Gaggan...อาหารอินเดียสัมผัสใหม่...ที่อยากให้ได้ลอง

9 7

 
สวัสดีค่ะ สาวๆ วันนี้เมย์จะพาไปชิมอาหารสไตล์ Progressive Indian Cuisineกันที่ร้าน Gaggan ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยหลังสวนค่ะ

 

Atmosphere

ก่อนอื่นขอพูดถึงชื่อก่อนเลย ตอนแรกแอบอ่านเป็น กักกัน ด้วยแหละ ฮ่าๆๆ - -” คิดไปได้เนอะ แต่ได้ความรู้จากพี่พนักงานบอกว่าจริงๆ แล้วอ่านว่า "แกกกัน" เป็นภาษาอินเดียซึ่งแปลว่าท้องฟ้า

 

บรรยากาศของร้านก็สมกับชื่อมากเลยค่ะ ร้านดัดแปลงจากบ้านเก่าให้ดูร่วมสมัยและเน้นที่ความโปร่งดูสบายตาด้วยโทนสีขาว

วันนั้นเมย์ไปทานตอนกลางวันจึงเลือกนั่งห้องด้านใน เพราะโซนด้านนอกจะค่อนข้างร้อนในช่วงบ่าย แต่คิดว่าถ้าไปตอนกลางคืนก็คงจะบรรยากาศโรแมนติคไปอีกแบบแน่ๆ

ห้องด้านในนี้จะมีความพิเศษที่เป็นห้องกระจก สามารถเห็นห้องครัวของทางร้าน ถ้ามาตอนกลางคืนน่าจะเห็นกรรมวิธีการทำอาหารแบบโมเลกุล่าได้ชัดกว่าช่วงบ่ายที่แดดส่องสะท้อน ห้องที่ติดกับห้องครัวนี้ถ้าเป็นช่วงเย็นต้องจองกันเป็นเดือนๆ เลยนะคะ แต่โชคดีที่เราไปตอนกลางวันก็เลยได้นั่งเลย เย้~!

Food

หลังจากชื่นชมกับบรรยากาศของเรากันได้สักครู่แล้ว ก็เลือกอาหารใน Set menu กันค่ะ เราเลือกรับประทาน Set Lunch tasting Menu ใน Set จะประกอบด้วย 4 chapter และของหวาน 1 chapter มาเครื่องดื่มและชา กาแฟร่วมด้วย

ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินและมึนงงกับชื่ออาหารกันอยู่นั้น พนักงานก็นำโยเกิร์ตนมแพะ อาหาร Signature ของร้านมาเสิร์ฟให้เราค่ะ พนักงานบอกว่าเป็นเมนูพิเศษของทางร้านที่ทุกคนที่มาต้องได้ลองชิม จริงๆ เมย์ก็ไม่เคยทานนมแพะมาก่อนเลยนะคะ แต่มีโอกาสได้ลองอะไรแปลกๆ ทั้งที ก็ต้องขอลองชิมดูหน่อย


 

จากในรูปจะเห็นว่าลักษณะของโยเกิร์ตจะหยุ่นๆ และเหมือนมีวุ้นหุ้มอยู่ เวลาทานก็เอาเข้าปากทั้งคำเลยค่ะ แล้วกัดวุ้นที่หุ้มอยู่ให้แตก ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติของโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของยี่หร่า เกลือและพริกไทย  กลิ่นเครื่องเทศไม่ได้รุนแรงอย่างที่จินตนาการไว้ตอนแรกเลยค่ะ ถ้าใครได้ไปร้านนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะลองชิมดูสักครั้งนะคะ

สั่งอาหารกันไปได้ไม่นาน นั่งคุยกันไปสักพัก อาหาร chapter แรกใน Set Menu ก็มาเสิร์ฟค่ะ Chapter แรกของที่นี่มีชื่อเก๋ๆว่า Lets get started ในเมนูจะมีให้เราเลือกได้ อย่าง คือ Taking the goat (สลัดชีสนมแพะ) และ The goose is not cooked (foie gras)





วันนั้นเมย์ลองชิม foie gras ซึ่งการปรุงของที่นี่จะไม่ทำให้ตัวตับสุกจนเกินไป ราดด้วยซอสราสเบอร์รี่ เวลาทานจะรู้สึกได้ถึงความหวานของตับอยู่ จากรูปในจะเห็นว่ามีผงสีขาวๆ อยู่ อันนั้นไม่ใช่ของประดับจานนะคะ ผงสีขาวๆ ที่เห็นคือกลิ่น foie gras ที่สกัดด้วยไนโตรเจนเหลว รสชาติจะมันๆ ค่ะ ทานเพลินดี ชอบมากเลย * V *

