ไขข้อสงสัย “Designer Fragrance” “Niche Fragrance” คืออะไร
scented.story 34 19หลายคนที่ชอบน้ำหอม หรือเริ่มที่จะใช้น้ำหอม ต้องเจอคำสองคำนี้แน่นอนครับ คือ
“Designer Fragrance” และ “Niche Fragrance”
วันนี้ผมจะมาอธิบายคำสองคำนี้ให้เข้าใจกันครับ
Niche Fragrance
Niche /nɪtʃ/
an area or position that is exactly suitable for a small group of the same type
คำว่า Niche หรือ นีช ในภาษาอังกฤษคือใครก็ตามที่ผลิตสิ่งของเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม ส่วน Niche Fragrance นั้นจะหมายถึงแบรนด์น้ำหอมที่ผลิตเครื่องหอมเป็นหลักเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำหอม เทียน น้ำมันหอม หรือผลิตภัณฑ์น้ำหอมอื่นๆจุดเด่นของ Niche Fragrance มีดังนี้ครับ
-ผลิตโดยวัตถุดิบที่ดีกว่า ในเชิงของกลิ่น ทำให้กลิ่นออกมาซับซ้อน มีมิติ และแปลกใหม่
-ผลิตมาอย่างพิถีพิถันมากกว่า ด้วยความชำนาญ
-ราคาสูง หาซื้อยาก
-ผลิตออกมาน้อย ด้วยขั้นตอนการผลิตที่ยาก ทำให้มีคนใช้ซ้ำน้อย และขาดตลาดกันบ่อย
Designer Fragrance
น้ำหอมกลุ่มนี้จะมาจากแบรนด์ที่ “ทำอย่างอื่นมาก่อน” เป็นหลัก โดยน้ำหอมจะเป็นผลิตภัณฑ์หนิ่งที่แตกไลน์ออกมาเพื่อให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์แข็งแกร่ง บางแบรนด์อาจจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ cosmetic หรือไปจนถึงแบรนด์จานชาม ปากกา หรือเครื่องแก้ว ที่ทำน้ำหอมออกมาขายครับจุดเด่นของ Designer Fragrance มีดังนี้ครับ
- น้ำหอมที่เข้าใจง่าย ขายภาพลักษณ์ที่ชัดเจน เช่น Dior Sauvage=ผู้ชายแข็งแกร่งมีความสปอร์ต Jean Paul Gaultier Scandal = ความเซ็กซี่เย้ายวน Davidoff Cool Water = ผู้ชายลุคสปอร์ต แน่นอนว่า เมื่อเข้าใจง่าย ก็จะใช้ง่ายเป็นธรรมดาครับ
-ผลิตออกมาเยอะ จึงทำให้ราคาไม่สูงมาก และต้นทุนที่ไม่สูงมาก
-ด้วยการขายภาพลักษณ์ จึงทำให้น้ำหอมหลายๆตัวมีแนวกลิ่นที่ค่อนข้าง “คล้ายกัน”
แต่ในขณะเดียวกันในเชิงการปรุงน้ำหอม Perfumer หลายๆคน ก็ทำงานให้ทั้ง “Designer Fragrance” และ “Niche Fragrance” ครับ
แต่ช่วงหลายปีมานี้ “Niche Fragrance” มีกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้น ทำให้ขายดีมากขึ้น แม้ราคาจะสูงมากก็ตาม หลายๆแบรนด์ที่เป็นฝั่ง “Designer Fragrance” จึงออกไลน์อีกไลน์นึงที่มีความพิเศษ ใช้วัตถุดิบที่ดี มีความซับซ้อน เหมือนกับฝั่ง “Niche Fragrance” ไม่ว่าจะเป็น Maison Christian Dior จาก Dior, Burberry Bespoke, Armani Prive จาก Armani , Prada Olfactories จาก Prada , Private Blend จาก Tom Ford และ Luxury Perfume Collection จาก Estee Lauder
ซึ่งแน่นอนว่าจากความ “พิเศษ” ของกลิ่นเหล่านี้ ไลน์นี้มักจะแพงกว่าไลน์ปกติประมาณ 1-2 เท่าเลยทีเดียว
แบรนด์ฝั่ง Niche Fragrance หลายๆแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนใช้กันเยอะขึ้น เช่น Diptyque, Jo Malone, Atelier Cologne, Acqua Di Parma, Frederic Malle, Maison Francis Kurkdijan และ Byredo วันนี้ผมจะแนะนำแบรนด์อื่นๆที่น่าสนใจให้รู้จักกันครับ
Zoologist
น้ำหอมที่มีคอนเซ็ปเป็นสัตว์ทั้งหลาย ตั้งแต่ Hummingbird, Camel, Panda จนถึง Squid
Etat Libre d'Orange
น้ำหอมจากฝรั่งเศสสำหรับคนรักอิสระและไม่เหมือนใคร
Vilhelm Parfumerie
แบรนด์จากเจ้าของที่เคยทำให้ทั้ง Byredo และ Diptyque