียบ นิ่ง และสร้างให้คาแรกเตอร์ของ Si Passione ตัวนี้มีความcontrast และน่าค้นหานั่นเองครับ