ต่อมา Chapter ที่สองมีชื่อว่า Next round ใน Chapter นี้ทางร้านจะมีเมนูให้เราเลือก 3 อย่างคือ Made in India (ชีสย่างทานกับฟองผักชี), To a crisp (ปูนิ่มผัดซอสTamarind) และ Green with envy (ไก่หมักเครื่องเทศ)

 



 

เมย์เลือกทาน Green with envy จานนี้เป็น chicken tikka ไก่ที่หมักเครื่องเทศแล้วนำไปต้ม ไก่นุ่มมาก >< ด้วยความที่เป็นอาหาร indian fusion จึงทำให้กลิ่นเครื่องเทศไม่ฉุนจนเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมกับโฟมใบผักชี

ผ่านมาได้ครึ่งทางกับอาหารคาวแล้วนะคะ chapter ที่สามจะเป็นอาหารประเภทข้าวหรือพาสต้าค่ะ เป็นอาหาร Italian ในสไตล์ India ทางร้านตั้งชื่อไว้อย่างน่ารักและอธิบายลักษณะของอาหารได้อย่างชัดเจนว่า "When india met italy" 

 



สำหรับ chapter นี้เมย์สั่งเป็น seafood risotto ไป จานนี้เป็น risotto สไตล์ Italy ที่มีกลิ่นเครื่องเทศชัดเจน ทางร้านคงต้องการกลบความเลี่ยน แต่สำหรับคนไม่ชอบทานอาหารเลี่ยนๆ แบบเมย์ก็ยังรู้สึกว่าเลี่ยนไปอยู่ดีนะ - -”

อย่าเพิ่งอิ่มกันนะคะสาวๆ จานหลักมาแล้ว Chapter สุดท้ายมีชื่อว่า Indian with a twist เป็นแกงที่ให้ทานกับแป้งนานค่ะ ทางร้านจะมีแป้งนานให้เติมได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่มเลยค่ะ (แต่อาจจะต้องกลัวอ้วนแทน)



จานสุดท้ายเมย์เลือก 
Mum's Magic Mutton หรือแกงเนื้อแพะไป เนื้อแพะนุ่มและไม่มีกลิ่นเลย ชอบมากกเลย นี้เป็นครั้งแรกที่ทานเนื้อแพะเลยนะคะ ตอนแรกแอบกลัวว่าจะมีกลิ่นหรือเปล่า แต่น้ำแกงของทางร้านซึมเข้าเนื้อแพะจนมีแต่กลิ่นของเครื่องแกงเท่านั้น รสชาติของแกงไม่เผ็ดมาก เผ็ดกำลังดีช่วยตัดความเลี่ยนของน้ำแกงได้ดีทีเดียว

 



เมย์ชอบแป้งนานของ 
Gaggan มาก ทานเล่นได้เรื่อยๆ ทางร้านจะย่างข้างนอกมากรอบๆ แต่ข้างในยังนุ่มๆและขอบอกว่าเนยที่ทาหอมมากกก พูดแล้วก็อยากจะทานอีก ><

จบลงแล้วกับอาหารคาวทั้ง 4 Chapter ก็มาต่อด้วยของหวานใน Chapter สุดท้ายที่มีชื่อน่ารักๆและแอบโรแมนติคว่า Sweet ending * v * ชื่อน่ารักเนอะ ของหวานจะมีให้เลือกสองอย่างค่ะ คือ Put on ice หรือไอศกรีมมะเดื่อ และ Liquid magma หรือ เค้กชอคโกแลตลาวา 



เมย์ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเค้กช๊อคโกแลตลาวา 
ชิ้นพอดีคำมากกก คำเดียวหมด ยังไม่จุใจเลย ฮ่าๆ (แต่ช๊อคโกแลตค่อนข้างหวานไปสำหรับคนไม่ชอบทานหวานแบบเมย์นิดนึงนะคะ) 

หลังจากทานของหวานกันแล้ว ก็จะมีน้ำชา กาแฟ มาให้เลือกดื่มตบท้ายอีกด้วย ถ้าใครมีเวลาก็สามารถนั่งชิลจิบชาสวยๆ ต่อได้อีกยาวเลยค่ะ เพราะตอนช่วงบ่ายร้านค่อนข้างเงียบ เหมาะกับการชวนเพื่อนสาวไปนั่งคุย และถ่ายรูปเพราะร้านสวย ฮ่าๆๆ 

ถ้าสาวๆ มีโอกาส และอยากลองชิมอาหารอินเดียที่ไม่ฉุนเครื่องเทศจนเกินไป ก็ลองแวะไปชิมกันนะคะ

 

Service & value

ราคารวมservices ของSet Lunch tasting Menu อยู่ที่ 700+ ต่อท่านค่ะ

 

Location

68/1 ซอยหลังสวน (ซอยตรงข้ามซอยหลังสวน3) ถนนเพลินจิต
แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน


maiizz

maiizz

อาชีพหลักขายของ
อาชีพรองจับเห็บ นะจ๊ะ

FULL PROFILE