Pride Month: พ่อแม่คนดังที่สนับสนุนให้ลูกแสดง identity ตามที่ใจปรารถนา

35 11
คนที่เป็นพ่อแม่หลายคนรับรู้ว่า การเลี้ยงดูลูกไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว แม้แต่เด็กๆที่เกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันและเติบโตในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน  ก็ยังแสดงตัวตนที่แตกต่างหลากหลาย   สำหรับพ่อแม่ยุคโมเดิร์นในบางครอบครัว เรื่องราวของอัตลักษณ์ทางเพศของเด็กๆ คือสิ่งที่พวกเค้าต้องเรียนรู้เพื่อเปิดใจยอมรับ  และสนับสนุนตัวตนของเด็กๆเพื่อให้ฝ่าฟันก้าวข้ามกำแพงอคติจากโลกภายนอก    ในโลก  Hollywood  พ่อแม่คนดังได้สนับสนุนลูกๆที่แสดงตัวตนแตกต่างเช่นไร  มาติดตามได้เลยค่ะ

Megan Fox เดือด  นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมปล่อยข่าวโจมตีว่าเธอทารุณกรรมลูกชายด้วยการบังคับให้ใส่ชุดผู้หญิง


ในช่วงที่หนังอนิเมชั่น Frozen สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จด้วยการสร้างนิยามของเจ้าหญิงสุด badass ฉีกกรอบ Disney เราก็เคยได้เห็นเรื่องเล่าแชร์ประสบการณ์จากหลายครอบครัวว่า ลูกชายตัวน้อยหันมาปลาบปลื้ม Elsa และเพลง Frozen ไม่ต่างจากที่ตัวละคร superhero ที่แสนโปรดปราน บางบ้านก็มาไถ่ถามว่า เมื่อลูกชายเรียกร้องอยากใส่ costume สีฟ้าของ Elsa แล้ว ควรจะปล่อยให้เค้าทำตามใจ หรือขีดเส้นให้ชัดเจนว่า เป็นเด็กผู้ชายก็ต้องสวมใส่ชุดแบบผู้ชาย เดรสมีไว้สำหรับเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่บางคนก็ให้คำแนะนำว่า มันเป็นเพียง phase ที่เด็กๆหันมาอินกับตัวละคร เพียงไม่นานก็เลิกเห่อไป

ภาพของ Noah ลูกชายของนางเอกสุดร้อน Megan Fox ที่สวมใส่ชุด Elsa ไปไหนมาไหนกับแม่นั้นอาจจะทำให้คิดว่า อาจจะเป็นช่วงเห่อของเด็กเล็ก แต่หลายปีผ่านไป Noah ก็ยังใส่ชุดเด็กผู้หญิง รวมถึงเสื้อยืดสีชมพูติดสโลแกน Strong Girls Strong World เมื่อไม่กี่วันก่อน Noah และน้องๆปล่อยผมยาวสลวย และได้รับพันธุกรรมความงามจากพ่อแม่ เพราะยังไม่ได้เติบโตเป้นหนุ่มจึงยากจะมองออกว่าลูกๆทั้งสามคนของ Megan เป็นเด็กผู้ชาย


การแสดงออกว่าเคารพการตัดสินใจของลูกนี่เองที่ทำให้ Megan กลายเป็นเป้าโจมตีจาก trolls


ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งในอเมริกาที่เกิดขึ้นเมื่อหลายรัฐได้นำเสนอร่างกฎหมายห้ามไม่ให้เยาวชน transgender เข้าสู่กระบวนการข้ามเพศด้วยวิธีทางแพทย์ Robby Starbuck ผู้กำกับและโพรดิวเซอร์ที่เบนเส้นทางมายังการเมืองด้วยแคมเปญหาเสียงเพื่อเป็นเป็นตัวแทนพรรค Republican ในการเลือกตั้งสมาชิกสภา จะเป็นฝ่ายขวาอีกคนที่ออกมาฟาดฟันเรื่องความหลากหลายทางเพศอย่างไม่บันยะบันยัง ถึงขนาดทวีทกล่าวหา Megan Fox ว่า บังคับให้ลูกชายแต่งหญิง!

