Quiet luxury Icon: ตัวแม่แห่งความสวยแพง
candy 29 12
ในคราวที่แล้วเราได้เล่าสู่กันฟังเรื่องเทรนด์ Quiet Expensive (หรือ Stealth Weath) ที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะยึดครองโลกฟชั่นในปีนี้ วันนี้เราขอเกาะติดผู้หญิงที่ถูกยกให้เป็นตัวแม่เแห่งสวยแพงแบบรวยซุ่มเงียบ สำหรับคนที่คิดว่า สไตล์สวย classic ฟังดูจะแอบน่าเบื่อขาดสีสัน อาจจะพบมุมมองใหม่ๆ ที่ชวนเร้าใจแบบจากแนวคิด Quiet Luxury ก็เป็นได้
มาติดตามกันได้เลยค่ะ
มาติดตามกันได้เลยค่ะ
Carolyn Bessette-Kennedy: American Royalty
Carolyn Bessette-Kennedy ไม่ใช่ นางเอก A List หรือ นักร้อง superstar แต่เธอได้รับการยกย่องให้เป็น fashion icon ข้ามยุคสมัย แม้อุบัติเหตุเคื่องบินตกจะพรากเธอไปจากโลกนี้ไม่กี่เดือนก่อนจะขึ้นสหัสวรรษใหม่ ย้อนไปที่ยังมีชีวิตอยู่ Gianni Versace ได้ให้คำนิยามสไตล์ของ Carolyn ว่า"เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ตรงกับความต้องการของวงการแฟชั่น งดงามนุ่มนวล ดูบริสุทธิ์ แต่ก็บุคลิกท่าทางกล้าหาญซึ่งเป็นอะไรที่โมเดิร์นอย่างที่สุด" แต่เมื่อเวลสล่วงเลยไปกว่าสองทศวรรษ สไตล์งามสง่าเป็นอมตะของเธอก็ยังวนเวียนสร้างเสียงชื่นชมบน social media ไม่ต่างจากช่วงที่โด่งดังในยุค 90s ทั้งๆที่เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้คุ้นเคยกับชื่อเสียงของเธอแล้วก็ตาม
กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจเมื่อได้ก้าวสู่ Kennedy Dynasty
หาก Brad Pitt และ Jennifer Aniston คือ Hollywood golden couple จากช่วงปลาย 90s ทางฝั่งสังคมชั้นสูงของอเมริกาย่อมมี John F. Kennedy Jr และ Carolyn Bessette-Kennedy ยืนหนึ่ง เห็นนามสกุลก็พอจะเดากันออก ฝ่ายชายคือบุตรชายของประธานาธิบดี JFK ที่สื่อตามเกาะติดอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขายังเป็นเด็กน้อยน่ารัก เมื่อหนุ่มรูปงามทายาทตะกูลทรงอิทธิพลที่สื่อเรียกขานว่า John John ได้พบรักกับประชาสัมพันธ์สาวแห่ง Calvin Klein พวกเค้าก็ดึงดูดความสนใจจากสื่อไม่แพ้คู่รักนักแสดงดัง ในยุคที่วัฒนธรรม paparazzi เริ่มเฟื่องฟู พวกเค้าขึ้นปกนิตยสารกอสสิปซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผู้คนในสังคมรู้สึกอินกับเรื่องราวความรักที่ดูเหมือนกับเทพนิยายเมื่อฝ่ายหญิงที่มีพื้นเพชนชั้นกลางได้ก้าวเข้าสู่ตระกูลดังในแวดวงการเมือง แม่สามีของเธอคือ Jacqueline Kennedy Onassis อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งที่ถูกยกให้เป็น fashion icon แห่งยุค 60s -70s เมื่อ Caroline เฉิดฉายตามหน้าข่าวสังคมด้วยสไตล์สวยหรูมีระดับก็ทำให้หลายคนมั่นใจว่า เธอได้สืบทอดสถานะความเป็นผู้นำแฟชั่นจากแม่สามีอย่างเต็มตัว
Magic Of Little Black Dress
รสนิยมในการแต่งกายของ Carolyn ได้เปิดโอกาสให้เธอยกระดับทางอาชีพ แน่นอนว่าการทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้กับแบรนด์ดังจะทำให้เธอได้ติดต่อสร้าง connection กับผู้คนหลากหลาย แต่ด้วยสไตล์สวยสง่าชวนประทับใจทำให้เธอได้รับการผลักดันให้ทำงานร่วมกับลูกค้าระดับ VIPและไต่ระดับทางอาชีพได้อย่างรวดเร็ว
