EP.17 เจาะลึกความรู้สึกพังทลายของโรคซึมเศร้า
Kamoltip Pocky 28 11
ฮายยยยยยย
กระทู้รักการอ่านมาแล้ววววววววว
อ่านจบคือ นอนได้เลย ง่วง5555
นอดออยู่บ้านทุกวันมาแล้ว
หัวข้อวันนี้ค่อนข้างซีเรียสนะคะแต่ก็อยากแชร์
จะมาเล่าเรื่องราวเสี้ยวนาทีที่เราคิดฆ่าตัวตาย
ต้องอ่านแบบไม่มีอคตินะคะ ปล่อยใจ เปิดใจ อ่านนะคะ
เรารอด เราลืมตาขึ้นมา และเราถือโอกาศมาเล่าเรื่องนี้นะคะ เผื่อเรื่องของเราจะ เพื่อคนที่ป่วยแบบเรา หรือคนที่ดูแลผู้ป่วยแบบเรา และผู้ใกล้ชิดคนที่ป่วยแบบเรา
จะได้เข้าใจผู้ป่วยได้ค่ะ
“การบอกเล่านี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ป่วยเหมือนเรา และคนที่ปกติที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน”
อย่างที่เราเล่าไปใน EP.16 ว่าเราเจอมรสุมชีวิต ที่เราไม่สามารถ นั้นคือความรัก และการมีแฟน แรกๆตอนเริ่มคบกัน เราก็เพิ่งเริ่มรักษาโรคซึมเศร้า
เราคุยกับหมอว่าทำยังไงดีกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
หมอก็เตือน ว่า ณ ตอนนี้เราไม่ใช้ตัวของตัวเอง
การตัดสินใจ และความคิดมันจะแปรปรวนไปหมด
เราบอกคนคนนั้นว่าเราไม่สบายใจ ในการเริ่มความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้าต้องผิดหวังอีก เราคงเกินรับไม่ไหว
เราเลยเลือกที่จะค่อยๆคุย ค่อยศึกษากันไป
เป็นเวลา 2 ปีกว่า เค้าทำให้เราอาการดีขึ้นหลายอย่าง เค้าค่อยหากิจกรรมมาให้เราทำเรื่อยๆ
จนเราสบายใจ มีความสุขกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
แต่สุดท้ายมันก็พังด้วยเหตุผลบางอย่าง
เราไม่ขอลงดิเทล แต่วันที่ความสัมพันธ์มันจบลง
เราร้องไห้ และถามตัวเองว่าเราผิดอะไร มีอะไรตรงไหนพลาดไป ในสถานการณ์แบบนี้ มันคือภาวะดิ่งขั้นสุด สารเคมีในสมองที่เป็นกลไกการปกป้องตัวเองจะเริ่มหลั่งออกมาจำนวนมาก จนเรารู้สึกมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากยาที่เรากำลังแกะออกมาใส่กำมือ ทุกสิ่งรอบตัวเบลอไปหมด เรามองเห็นแค่สิ่งที่กำลังทำ
ในหัวคิดแต่ว่า เราพยายามที่สุดแล้ว พยายามอยากหาย พยามหาหมอให้ตรงตามนัด มีวินัยกับการรักษาทุกอย่าง ทำไมเราเจอแต่เรื่องร้ายๆ คนที่ใจร้ายล่ะ ในหัวมีแต่คำถามมากมาย และโทษตัวเองในทุกเรื่องๆเลย น้ำตามันไหลไม่หยุด ในมือกำยาไว้แน่น
ในใจคือพร้อมไป เพราะเราเหนื่อยแล้วไม่ไหวแล้วกับใช้ชีวิตให้พ้นแต่ละวัน ทำไมมันต้องยากกับเราด้วย น้ำตาที่มันไหลออกมา มันบีบหัวใจจนเรารู้สึกอึกอัด และที่สุดเราก็กินยานั้นไปทำให้เราหลับภายในเวลา5นาที….