เขาอ้างว่า เคยอาศัยในละแวกเดียวกันกับนางเอกดัง และลูกๆของพวกเค้าก็เคยเล่นในสวนสาธารณะแห่งเดียวกัน จึงเคยเห็นลูกชายสองคนของ Meganร้องไห้คร่ำครวญว่าแม่บังคับให้แต่งชุดเด็กหญิง และพี่เลี้ยงต้องพยายามปลอดใจพวกเค้า Starbuck ประนามว่า การกระทำของ Megan นั้นเป็นการทารุณกรรมอย่างแน่แท้ และขอให้ทุกคนภาวนาให้เด็กๆด้วย

ทั้งตัว  Megan และ Brian Austin Greenผู้เป็นอดีตสามีเคยเปิดใจเรื่องลูกชายเลือกแต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิงมาแล้วหลายครั้ง  พวกเค้าพยายามสนับสนุนลูกๆให้ยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็น  แม้คนภายนอกจะมองด้วยสายตาแปลกประหลาด      และดูเหมือนว่า ชาวเน็ทหลายคนปักใจเชื่อในคำว่าร้ายของ  Starbuck ทันที  
Megan  ไม่รอให้เป็นฝ่ายถูกโจมตีฝ่ายเดียว  เธอฟาดกลับแบบจัดเต็มว่า

"ที่จริงฉันไม่อยากให้พื้นที่กับพวกเกาะความดังของคนอื่นเพื่อสร้างกระแสอย่างคุณ แต่ให้ฉันสอนอะไรหน่อยเหอะ"
"ไม่ว่าต้องการจะประสบความสำเร็จ หาความร่ำรวย หรือหิวแสงอยากดังจะเป็นจะตายขนาดไหน ก็อย่าใช้เด็กมาสร้างกระแส หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือเพื่อแชร์ข้อมูลต่อๆกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีเจตนาไม่หวังดีและพูดอ้างแบบมั่วๆ"

เธอยังขู่ว่า เคยมีผู้ชายไร้สมรรถภาพ ขาดความมั่นใจ แต่ดันหลงตัวเองแบบนี้พยายามเล่นงานเธอหลายหน แต่เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ได้

"คุณมาแหยมกับนางแม่มดผิดคนซะแล้วล่ะ!"


ฝ่ายพ่อของน้องคือ Brian Austin Green  นั้นออกมาโต้ตอบว่า  คำกล่าวหาจากฝ่ายนักการเมืองอนุรักษ์นิยมนั้นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ    

"การที่คนๆนี้พยายามกล่าวอ้างราวกับว่ามันเป็นจริง คือสิ่งที่แสดงได้อย่างชัดเจนถึงความเห็นแก่ตัวของคนที่ไม่สนว่าการกระทำของเขาจะสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูก"


Brian ไม่เคยแสดงท่าทีหนักใจที่ลูกชายแต่งตัวด้วยชุดเด็กผู้หญิง สำหรับสังคมที่ยังมีปัญหาเลือกปฏิบัติและการกระจายความจงเกลียดจงชังต่อชาวเพศทางเลือกนั้น เขาถือว่าเป็นคุณพ่อที่ไม่ได้พบได้เกลื่อนกลาด เขาปฏิบัติกับ Noah อย่างสนิทสนมไม่ต่างจากลูกชายอีกสามคนที่แต่งตัวด้วยกางเกงเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป


หากถามว่า เป็นไปได้แค่ไหน ถ้าแม่บังคับให้เด็กชายแต่งตัวเป็นผู้หญิงท่ามกลางสายตาคนนอกที่จับจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือร้ายกว่านั้นคือความรังเกียจ? อาจจะตอบอย่างชัดเจนไม่ได้ แต่คำตอบน่าจะอยู่ตรงนี้ แม้แต่เวลาที่น้องไปอยู่กับพ่อ ซึ่งได้เริ่มต้นกับคู่ชีวิตคนใหม่ไปแล้ว น้องก็ยังใส่กระโปรง หากลงเล่นน้ำกับสมาชิกครอบครัว ก็เป็นคนเดียวที่ใส่ชุดวันพีซแบบเด็กผู้หญิง และเผยให้เห็นรอยยิ้มสดใสสมวัย ไม่ได้เหมือนเด็กชายที่ถูกฝืนใจให้แต่งหญิงแต่อย่างใด


 Megan เคยเล่าว่า Noah เริ่มแต่งตัวด้วยชุดเด็กผู้หญิงมาตั้งแต่สองขวบ   เธอจึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลด้วยการอ่านหนังสือต่างๆเพื่อทำความเข้าใจถึงที่มา  มีทั้งหนังสือที่มีไว้แนะนำเด็กที่เป็นทรานส์ มีทั้งหนังสือที่อธิบายว่า เด็กผู้ชายก็สามารถใส่เดรสได้ และจะถ่ายทอดตัวตนผ่านเครื่องแต่งกายแบบใดก็ได้ที่ต้องการโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ทางเพศ   แต่แม่ว่า ลูกๆของเธอจะเป็นเด็กที่กล้าหาญ แต่ด้วยความเป็นแม่ก็ย่อมกังวล เพราะสังคมมนุษย์นั้นไม่ได้เปิดรับการเลือกเส้นทางในรูปแบบนี้เสมอไป     แม้เธอจะเลือกโรงเรียนที่โดดเด่นเรื่องความคิดหัวก้าวหน้า  แต่ลูกก็ถูกเพื่อนผู้ชายในห้องหัวเราะเยาะเรื่องแต่งหญิงอยู่ดี   ส่วนชาวเน็ทก็โจมตีเรื่องตัวตนของลูก  "ฉันไม่อยากให้เขาได้มาเห็นคำพูดย่ำแย่เหล่านั้นเลย"

Megan พร่ำบอกให้ Noah มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าคนอื่นจะโจมตีเช่นไร เธอไม่ได้เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกลูกชาย หรือเห็นความจำเป็นในการอธิบายเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศให้สังคมรับรู้  นั่นเป็นเพราะว่า เด็กๆยังอายุน้อยมากนั่นเอง



Naomi Watts และ Liev Schreiber ภาคภูมิใจในตัวลูกแม้จะแสดงออกแตกต่างจากเพศที่ติดตัวมาแต่กำเนิด


อีกหนึ่งครอบครัวที่ไม่ได้เอ่ยปากถึงตัวตนของลูกออกสื่อ   แต่การกระทำของพวกเค้าที่ปรากฏทาง  social media  และภาพต่างๆในอินเทอร์เน็ทนั้นก็น่าจะทำให้หลายคนสัมผัสถึงสายใยครอบครัวที่เหนียวแน่น    ถึงลูกชายตัวน้อยที่เคยใส่สูทออกงานกับพ่อจะเปลี่ยนลุคเป็นเด็กหญิงแสนสวย   ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่บั่นทอนความรักความเข้าใจของพวกเค้าได้

