คำถามและความสงสัยเกี่ยวกับผิว

สาวๆหลายคนอาจจะมีความสงสัยอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับผิวของเราวันนี้เรามาคำถามที่บางคนอาจจะยังไม่รู้มาตอบให้ด้วยประสบการณ์และ หมอบอกมา (ไปหาหมอบ่อย)

1. โทนเนอร์กระชับรูขุมขนแล้ว บำรุงจะซึมได้ยังไง?

แน่นอนว่าหน้าที่ของโทนเนอร์คือกระชับรูขุมขน  อาจจะมีบำรุงอยู่ด้วย  แต่พอเราเช็ดโทนเนอร์แล้ว ครีมบำรุงต่างๆจะซึมเข้าผิวได้ยังไงเมื่อรูขุมขนถูกกระชับ  เอาง่ายๆเลยนะ  ครีมที่ซึมเข้าสู่ผิด  คือมันเข้าไปในเซลล์ผิว  ไม่ใช่รูขุมขน  ถ้าเข้าไปทางรูขุมขนนั้นแย่ๆแน่ๆ เพราะมันจะอุดตันและสิวก็จะตามมา  เพราะฉนั้นโทนเนอร์จำเป็นมากสำหรับผู้ที่เป็นสิวรูขุมขนกว้าง เพราะมันจะไปกระชับช่วยไม่ให้น้ำมันจากครีมไปอุดตัน เราควรเช็ดโทนเนอร์ตามแนวเส้นขนด้วย





2. ทำไมครีมนี้เค้าบอกว่าซึมเร็ว  แต่ฉันทาแล้วยังเหนอะหนะหน้าอย่างนี้นะ

การดูดซึมครีมบำรุงของผิวนั้นจะต้องได้รับการกระตุ้นหรือถ้าระบบลำเลียงในร่างกายเราดีครีมต่างๆก็ซึมดีเซลล์ผิวก็นำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น  ลองจินตนาการว่าเซลผิวเหมือนกับหัวใจและมีระบบลำเลียงเลือดเข้าออก ถ้าระบบลำเลียงไม่ดี ของเสียก็ออกยาก พอของเสียมันไม่ถูกขับออกของดีก็เข้ายาก มันเป็นธรรมดาของร่างกายอยู่แล้วที่จะขับของเสียและรับสารอาหาร แต่สัตว์ใหญ่อย่างคนเราไม่สามารถลำเลียงสารโดยการแพร่ได้ ดังนั้นการลำเลียงสารจึงอยู่ในระบบลำเลียงส่วนใหญ่ ถ้าระบบลำเลียงดี การดูดซึมก็ดี  เราควรจะนวดหน้าเพื่อให้ระบบลำเลียงได้ทำงานบ้าง





3. ตอนเช้าล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็พอแล้วมั้ง

ผิดอย่างใหญ่หลวง  ก็จริงอยู่ที่เรานอนในที่ที่สะอาดปลอดโปร่ง  แต่ในช่วงเช้านั้นจะเป็นเวลาที่ร่างกายขับของเสียออกมา
ถ้าคุณไม่ทำความสะอาดให้ดีล่ะก็เครื่องสำอางฝุ่นควันอะไรต่อมิอะไรก็จะไปเสริมทับความสกปรกบนใบหน้าของคุณ
ไขมันบนใบหน้าจะถูกขับออกมาตลอดเวลา น้ำกับน้ำมันไม่ถูกกันนะจ๊ะ เพราะฉนั้นแล้ว ช่วงเช้าก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดแต่ไม่ต้องมากมายหลายขั้นแบบตอนเย็นหรอกนะ




ที่เรารู้ๆก็มีแค่นี้แหละนะ  บางคนอาจจะยังไม่รู้ กวังว่าคงจะเป็นความรู้เล็กน้อยแห่งความงาม  ไปแล้วจ้า  บ้ายบาย

Discussion (7)

เท่าที่ค้นคว้าอ่านจากหนังสือต่าง ๆ เกี่ยวกับโทนเนอร์ นะคะ
เราทำโทนเนอร์ใช้เองด้วย เลยรู้ว่าส่วนผสมหลัก ๆ ของโทนเนอร์คือน้ำ

วัตถุประสงค์ของโทนเนอร์สมัยก่อนคือเพื่อปรับสภาพผิวหน้าให้อยู่ในสภาพที่เป็นกรดอ่อน ๆ
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ชำระล้างหน้า สมัยก่อนจะมีความเป็นด่างสูง
เช่นพวกสบู่ ถ้าสภาพหลังจากล้างหน้ามีความเป็นด่าง ผิวจะไม่สามารถต้านทานแบคทีเรีย
เชื้อโรคที่มาก่อกวนบนผิวหนังได้ดี (ปกติสภาพผิวหน้าจะมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ)
 
เจ้าตัวน้ำใส ๆ นี่ถึงได้ถูกตั้งชื่อว่า Toner

แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามีวิวัฒนาการมากขึ้น มีการปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ให้เหมาะสมกับผิว

ดังนั้นจะใช้โทนเนอร์หรือไม่ใช่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวแต่ล่ะคน

แต่อย่าหวังว่าจะได้ความชุ่มชื้นอย่างถาวรจากโทนเนอร์ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนผสมที่มีสารโอบอุ้ม เก็บกักความชุ่มชื้นอยู่บ้างก็ตาม

เพราะส่วนผสมของโทนเนอร์หลัก ๆ คือน้ำ ซึ่งน้ำที่ชโลมไปบนผิวไม่สามารถซึมเข้าไปยังผิวหนังชั้นในได้
แต่ยังดีที่มีพวกสารที่ช่วยเก็บกัก โอบอุ้มความชุ่มชื่นผสมอยู่ สารพวกนั้นจะช่วยกันน้ำที่อยู่ใต้ผิวหนัง
ไม่ให้ละเหยออกไปพร้อมกับน้ำของโทนเนอร์

แต่โทนเนอร์ก็ยังมีประโยชน์ในกรณีที่ใช้เช็ดเพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้าง
จากการล้างหน้า เมื่อผิวหน้าสะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกมาเกะกะ ผิวก็จะสามารถดูดซึมเอาสารจากผลิตภัณฑ์บำรุง
ที่จะใช้ในขั้นตอนต่อไปได้ดี

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อโทนเนอร์ราคาแพง ๆ เอาเงินไปลงทุนซื้อพวกเซรั่มที่มีสารเน้น ๆ ดีกว่า

ส่วนจะใช้หรือไม่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าแต่ล่ะคน และผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ถ้าคิดว่าล้างสะอาดแล้วไม่มีสิ่งตกค้างแน่นอน แล้วผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็มีค่าความเป็นกรด-ด่าง เหมาะสม
โทนเนอร์แทบจะไม่มีความจำเป็นเลยด้วยซ้ำ

ขอบคุณค้ะ ^^
ก็สงสัยอยู่ว่าให้เอาน้ำเย็นล้างหน้า
แล้วครีมจะซึมยังไง 55555

ขอบคุณอย่างแร๊งเลยค่ะ

ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไม่ควรล้างหน้าตอนเช้าด้วยน้ำเปล่า

ขอบคุณน๊ะคะ :)