***อุทาหรณ์ 1
อ่านถึงตรงนี้ ทุกคนอาจมีคำถามมากมาย และทำไมเราไม่รักตัวเอง และทำไม่คิดสั้น
มาทำความเข้าใจและเปลี่ยนมายเซทกันนะคะ
1. ผู้ป่วยซึมเศร้าการฆ่าตัวตายไม่ใช่การคิดสั้น แต่เป็นการคิดมานาน แล้ว ผู้ป่วยบางคนก็คิดอยากตายทุกวัน เพราะชีวิตและละวันมันยากเกินกำลังของใจเค้า หรือเรื่องราวและเหตุการณ์ในชีวิตมันผิดหวังซ้ำซาก จนหมดความศรัทธาในชีวิตของตัวเอง แลพอมีเรื่องทุกข์ใจ มาการตุ้นเพิ่ม มันก็จะวนกลับมาอยากตายอีก
2. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤติหรือดิ่ง ไม่ครวให้อยู่คนเดียว อยู่ใกล้ๆและไม่ควรให้จ่ายยาเอง
ผู้ใกล้ชิดควรเก็บยาทั้งหมด และจ่ายยาให้เป็นมื้อๆไป สำคัญมาก อยู่ใกล้ อย่างเข้าใจ รับฟังและปลอบใจ ไม่เคลมไม่เปรียบเทียบไม่เบรม ผู้ป่วยเพราะจะยิ่งทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง
3. สมองจะมีกลไกการหลั่งสารเคมีของตัวเอง ผู้ป่วยบางคนอาจจะลืมเรื่องที่เป็นทุกข์ เหมือนความจำหาไปช่วงหนึ่ง ผู้ป่วยบางคนอาจทำร้ายตัวเอง แบที่ความรู้สึกเจ็บมันหายไป
ที่สุดแล้วผู้ป่วยที่สะสมเรื่องราวซ้ำซากๆเป็นเวลานาน อาจจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ได้
**จบ อุทาหรณ์ 1
เล่าเรื่องเราต่อนะ
เราไม่รู้เรื่องรายละเอียดตอนช่วยชีวิตเราเลย
คนในครอบครัวไม่บอกอะไรเราเลย ถึงเราถามก็ ไม่มีใครบอกรายละเอียดรู้แค่ว่า ตื่นมา มีขั่วไฟฟ้าติดที่หน้าอก และร่องรอยต่างๆที่เราไม่เข้าใจ แต่จำอะไรไม่ได้เลย แต่เครื่องประดับที่มีอยู่กับตัวถูกเอาใส่ถุงซิปไว้
ตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการมึนงง และร้องให้ต่อ
ในใจคิดว่า ตื่นมาทำไม ทำไมไม่ตาย
แต่ก็ทำได้แค่ร้องไห้ต่อ จากนั้นก็ถูกย้ายไปห้องพิเศษ เราก็ยังอยู่ในความรู้สึกห่อเหี่ยวกับการตื่นขึ้นมา เราไม่พูดอะไร จนป๋ากับม๊ะมาหา ทั้งสองกอดเรา และร้องไห้ พูดกับเราว่าอย่าทำแบบนี้อีก หัวใจเราเริ่มเจ็บ ปวดร้าวไปถึงต้นคอ รู้สึกหนวงๆที่หัว ความรู้สึกผิดมันฟูขึ้นมาที่คอ มันรู้สึกมวนๆที่คอ และลมหายใจ น้ำตาเราไหล และเราก็หลับไปอีก อาจจะเป็นเพราะยายังตกค้าง ตื่นขึ้นมาอีกที่ เราก็ยังเห็นม๊าร้องไห้
หลายวันผ่านไปในโรงพยาบาล เราพูดขึ้นมา ว่าอยากพบหมอจิตเวชกับนักจิตบำบัด แล้วเราก็เป็นคนติดต่อเอง ทั้งหมด เหมือนสติจะกับมา
วันที่ไปพบคุณหมอคนเดิมคนแรก ที่รักษาเรา
หมอถามเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ครั้งละสุดคุณดีขึ้นมากๆ แต่ตอนนี้ทำไมดิ่งสุดขนาดนี้คนไข้พร้อมจะเล่า ไหมครับ เราก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้หมอฟัง โดยมีนักจิตบำบัด ร่วมฟังด้วย หลังจากนั้นคุณหมอขอพบป๋ากับม๊าและให้เราออกมาข้างนอก