น่าจะเพราะเหตุผลเรื่องความเป็นส่วนตัว   Naomi Watt และ Liev Schreiber  จึงไม่ได้ปริปากถึง identity ที่แท้จริงของ Kai   ซึ่งหากไม่บอกแต่แรกก็คงไม่รู้เลยเลยว่า นี่คือลูกชายคนเล็กของพวกเค้า   Naomi และ Liev แยกทางกันมาได้หลายปีแล้ว  แต่ก็ยังรักษามิตรภาพได้เป็นอย่างดี  พวกเค้าร่วมกันเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองแบบไร้  bad blood และยังร่วมทำกิจกรรมแบบ modern family มาโดยตลอด    และหนึ่งในสิ่งที่พวกเค้าห็นพ้องต้องกันคือการสนับสนุนลูกชายที่แต่ตัวเป็นหญิงมาตั้งแต่ก่อนเข้าวัยทีน  รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงของลูกไม่ได้เป็นอุปสรรคในการแสดงความรักของครอบครัวนี้แม้แต่น้อย
นักแสดง A List ทั้งสอง ได้แชร์ภาพของ Kai ในโอกาสสำคัญต่างๆ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจถึงตัวตนที่ดู feminine แตกต่างไปจากในช่วงวัยเด็ก   Kai วัย 14 ปี สวมเดรสไปร่วมรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้น และมีครอบครัวไปร่วมให้กำลังใจอย่างชื่นบานพร้อมหน้า   ตัวพี่ชายคนโตก็ยังดูสนิทสนมกับ Kai ไม่แตกต่างจากตอนเป็นเด็กชายวัยซน

ในอดีต Liev  อาจจะช่วย Kai ผูกหูกระต่ายเพื่อไปเดินพรมแดงด้วยกัน  แต่เมื่อ Kai เติบโตเข้าสู่วัยรุ่นแล้วหันมาแต่งตัวเป็นสาวน้อยน่ารัก     นอกจากจะได้ร่ำเรียนบัลเลต์  พระเอกซีรีส์ดังก็ยังชักชวนลูกให้ไปเป็นคู่เดทในงานกาล่าและชมบัลเลต์ด้วยกัน  บอกเลยว่า แม้แต่ใน  Hollywood ก็ยังจะเป็นภาพที่หายาก   ในขณะที่หลายคนอาจจะมองว่า  คนเป็นแม่ดูจะเป็นฝ่ายที่ยอมรับและสนิทสนมกับลูก ด้วยความ feminine เหมือนกัน   แต่เมื่อหลายปีก่อน Liev  ก็เคยพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า  เขาไร้อคตืกับการเปิดเผยตัวตนของลูก   เขาเคยจูงมือ Kai  วัย 8 ขวบไปงาน Comic-Con ในคอสตูมของ Harley Quinn     ภาพนั้นได้จุดประกายคำถามจากโลกออนไลน์ว่า  หรือว่าน้องจะเข้าสู่เส้นทางข้ามเพศเหมือนกับลูกสาวของ Charlize Theron?     Kai เริ่มแต่งหญิงเต็มตัวในวัยประมาณสิบขวบ  จนถึงปัจจุบันนี้ สื่อต่างๆก็ใช้สรรพนามแบบผู้ชายเรียกน้อง   เพราะไม่มีการยืนยันหรือการแสดงจุดประสงค์เพื่อ come out จากทางครอบครัว


ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีผู้แชร์ภาพของ Kai (ผู้มีชื่อจริงว่า Samuel ส่วน Kai คือชื่อกลาง แต่เลือกใช้ชื่อนี้แทน) ก็จะพบ trolls ที่น่ารังเกียจเข้ามาจิกกัดครอบครัวนี้ว่า ชักจูงให้ลูกชายเข้าสู่เส้นทางวิปริตน่ารังเกียจ บ้างก็แสดงความสมเพชเวทนาและจิกกัดด้วยสารพัดถ้อยคำ transphobic

ลองนึกดูว่า หากมีคนดังในบ้านเราสนับสนุนลูกให้เป็นตัวเองเช่นนี้  social media น่าจะล้นไปด้วยคำสรรเสริญ หรือหากมีใครปล่อยพลังงานด้านลบขึ้นมา ย่อมมีผู้ออกตัวปกป้องเต็มที่

Kai ผู้ได้รับความรักและความเข้าใจจากครอบครัวไม่ว่าอัตลักษณ์ทางเพศจะเป็นเช่นไร  นี่หรือภาพของเด็กที่มีชีวิตน่าสมเพช?