ตัวเลือกที่เธอโปรดปรานไม่ได้ซับซ้อนโลดโผน แต่ little black dress ก็ work ในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะควงคู่กับคนรักไปออกงานสังคม ร่วมอีเวนท์กลางวัน หรือออกเดทสุดโรแมนติก และสามารถพลิกแพลงดีไซน์ไปได้หลากหลายโดยยังคงความ classy ไว้ได้เสมอ สำหรับสาวสูงเพรียวอย่าง Carolyn ชุดที่ดูเรียบๆ จะแฝงไปด้วยดีเทลน่าสนใจเล็กๆ ถอยห่างจากความโฉ่งฉ่าง เธอแทบไม่ใส่เครื่องประดับชิ้นใหญ่ ถึงคอจะโล่งก็ไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป เพียงแค่ทาปากสีแดงสดก็พอแล้ว
แม้จะมีคนเปรียบเทียบว่า เธอเป็น Icon แห่งยุค 90s แต่เรากลับมองว่า สไตล์ของเธอกลับดูโมเดิร์น ราวกับเป็นภาพที่ถูกถ่ายมาในช่วงนี้ ไม่ใช่ 25 ปีที่แล้ว เพราะไอเท็มที่ไม่ว่าจะจับมาใส่ตอนไหนก็ดูดีเสมอคือ key สำคัญของ quiet luxury นั่นเอง และสิ่งที่เธอนำมาเพิ่มความเย้ายวนใจให้กับความเรียบหรูคือรองเท้าส้นสูงหัวแหลมจาก Manolo Blahnik ซึ่งในเวลาต่อมา มันได้กลายมาเป็นสินค้าที่โด่งดังที่สุดอันหนึ่งของแบรนด์
ความลำลองที่มีกลิ่นอายสง่างามมาจาก inner
จุดเด่นของ Carolyn คือการนำเสนอความเรียบง่ายออกมาได้ลงตัว แต่มีความสวยสง่าจากภายใน ไม่เหมือนปล่อยปละละเลยจนเกินไป street style ของเธอเต็มไปด้วยชุดสี neutral เน้น cutting สวยๆที่ยิ่งเน้นความสวยของรูปร่างให้โดดเด่น ถึงจะเป็นไอเท็มจากยุค 90s แต่ถ้านำมาสวมใส่ในตอนนี้ก็ยังดูสวยเริ่ดไม่ตกยุค เธอมักทำผมง่ายๆ บางครั้งก็ปล่อยสยายหรือรวบคล้ายกับไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เผยเรือนผมสีทองที่ดูเงางามสุขภาพดีมีออร่าแบบ "ฉันสวยเริ่ดแบบนี้เอง ไม่ได้จงใจ try hard"
ฉายา American Princess ของเธออาจจะทำให้คนนึกภาพความหรูหราฟู่ฟ่า แต่คนที่ชมชอบสไตล์ของเธอยืนยันว่า Carolyn คือ Queen Of Minimalist ต่างหาก แม้จุดเริ่มต้นความโด่งดังจะมาจากความสัมพันธ์กับลูกชายของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาตนถูก paparazzi ไล่ล่า แต่ความสวยแบบน้อยแต่มากนั้นทำให้ Carolyn เป็นที่จับตามองว่า เธอจะก้าวมาเป็น trendsetter สร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกแฟขั่นเหมือนกับจ้าหญิง Diana แต่ก็เกิดโศกนาฏกรรมช็อคโลกตามมา พวกเธอจบชีวิตจากอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน
ชุดเจ้าสาวในตำนาน
เมื่อใดก็ตามที่สื่อแฟชั่นจัดอันดับชุดเจ้าสาวของคนดังที่งดงามที่สุด ก็จะขาดชุดผ้าไหมสีงาช้างที่เรียบลื่นพริ้วไหวของ Carolyn ไปไม่ได้เลย เธอคือเจ้าสาวที่เมินเครื่องประดับล้ำค่า เลือกทำผมแบบเรียบง่าย แต่ทำให้สัมผัสถึงความสวยแพงได้ทุกอณู! แทนที่เธอจะเรียกใช้บริการ fashion house ชื่อดังเหมือนกับสาวไฮโซคนอื่นๆ เธอกลับตกลงใจร่วมงานกับ Narciso Rodriguez เพื่อนรักที่อยู่ในทีมดีไซน์เนอร์ของ Calvin Klein ซึ่งยังเป็นดีไซน์เนอร์ไร้ชื่อเสียง ซึ่งภายหลังเขาได้ออกมาเปิดเผยว่า ทำชุดขึ้นมาด้วยความรักเพื่อเพื่อนคนสำคัญ และชุดนี้ก็สะท้อนตัวตนของเธอที่ดู สวยคลีน, คลาสสิค และเย้ายวนใจ ซึ่งตรงกับแนวคิด Quiet Luxury ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ, ที่มาอันน่าจดจำ และความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าต้องเป็นสิ่งที่มีราคาสูงลิบลิ่ว
(Meghan Markle เป็นอีกคนที่ปลื้มปลาบปลื้มลุคนี้ และชี้ว่า เป็นชุดเจ้าสาวที่เป๊ะไปทุกรายละเอียด และมีรายงานว่า เธอนำสไตล์ของ Carolyn มาเป็นแรงบันดาลใจการแต่งกายมาแล้วหลายครั้ง)
Gwyneth Paltrow: แพง Out Of Touch จนเป็น viral
ประโยค "ฉันก็เสียเวลาสกีไปครึ่งวันล่ะนะ" ของ Gwyneth Paltrow ได้สร้างสีสันให้กับการพิจารณาคดีจนกลายเป็น viral หลังจากที่เธอต้องสู้คดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย $300,000 จากนายแพทย์วัยเกษียณที่อ้างว่า เธอไถลสกีมาชนเขาจนบาดเจ็บ แต่นางเอกยืนกรานหักล้างข้อกล่าวหาว่า ตัวเธอต่างหากที่โชคไม่ดีถูกคู่กรณีเข้ามาชนเอง และความเสียหายที่เกิดขึ้นตามมาคือ มันทำให้เธอต้องเสียเวลาเล่นสกีไปตั้งครึ่งวัน! และยังตีสีหน้าจริงจังแต่แฝงความเพลียใจที่ดันมาถูกฟ้อง
ชาวเน็ทหลายคนตอบรับคำพูดของ Goop ว่า สมแล้วที่เป็น MVP แห่งความ out of touch! แต่แม้ว่าอีกหลายคจะจิกกัดเธอเหมือนกับทุกครั้งที่เธอพูดจาสะดุดหู แต่ก็มันก็เรียกความเฮฮาจนกลายเป็น viral ที่แม้แต่ชาว Hollywood ด้วยกันมาร่วมแซวและส่ง meme ประชดประชันถึงความยากลำบากในชีวิตของสาวหัวสูงผู้ใช้ชีวิตเลิศหรูที่ต้องมาเจออุปสรรคในชีวิต นั่นคืออุบัติเหตุสกีที่ทำให้เสียเวลาทำกิจกรรมคนรวย
ไม่เพียงแต่จะขึ้นให้การแบบไม่ยี่หระจะดึงดูดความสนใจของผู้คน แฟชั่นของเธอก็ปลุกเร้าความสนใจจากสื่อแฟชั่นเช่นเดียวกัน
Goop มาพร้อมกับความแพงแบบไร้ label โตๆโชว์ความรวยตรงตามหลักการของ Quiet Luxury เธอเลือกเสื้อผ้าแบรนด์ high end ทั้งตัว แต่ไม่ปรากฏการแสดง statement ความรวยด้วย logo หรือ monogram บางคนมองว่า เธอพยายามใช้แฟชั่นสื่อความน่าเชื่อถือและความบริสุทธิ์ของตัวเอง นั่นคือสี neutral กากี สีน้ำเงินกรมท่า สีเบจ สีขาว หากดูภายนอก ก็คงฟันธงไม่ได้ทันทีว่ามันเป็นดีไซน์จากแบรนด์ใด แต่คงเดากันออกว่า เป็นของดีมีราคาที่คนทั่วไปจับต้องไม่ได้ง่ายๆ
บางคนมองว่าแฟชั่นที่ยึดแนวคิด quiet expensive นั้นตรงกับเอกลักษณ์ของพวก 'เงินเก่า' เพราะจะมีรูปแบบแฟชั่นที่เผยความรวยแบบเงียบๆคล้ายกับ uniform เห็นได้จากเสื้อผ้าหน้าผมของ Goop ในลุคเสื้อคาร์ดิแกน สร้อยโซ่สีทอง และกระเป๋าสีน้ำตาล ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบจาก ft.com ว่า ดูเหมือนคุณแม่จากครอบครัวไฮโซจาก Upper East Side ในขณะที่เดินทางไปออฟฟิศของมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League เพื่อหว่านล้อมให้อำนวยความสะดวกเรื่องการศึกษาของลูก
Accessory แบบร้วยยยยย!