หลังจากนั้นเราก็เข้าการรักษา เหมือนเริ่มใหม่ ปรับยาใหม่ เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ตอนเช้าให้ออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน เดินไปร้องไห้ไป นักจิตบำบัดบอกว่าไม่ต้องรีบลืม
ไม่ต้องบังคับตัวเอง ตัวเราเองยังต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ร้องไห้ได้ร้องเลย แต่ต้องกำหนดเวลาให้ตัวเอง เพราะชีวิตเราต้องเดินต่อไป
จะเคว้งแค่ไหนก็ต้องไปต่อ……
***อุทาหรณ์ 3
1. สิ่งที่เราเป็นในทางการแพทย์เรียกว่า โรคซึมเศร้าที่มีอาการไบโพล่าร์ ที่ขึ้นสุด ลงสุด แทรกซ้อน จึงทำให้เกิดอารมณ์ กลับไปกลับ โดยมีสิ่งเร้า หรือ แรงกระตุ้น
2. การหาหมอจิตเวชควบคู่ไปกับการพบนักจิตบำบัดด้วยเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
3. เปิดใจให้กว้างๆค่ะ โรคนี้เกิดจากสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจ
4. โรคซึมเศร้า ไม่มีผู้ป่วยคนไหนอยากเป็น แต่เมื่อเป็นแล้ว ก็อยากหายค่ะ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
เราขอจบเรื่องเล่าเตือนสติเพียงเท่านี้
เปิดใจกว้างรับฟังคนที่ป่วยแบบเราเถอะ
ไม่มีอะไรร้ายแรง คนที่ป่วยแบบเราไม่ทำร้ายใคร
มีแค่ทำร้ายตัวเอง…
คอนเทนท์สุดท้ายวันนี้
ความสวยความงามบอกเล่าเก้าสิบ
พักนี้ไม่ค่อยได้แต่งหน้า มาสายสกินแคร์ละกัน
อันนี้สำหรับคนผิวหน้าแห้ง ตื่นมาหน้าฟูเลย
ฉ้ำประหนึ่งตื่นมาหน้าใสเลย
Regenerate AA+ Contour
Anti Aging line
dermal talk
กระทู้รักการอ่านมาแล้ววววววววว
อ่านจบคือ นอนได้เลย ง่วง5555
นอดออยู่บ้านทุกวันมาแล้ว
หัวข้อวันนี้ค่อนข้างซีเรียสนะคะแต่ก็อยากแชร์
จะมาเล่าเรื่องราวเสี้ยวนาทีที่เราคิดฆ่าตัวตาย
ต้องอ่านแบบไม่มีอคตินะคะ ปล่อยใจ เปิดใจ อ่านนะคะ
เรารอด เราลืมตาขึ้นมา และเราถือโอกาศมาเล่าเรื่องนี้นะคะ เผื่อเรื่องของเราจะ เพื่อคนที่ป่วยแบบเรา หรือคนที่ดูแลผู้ป่วยแบบเรา และผู้ใกล้ชิดคนที่ป่วยแบบเรา
จะได้เข้าใจผู้ป่วยได้ค่ะ
“การบอกเล่านี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่ป่วยเหมือนเรา และคนที่ปกติที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน”
อย่างที่เราเล่าไปใน EP.16 ว่าเราเจอมรสุมชีวิต ที่เราไม่สามารถ นั้นคือความรัก และการมีแฟน แรกๆตอนเริ่มคบกัน เราก็เพิ่งเริ่มรักษาโรคซึมเศร้า
เราคุยกับหมอว่าทำยังไงดีกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
หมอก็เตือน ว่า ณ ตอนนี้เราไม่ใช้ตัวของตัวเอง
การตัดสินใจ และความคิดมันจะแปรปรวนไปหมด
เราบอกคนคนนั้นว่าเราไม่สบายใจ ในการเริ่มความสัมพันธ์ครั้งนี้ ถ้าต้องผิดหวังอีก เราคงเกินรับไม่ไหว