Dwayne Wade และ Gabrielle Union ที่สนับสนุนลูกสาว trans สุดตัว

ทายาทของนักกีฬาชื่อดังหลายคนถูกมองอย่างคาดหวังว่า จะหันมาเอาดีในทางเดียวกันจนประสบความสำเร็จเหมือนพ่อแม่หรือไม่  สำหรับลูกชายนักบาสเก็ตบอล NBA    หลายคนก็คนนึกภาพพ่อที่ช่วยเทรนลูกให้เติบโตขึ้นมาเก่งกาจเข้าทำนองลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น  แต่ Dwayne Wade   นั้้นได้เปิดรับกับชีวิตครอบครัวที่แตกต่าง  เพราะลูกชายตัวน้อยในอดีตได้กลายมาเป็นลูกสาวเต็มตัว     ด้วยพลังสนับสนุนของครอบครัว  ทั้งพี่น้องและ Gabrielle  Union ผู้เป็นแม่เลี้ยง    เด็กชาย  Zion ที่เปลี่ยนมาเป็นสาวน้อย  Zaya ก็ก้าวเข้ามาโลดแล่นในวงการนางแบบเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง

อดีตดาว NBA  ถูกอดีตภรรยากล่าวหาว่าบีบให้ลูกแปลงเพศและเปลี่ยนชื่อเป็นผู้หญิงเพื่อหวังผลประโยชน์

แน่นอนว่า เส้นทางของครอบครัวนี้ไม่ได้ง่ายเลย พวกเค้าต้องพยายามปกป้องลูกสาววัย 16 จากพวกเหยียดคนข้ามเพศ และตัว Dwyane เองต้องเจอ bully มาหลายรูปแบบ ถึงขนาดว่าตอนที่เดินไปยังที่รถ ก็มีเสียงตะโกนด่าว่าจากกลุ่มแฟนๆว่า "แกจับลูกชายไปตอนแล้วล่ะสิ" คงนึกภาพออกว่า ในสังคมที่ยังมีการเหยียดเกย์และ trans ถึงขนาดมีคนกล้าพูดจาน่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาได้ในที่สาธารณะ พวกเค้าย่อมจะต้องรับมือกับพลังงานด้านลบมาหนักไม่ใช่เล่น

แม้แต่ตัวแม่แท้ๆของน้อง (ภรรยาเก่าของ Dwyane Wade) ก็ยังออกมากล่าวหาว่า อดีตสามีนักบาสเก็ตบอลกดดันให้ลูกเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศและเปลี่ยนชื่อให้เป็นผู้หญิงตามกฎหมายเพราะหวังจะสร้างรายได้จากความโด่งดังของลูกสาว และตัวเธอไม่ยอมเรียกชื่อใหม่ของลูก แต่ยังยึดติดกับชื่อเก่าตอนยังเป็นเด็กชาย

(แม้อดีตภรรยาจะบรรยายด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือน Wade เป็นพวกหิวเงินจนใช้ลูกสาวหากิน แต่เขาร่ำรวยมีทรัพย์สินประมาณไว้ที่ $170 ล้าน และแม้ว่าจะรีไทร์จาก NBA ก็ยังเดินหน้าลงทุนทำธุรกิจต่างๆ อู้ฟู่พอๆกับดารา Hollywood) 


ในขณะที่ Zaya พยายามวิ่งไล่ตามความฝันที่จะเป็นนางแบบที่ประสบความสำเร็จ และได้รับกำลังใจจากครอบครัว แต่ไม่รู้ว่า เมื่อใดที่แม่แท้ๆของน้องจะเปิดใจกับตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ ฝ่ายแม่ยืนกรานว่า ต้องการจะปกป้องลูกที่ตกเป็นเป้าความสนใจ และมีผู้คนมากมายเฝ้ารอจะซ้ำเติมหากลูกพบกับความล้มเหลว และอาจจะได้รับผลกระทบจนเจ็บป่วยทางจิตใจ  แต่แม่ไม่ได้พูดถึงความเสี่ยงที่จะเกิดอาการป่วยทางใจหากลูกต้องกล้ำกลืนฝืนทนใช้ชีวิตในรูปลักษณ์ที่ไม่พึงปรารถนา