เสื้อผ้าที่แพงระยับหัวจรดเท้าของคนดังนั้นเป็นเรื่องที่เห็นกันจนเคยชิน แต่ถ้าเป็น นางเอกที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการโพรโมทสินค้าราคาสูงและบรรยายสรรพคุณชวนสงสัย หลายคนก็คงสันนิษฐานว่า ข้าวของเครื่องใช้ของเธอย่อมแพงไปในทิศทางเดียวกัน ที่ผ่านมา เราเคยได้ยินเสียงบอกเล่าถึงวิธีสังเกตคนที่มีฐานะมั่งคั่งได้ไว้หลายข้อ เช่น ฟันขาวเรียงตัวสุดเป๊ะ เสื้อผ้าเนื้อผ้าดีที่ดูเหมือนตัดเย็บแบบ custom ใช้บัตรเครดิตระดับพรีเมียม หรือการใช้ข้าวของที่มีไว้เฉพาะสำหรับกาลเทศะที่แตกต่างกัน เช่น ผ้าขนหนูสำหรับสระว่ายน้ำที่แยกจากจากผ้าขนหนูที่ใช้บนชายหาด กระเป๋าใส่ของไป gym ที่มี function เลิศล้ำ รองเท้าแตะที่แยกไว้ใช้เดินบนพื้นผิวต่างๆ เป็นต้น สำหรับ Gwyneth มันก็อาจเป็นไปได้ว่า เธอจะเลือกสมุดปกหนังสุดหรูราคากว่าแปดพันบาทเพื่อใช้ในการพิจารณ์ไต่สวนคดีโดยเฉพาะ!
( ไม่นานมานี้ ศาลตัดสินว่า Goop ชนะคดี ไม่ต้องชดใช้ให้กับคู่กรณี)
เรียบง่ายแต่แพงสุดๆ
แทนที่จะเลือกสไตล์ที่เคร่งขรึมเป็นทางการ เธอใส่เสื้อคอเต่าจากแบรนด์ Loro Piana ที่ถูกขนานนามว่า เป็น Uniqlo ของมหาเศรษฐี ดีไซน์แบบลำลอง เน้นสีที่ดูเป็นธรรมชาติอาจจะทำให้แฟนๆของเสื้อผ้าแบรนด์ญี่ปุ่นดูคุ้นตา แต่ความ luxury ของวัสดุและการตัดเย็บและราคาที่แพงจนคนทั่วไปสะดุ้งนั้นดูจะถูกใจเหล่าคนรวยซะเหลือเกิน สื่อบางเจ้าต้องแจกแจงหลายข้อว่า เหตุใดสินค้าจากแบรนด์นี้จึงแพงมาก ไม่ว่าจะเป็นความ rare ของวัสดุ ใส่แล้วดู exclusive แสดงสถานะชั้นนำของกลุ่ม luxury และไอเท็มอื่นๆที่เธฮสวมใส่มาศาลก็ราคาสูงลิบลิ่ว มูลค่าเสื้อผ้าเครื่องประดับของ Goopในศาลไม่กี่วันมาถูกนำไปคำนวณว่า เพิ่มอีกนิดก็เท่ากับค่าเสียหายที่คู่กรณีเรียกร้องแล้ว
ไม่ได้เปลี่ยนสไตล์เมื่อมาขึ้นศาล
มีคำถามว่า Gwyneth ปรับสไตล์ให้เข้ากับการพิจารณาคดีเพื่อช่วยโน้มน้าวใจคณะลูกขุนหรือไม่? The New York Times ถึงกับเปรียบเทียบว่านี่คือ court-core. ในแบบ Goop แต่อดีตสไตลิสต์ของเธอชี้ว่า สาเหตุที่ทำให้โลกออนไลน์กล่าวขวัญเรื่องตัวเลือกทางแฟชั่นของเธอคือ ความยึดมั่นในความเป็นตัวเอง หากเป็นเซเลบรายอื่น ก็เลือกชุดที่ดูเคร่งขรึมภูมิฐานอย่างสูทคมกริบ กางเกงทรงทำงานสั่งตัดหรือสวมสูททับเดรส แต่สูทของ Goop มีเนื้อผ้าที่ดูใส่สบายและดีไซน์ที่ดูลำลอง เธอใส่กระโปรง maxi และ sweater ที่ไม่ต่างจากตอนที่เธอแต่งเพื่อคุยงานใน office ธรรมดา อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า แฟชั่นที่ดู relax ของเธอจะสร้างแรงกดดันให้กับคู่กรณีได้ บางคนมองว่า มันดูคล้ายกับความข่มขวัญด้วยความรวยบวกกับท่าทางสุดชิล ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะชนะคดี
มีคำถามว่า Gwyneth ปรับสไตล์ให้เข้ากับการพิจารณาคดีเพื่อช่วยโน้มน้าวใจคณะลูกขุนหรือไม่? The New York Times ถึงกับเปรียบเทียบว่านี่คือ court-core. ในแบบ Goop แต่อดีตสไตลิสต์ของเธอชี้ว่า สาเหตุที่ทำให้โลกออนไลน์กล่าวขวัญเรื่องตัวเลือกทางแฟชั่นของเธอคือ ความยึดมั่นในความเป็นตัวเอง หากเป็นเซเลบรายอื่น ก็เลือกชุดที่ดูเคร่งขรึมภูมิฐานอย่างสูทคมกริบ กางเกงทรงทำงานสั่งตัดหรือสวมสูททับเดรส แต่สูทของ Goop มีเนื้อผ้าที่ดูใส่สบายและดีไซน์ที่ดูลำลอง เธอใส่กระโปรง maxi และ sweater ที่ไม่ต่างจากตอนที่เธอแต่งเพื่อคุยงานใน office ธรรมดา อาจจะมีความเป็นไปได้ว่า แฟชั่นที่ดู relax ของเธอจะสร้างแรงกดดันให้กับคู่กรณีได้ บางคนมองว่า มันดูคล้ายกับความข่มขวัญด้วยความรวยบวกกับท่าทางสุดชิล ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจะชนะคดี
Chiv Roy: Billionaire Chic
เธออาจจะไม่ใช่คนที่มีตัวตนในชีวิตจริง แต่ตัวละคร Siobhan หรือ Shiv Roy แห่ง Succession ก็ทำให้ผู้ที่ปลาบปลื้มสไตล์สวยแพงต้องสั่นไหวด้วยสไตล์ที่เรียกว่า power dressing ชุดที่ดูเหมือนธรรมดาแต่มีความพิเศษและดูเปี่ยมไปด้วยพลังของผู้หญิงที่ทะเยอทะยานพร้อมจะบริหารธุรกิจหมื่นล้าน
ทันทีที่ Succession ซีซันล่าสุดกลับมาออนแอร์แค่ตอนแรกก็ทำให้สื่อจับลุคของ Shiv มาบรรยายเกรียวกราว เธอมีความโดดเด่นถึงเพียงนั้นเลยหรือ? คนที่อาจจะยังไม่ได้ชมซีรีส์เรื่องนี้อาจจะสงสัย
ฝ่าย costume จะต้องทำการบ้านเพื่อนำเสนอภาพของทายาทตระกูลมหาเศรษฐีทรงอำนาจที่สามารถควบคุมทั้งเศรษฐกิจและการเมืองให้ดูสมจริง ทำให้ผู้ชมได้อินกับภาพลักษณ์ของผู้หญิงแนวหน้าของชนชั้น1% นอกจากจะศึกษาการแต่งกายของสาวเก่ง Billionaire ที่มีตัวตนในโลกแห่งความเป็นจริง ก็ต้องผสมผสานตัวตนสุด strong ของเธอไปด้วย แ และทีมงานก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เพราะสื่อแฟชั่นต่างอวยยศให้กับ Shiv Roy อย่างถ้วนหน้า FC ก็มีเพียบเช่นกัน
Shiv พยายามพิสูจน์ตัวเองให้คนรอบข้างได้เห็นว่า เธอมีความสามารถควรค่าที่จะรับช่วงต่อจากพ่อผู้เป็นนักธรกิจเขี้ยวลากดิน จากที่เคยแต่งตัวแบบขาดๆเกินๆไปบ้าง เธอเปลี่ยนทรงผมให้เป็นบ็อบสุดเนี้ยบดูน่าจดจำ signature ของเธอคือ เสื้อคอเต่าจับคู่สร้อยเส้นเล็กๆ กางเกงเอวสูง fitting และ cutting ดีงาม เดรสเรียบหรูแต่มีดีเทลเย้ายวนใจ Shiv ถนัดเรื่องบริหารเสน่ห์ให้ผู้คนประทับใจ แต่เธอแตกต่างจากคู่ควงของพี่ชายที่มีแต่สวยเริ่ดราวกับนางแบบ เธอได้สร้างความตรึงตราใจด้วยภาพลักษณ์ทายาทมหาเศรษฐีที่กระหายความสำเร็จ ถีบตัวออกจากกลุ่ม rich kids ที่ถูกพ่อแม่ตามใจจนไม่ยอมหยิบแตะอะไร แฟชั่นของเธอจึงต้องแผ่ออร่านางพญา ทั้งแพงและ strong!
Michelle Matland ผู้รับหน้าที่ costume designer ของซีรีส์เผยว่า ลุคกางเกงเอวสูงและสี neutral ล้วนของ Shiv นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากหญิงสาวจากยุค 30s อย่าง Marlene Dietrich ที่นำเสนอความงามปราณีตและความแข็งแกร่ง (เนื่องจากเป็นยุคที่กางเกงถูกมองว่าเป็นเครื่องแต่งกายของเพศชาย และมีแต่คนงานหญิงในโรงงานที่ใส่กางเกงกัน ผู้หญิงที่ใส่กางเกงจึงถูกมองเป็นขบถสังคม) ฟังแล้วดูเข้ากับพัฒนาการของ Shiv ที่ต้องก้าวข้ามกำแพงทางเพศเข้ามาฟาดฟันกับพี่ชายน้องชายเพื่อตำแหน่งผู้สืบทอดอาณาจักรหมื่นล้าน รวมถึงศัตรูทางธุรกิจที่จ้องทำลาย
เพราะ Shiv พยายามไขว่ค้าหาจุดสุดด้วยการสร้าง connection กับคนระดับเดียวกับ การสร้างความประทับใจจึงแตกต่างไปจากการประชาสัมพันธ์ตัวเองของคนดังที่เฉิดฉายบนพรมแดงหรือใน fashion week ตู้เสื้อผ้าของเธอจึงไม่ได้เป็นสถานที่สำหรับเสื้อผ้าที่สั่งตรงจากรันเวย์เพื่อวิ่งตามเทรนด์ให้ทัน แต่จะต้องมีการตัดเย็บที่ไร้ที่ติ เน้นสีสันเรียบๆ ทั้งสีล้วนทั้งตัว และจับคู่ผสมผสานในโทนสีเดียวกันโดยใช้ความเข้มและอ่อน เ Monochrome) แน่นอนว่าจะต้องมีเนื้อผ้าชั้นดีอย่างผ้าไหม แคชเมียร์และวูล
Michelle Matland ได้นิยามสไตล์ของตระกูล Roy ไว้ชัดเจนว่า
"พวกเค้าเป็นฝ่ายที่ต่อต้านครอบครัว Kardashian พวกเค้าไม่จำเป็นต้องค้นหาตัวตนด้วยการนำเสนอตัวเองผ่านเสื้อผ้าและเครื่องประดับ"
แฟชั่นของทายาทสาวตระกูล Roy จึงไม่ได้ขึ้นกับ logo แบรนด์ดัง ดีไซน์แบบเล่นใหญ่ หรือความระยิบระยับของเครื่องประดับอัญมณี แต่เป็นความสวยแพงแบบไม่สะดุดตาเกินไป พวกเค้าคือกลุ่มทรงอิทธิพลที่ไม่อยากเปิดเผยตัวให้เอิกเกริก เพราะทุกย่างก้าวที่ปรากฏตัวในหมู่คนก็ถูกจ้องจับตามองจากรอบด้านอยู่แล้ว และที่จริงแล้วก็พยายามหลบเลี่ยงพวกที่พุ่งเข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ บางครั้ง ครอบครัวนี้จะแต่งตัวเรียบราวกับกำลังล้อเลียนสังคมซะด้วยซ้ำ อย่างหมวกเบสบอลที่ไม่ปรากฏแบรนด์หรือลวดลายใดๆ แต่อาจจะแพงไม่แพ้กับหมวกแบรนด์ high end
เมื่อ Shiv ได้ปรากฏตัวใน episode ที่ออนแอร์ไปไม่กี่วันมานี้ด้วยลุคเสื้อผ้าที่แทนทั้งตัว หลายคนกลับฮือฮา เพราะเชื่อกันว่า ชุดด้านในของเธอคือบอดี้สูท Skims (จากที่ฝ่าย costume ระบุไว้ว่าครอบครัว Roy นั้นอยู่คนละฝั่งกับ Kardashian ที่โด่งดังเรื่องความล้น) แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่า มันอาจจะการสื่อพลัง Girl Boss เนื่องจาก Kim ก่อตั้งแบรนด์จนร่ำรวยนั่นเอง