เราเลยเลือกที่จะค่อยๆคุย ค่อยศึกษากันไป
เป็นเวลา 2 ปีกว่า เค้าทำให้เราอาการดีขึ้นหลายอย่าง เค้าค่อยหากิจกรรมมาให้เราทำเรื่อยๆ
จนเราสบายใจ มีความสุขกับความสัมพันธ์ครั้งนี้
แต่สุดท้ายมันก็พังด้วยเหตุผลบางอย่าง
เราไม่ขอลงดิเทล แต่วันที่ความสัมพันธ์มันจบลง
เราร้องไห้ และถามตัวเองว่าเราผิดอะไร มีอะไรตรงไหนพลาดไป ในสถานการณ์แบบนี้ มันคือภาวะดิ่งขั้นสุด สารเคมีในสมองที่เป็นกลไกการปกป้องตัวเองจะเริ่มหลั่งออกมาจำนวนมาก จนเรารู้สึกมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากยาที่เรากำลังแกะออกมาใส่กำมือ ทุกสิ่งรอบตัวเบลอไปหมด เรามองเห็นแค่สิ่งที่กำลังทำ
ในหัวคิดแต่ว่า เราพยายามที่สุดแล้ว พยายามอยากหาย พยามหาหมอให้ตรงตามนัด มีวินัยกับการรักษาทุกอย่าง ทำไมเราเจอแต่เรื่องร้ายๆ คนที่ใจร้ายล่ะ ในหัวมีแต่คำถามมากมาย และโทษตัวเองในทุกเรื่องๆเลย น้ำตามันไหลไม่หยุด ในมือกำยาไว้แน่น
ในใจคือพร้อมไป เพราะเราเหนื่อยแล้วไม่ไหวแล้วกับใช้ชีวิตให้พ้นแต่ละวัน ทำไมมันต้องยากกับเราด้วย น้ำตาที่มันไหลออกมา มันบีบหัวใจจนเรารู้สึกอึกอัด และที่สุดเราก็กินยานั้นไปทำให้เราหลับภายในเวลา5นาที….
***อุทาหรณ์ 1
อ่านถึงตรงนี้ ทุกคนอาจมีคำถามมากมาย และทำไมเราไม่รักตัวเอง และทำไม่คิดสั้น
มาทำความเข้าใจและเปลี่ยนมายเซทกันนะคะ
1. ผู้ป่วยซึมเศร้าการฆ่าตัวตายไม่ใช่การคิดสั้น แต่เป็นการคิดมานาน แล้ว ผู้ป่วยบางคนก็คิดอยากตายทุกวัน เพราะชีวิตและละวันมันยากเกินกำลังของใจเค้า หรือเรื่องราวและเหตุการณ์ในชีวิตมันผิดหวังซ้ำซาก จนหมดความศรัทธาในชีวิตของตัวเอง แลพอมีเรื่องทุกข์ใจ มาการตุ้นเพิ่ม มันก็จะวนกลับมาอยากตายอีก
2. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤติหรือดิ่ง ไม่ครวให้อยู่คนเดียว อยู่ใกล้ๆและไม่ควรให้จ่ายยาเอง
ผู้ใกล้ชิดควรเก็บยาทั้งหมด และจ่ายยาให้เป็นมื้อๆไป สำคัญมาก อยู่ใกล้ อย่างเข้าใจ รับฟังและปลอบใจ ไม่เคลมไม่เปรียบเทียบไม่เบรม ผู้ป่วยเพราะจะยิ่งทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง
3. สมองจะมีกลไกการหลั่งสารเคมีของตัวเอง ผู้ป่วยบางคนอาจจะลืมเรื่องที่เป็นทุกข์ เหมือนความจำหาไปช่วงหนึ่ง ผู้ป่วยบางคนอาจทำร้ายตัวเอง แบที่ความรู้สึกเจ็บมันหายไป
ที่สุดแล้วผู้ป่วยที่สะสมเรื่องราวซ้ำซากๆเป็นเวลานาน อาจจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ได้
**จบ อุทาหรณ์ 1
เล่าเรื่องเราต่อนะ
เราไม่รู้เรื่องรายละเอียดตอนช่วยชีวิตเราเลย
คนในครอบครัวไม่บอกอะไรเราเลย ถึงเราถามก็ ไม่มีใครบอกรายละเอียดรู้แค่ว่า ตื่นมา มีขั่วไฟฟ้าติดที่หน้าอก และร่องรอยต่างๆที่เราไม่เข้าใจ แต่จำอะไรไม่ได้เลย แต่เครื่องประดับที่มีอยู่กับตัวถูกเอาใส่ถุงซิปไว้
ตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการมึนงง และร้องให้ต่อ
ในใจคิดว่า ตื่นมาทำไม ทำไมไม่ตาย
แต่ก็ทำได้แค่ร้องไห้ต่อ จากนั้นก็ถูกย้ายไปห้องพิเศษ เราก็ยังอยู่ในความรู้สึกห่อเหี่ยวกับการตื่นขึ้นมา เราไม่พูดอะไร จนป๋ากับม๊ะมาหา ทั้งสองกอดเรา และร้องไห้ พูดกับเราว่าอย่าทำแบบนี้อีก หัวใจเราเริ่มเจ็บ ปวดร้าวไปถึงต้นคอ รู้สึกหนวงๆที่หัว ความรู้สึกผิดมันฟูขึ้นมาที่คอ มันรู้สึกมวนๆที่คอ และลมหายใจ น้ำตาเราไหล และเราก็หลับไปอีก อาจจะเป็นเพราะยายังตกค้าง ตื่นขึ้นมาอีกที่ เราก็ยังเห็นม๊าร้องไห้
หลายวันผ่านไปในโรงพยาบาล เราพูดขึ้นมา ว่าอยากพบหมอจิตเวชกับนักจิตบำบัด แล้วเราก็เป็นคนติดต่อเอง ทั้งหมด เหมือนสติจะกับมา
วันที่ไปพบคุณหมอคนเดิมคนแรก ที่รักษาเรา
หมอถามเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ครั้งละสุดคุณดีขึ้นมากๆ แต่ตอนนี้ทำไมดิ่งสุดขนาดนี้คนไข้พร้อมจะเล่า ไหมครับ เราก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้หมอฟัง โดยมีนักจิตบำบัด ร่วมฟังด้วย หลังจากนั้นคุณหมอขอพบป๋ากับม๊าและให้เราออกมาข้างนอก
หลังจากนั้นเราก็เข้าการรักษา เหมือนเริ่มใหม่ ปรับยาใหม่ เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต ตอนเช้าให้ออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะแถวบ้าน เดินไปร้องไห้ไป นักจิตบำบัดบอกว่าไม่ต้องรีบลืม
ไม่ต้องบังคับตัวเอง ตัวเราเองยังต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ร้องไห้ได้ร้องเลย แต่ต้องกำหนดเวลาให้ตัวเอง เพราะชีวิตเราต้องเดินต่อไป
จะเคว้งแค่ไหนก็ต้องไปต่อ……
***อุทาหรณ์ 3
1. สิ่งที่เราเป็นในทางการแพทย์เรียกว่า โรคซึมเศร้าที่มีอาการไบโพล่าร์ ที่ขึ้นสุด ลงสุด แทรกซ้อน จึงทำให้เกิดอารมณ์ กลับไปกลับ โดยมีสิ่งเร้า หรือ แรงกระตุ้น
2. การหาหมอจิตเวชควบคู่ไปกับการพบนักจิตบำบัดด้วยเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
3. เปิดใจให้กว้างๆค่ะ โรคนี้เกิดจากสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจ
4. โรคซึมเศร้า ไม่มีผู้ป่วยคนไหนอยากเป็น แต่เมื่อเป็นแล้ว ก็อยากหายค่ะ ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
เราขอจบเรื่องเล่าเตือนสติเพียงเท่านี้
เปิดใจกว้างรับฟังคนที่ป่วยแบบเราเถอะ
ไม่มีอะไรร้ายแรง คนที่ป่วยแบบเราไม่ทำร้ายใคร
มีแค่ทำร้ายตัวเอง…
คอนเทนท์สุดท้ายวันนี้
ความสวยความงามบอกเล่าเก้าสิบ
พักนี้ไม่ค่อยได้แต่งหน้า มาสายสกินแคร์ละกัน
อันนี้สำหรับคนผิวหน้าแห้ง ตื่นมาหน้าฟูเลย
ฉ้ำประหนึ่งตื่นมาหน้าใสเลย
Regenerate AA+ Contour
Anti Aging line
dermal talk