Zaya เปิดเผยว่าเป็นผู้หญิงข้ามเพศมาตั้งแต่อายุ 12 และก่อนหน้านี้ เธอก็รู้มาตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นผู้หญิง และตัดสินใจพูดคุยกับครอบครัวมาอย่างชัดเจนก่อนจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต เธอทั้งศึกษาหาข้อมูลและเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่า เธอไม่ได้เป็นเกย์ แต่เป็นผู้หญิงข้ามเพศ และได้ชักนำให้ครอบครัวได้เข้าร่วมสนับสนุน community ของชาวเพศทางเลือกอย่างเต็มตัว

Wade ได้ตอบโต้คำกล่าวหาของอดีตภรรยาว่า

" Zaya ไม่ได้เป็นเด็กน้อยวัย 3 ขวบคนเดิมอีกต่อไป เธอกำลังประกาศให้โลกได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเป็นการสื่อไปถึงแม่แท้ๆของเธอ ไม่มีใครเลยในครอบครัวนี้ที่บังคับให้ Zaya หรือลูกคนไหนให้ทำในสิ่งที่ฝืนใจพวกเค้า ยิ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของลูก ก็ยิ่งไม่มีใครไปฝืนใจ"

"นี่ไม่ใข่การเล่นเกมกันในครอบครัวของผม และแน่นอนมันไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆสำหรับ Zaya มันคือทั้งชีวิตของเธอ"







Zaya เป็นเด็กเรียนดีมาก เคยคว้าเกรด A รวด และมีเป้าหมายในการเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อปริญญา สื่อบางเจ้ายกให้เธอเป็นตัวอย่างของ gen Z เพราะเธอสามารถแสดงศักยภาพในการศึกษา การทำหน้าที่นักเคลื่อนไหวเพื่อชุมชนเพศทางเลือก เธอยืนยันว่า หากมีครอบครัวอยู่ด้วย เธอจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมา และเล่าถึงคำสอนของแม่เลี้ยงคนดังว่า

"สิ่งสำคัญคือการแสดงตัวตนตามที่ใจเราปรารถนา เธอพยายามสอนหนูให้ได้รู้ว่า มาตรฐานความงามเป็นเรื่องของแนวคิดเผด็จการไร้เหตุผล และมันเป็นเรื่องไร้ความหมาย มันไม่มีความสำคัญอีกต่อไป สิ่งที่ใครๆต่างก็คิดว่าเป็นมาตรฐานตัดสินกันนั้นไม่ใช่เรื่องแท้จริง แค่เป็นตัวของหนูเองก็คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้ว"




ไม่เพียงแต่พ่อของ Zaya จะช่วยเหลือให้เธอเข้าสู่กระบวนการข้ามเพศ ทั้งเปลี่ยนชื่อตามกฎหมาย  เขายังย้ายครอบครัวออกจาก Florida  หนึ่งในรัฐที่เสนอร่างกฎหมายห้ามผู้เยาว์ใช้วิธีการทางแพทย์ในการข้ามเพศ (เช่น รับฮอร์โมนทดแทน หรือยายับยั้งการรชะลอวัยแรกรุ่นในเด็ก)  แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จจากอาชีพนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพใน  Miami   แต่จำเป็นต้องให้ความสำคัญที่จะคัดสรรสังคมและที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยสำหรับสมาชิกครอบครัวที่เป็นทรานส์   จึงโยกย้ายมาที่ California ที่มีนโยบายเป็นมิตรกับ LGBTQ+ community มากกว่า       Wade ยกย่องลูกสาวว่าเปรียบเหมือนกับฮีโร่ และช่วยเบิกเนตรให้เขาและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆได้ทำความเข้าใจถึงความหลากหลายทางเพศ และเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุน community นี้อย่างเต็มตัว  