ความสวยแพงของ Shiv นั้นมีอิทธิพลต่อคนดูมากถึงขั้นที่มีคนโวยวายคาดคั้นเอาคำตอบจากฝ่าย costume เมื่อได้เห็นเธอใส่ชุดรัดรูปสีสดใส และ fitting ที่ไม่ค่อยเป๊ะจนเกิดรอยจีบย่นทั่วตัวเข้าฉากงานแต่งงานของแม่เธอที่อิตาลี และยังตามไปค้นหา ID ของชุดจนพบว่า ชุดขาวลายดอกนั้นเป็นแบรนด์ high street ส่วนชุดสีฟ้านั้นมีราคาแพง แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าฉูดฉาดและดูรัดแน่นไป ราวกับไปสอยมาจากห้างตอนลดราคาแล้วฝืนใส่ทั้งที่ไม่ตรงไซส์ ดูไม่สมกับเป็น Shiv Roy จนตัว costume designer ต้องออกมาชี้แจงว่า ตัวเลือกทาง fashion ของ Shiv จะสื่อถึงความรู้สึกกายในของเธอด้วย แม้เธอจะโดดเด่นด้วยรัศมีดิว่าที่สามียังเกรงใจ แต่เธอก็ยังมีความไม่มั่นใจและ จากปกติที่มักจะใส่ชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีตและสวยแพงแบบเรียบๆ เมื่อเกิดความวิตกกังวลก็สื่อความไม่มั่นคงในจิตใจออกมาด้วยสีแรงและดีไซน์เปิดเผยเนื้อหนังมากขึ้น
(จากในภาพชุดดูไม่ได้ยับหรือย่ำแย่ขนาดนั้น แต่ยังมีอีกหลายภาพที่ fitting ดูผิดฟอร์ม Shiv ถึงขนาดว่า สื่อดังมาร่วมจวกกับแฟนซีรีส์ด้วยข้อกล่าวหา ทำให้ Shiv ดู cheap จนรับไม่ได้)
เป็นทายาทหมื่นล้านแล้วจะใส่แบรนด์ high street ไม่ได้หรือไร? ตราบใดที่ลุคโดยรวมออกมาดูแพงไม่ตกมาตรฐานที่เคยนำเสนอไว้ บรรดาผู้ชมคงไม่ต่อว่าต่อขาน ตัว costume designer ยอมรับว่า เธอต้องพยายามเสาะหาเสื้อผ้าไปทั่วทุกแห่งเท่าที่ทำได้ ทั้งในห้างช่วงลดราคาหรือห้าง outlet ราวกับเป็นการตามล่าสมบัติ เพราะเค้านำไอเท็มราคาไม่แพงมาผสมผสานกับไอเท็มแบรนด์เนม แฟชั่นกูรูจึงไม่สามารถ ID ชื่อแบรนด์ได้ครบทุกลุค และยังต้องนำมาปรับ fitting ให้เป๊ะตามรูปร่างของ Sarah Snook นางเอกที่สวมบทบาทนี้ อย่าง sweatshirt แขนยาวที่ถูกเรียกว่า'ไอเท็มคนรวย' พวกนี้อาจจะเป็นเสื้อเนื้อดีที่หยิบยืมมาจากแบรนด์ดัง หรือซุกซ่อนอยู่ในกรุสมบัติของ costume designer หรือมาจากความพยายามแย่งชิงสอยมาจากช่วงลดราคาจากในห้าง แต่เมื่อจับมา mix&macth ก็กลายเป็นลุคมหาเศรษฐีไม่ต่างกัน
ตัวแม่ quiet luxury ของคุณเป็นใครกันบ้าง มาแชร์ให้ฟังด้วยนะคะ