"การตั้งข้อรังเกียจคนข้ามเพศยังปรากฏอย่างแพร่หลาย" Zaya ได้อธิบายกับสื่อ

"มีคนที่เชื่อกันจริงๆว่า สำหรับเด็กๆ มันเป็นแค่เรื่องที่เห่อกันชั่วครั้งชั่วคราว หรือมองว่า เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไร หนูรู้ตัวดีว่าหนูเป็นผู้หญิงข้ามเพศ และไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆหนูจะเปลี่ยนไปในเวลาข้ามวัน แล้วก็มาประกาศว่า หนูอยากจะลองข้ามเพศดูสักหน เพื่อจะถูกตอกหน้ากลับมาว่า ไม่ได้หรอก ยอมรับมันซะเหอะ นี่คือสิ่งที่เราเป็นนะคะ"


Gabrielle Union ได้เล่าถึงแนวทางการเลี้ยงดูลูกสาว trans ว่า  "ครอบครัวพวกเราให้ความสำคัญการแสดงความรักให้กับลูกๆอย่างเปิดเผยเต็มที่อยู่แล้ว  การสนับสนุนตัวตนของลูกสาวจึงเป็นสิ่งปกติ มันจึงไม่น่าจะเป็นที่แปลกใหม่ดึงดูดความสนใจ  เพราะเราแค่รักลูกๆอย่างไม่มีสิ่งใดขวางกั้น  แต่เป็นเพราะว่า ผู้คนมากมายสมควรจะได้เรียนรู้จากตัวแทนที่แสดงให้เป็นแบบอย่าง"

"มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะเชื่อมั่นในตัวลูกๆ เมื่อพวกเค้าได้เปิดใจในสิ่งที่พวกเค้าเป็น และอย่าได้เอาความฝัน ความหวังความหวาดกลัว หรือความปรารถนาของตัวเองไปยัดเยียดกำหนดชีวิตของพวกเค้า หน้าที่พ่อแม่คือการให้ความรัก มีเมตตา และสร้างแนวทางที่จะปกป้องลูกๆ แต่นั่นเป็นชีวิตของพวกเค้าค่ะ เราต้องให้การยอมรับนับถือในจุดนี้ ครอบครัวเราไม่เชื่อในการปลูกฝังให้ลูกความละอายใจในตัวตนที่พวกเค้าเป็น เพราะมันคือการกระทำที่ผิดปกติ โหดร้าย และสร้างความเสียหาย"




แม้จะเคยเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านจากกลุ่มคนเหยียดทรานส์ แต่ ครอบครัวนี้ได้ผนึกกำลังกันพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ความแตกต่างไม่ใช่สิ่งน่าเกลียดน่ากลัว  พี่ชายของ  Zaya ประกาศยืนอยู่เคียงข้างน้องสาวไม่แตกต่างจากพ่อและแม่เลี้ยง   และ Zaya  ก็ย้ำหลายครั้งแล้วว่า เธอได้รับกำลังใจจากครอบครัวจนเข้มแข็ง   แต่เมื่อพูดถึงกระแสสนใจจากภายนอก  บอกได้เลยว่า เสียงสนับสนุนนั้นคู่คี่มากับคำพูดเกลียดชังและเหยียดทรานส์ซึ่งสร้างความกดดันให้เธอเป็นอย่างมาก แต่เธอก็พร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงแชร์พลังงานด้านบวกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวทรานส์ให้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวั่นเกรง

"โลกจะได้รู้ว่า เราอยู่ตรงนี้ เราเป็น queer เราจะไม่ยอมหนีไปไหน"






candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE