ขอความเห็นหน่อยค่ะ เป็นเรื่องที่ชี้อนาคตเลย V__V
PudZa4พุดเรียนภาคแบรนด์อยู่ม.กรุงเทพนะคะ (แบรนด์เรียนเกี่ยวกับโฆษณา บริหาร ประชาสัมพันธ์ ค่ะ เป็นสาขาใหม่ เรียนแบบผสมผสาน พุดเป็นรุ่น 6) การเรียนก็เรียนได้ถือว่าดีอะค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร
แต่เรื่องก็คือว่าพุดติดสัมภาษณ์โครงการ OSP ของภาคโฆษณาอะค่ะ (เป็นโครงการพิเศษสำหรับเด็กเรียนดีเกรด 3.00 up + Eng get B up เรียนต่างกับภาคปกติ จบใน 3 ปีครึ่งซึ่งเรียนหนักมากกกกส์ ) ถ้าจบได้ก็จะมีโอกาสดีกว่าภาคโฆษณาปกติอะค่ะ เพราะจบเร็วกว่าแล้วก็เรียนกับกูรูด้านนี้เลย มีดูงานต่างประเทศอะไรเยอะกว่า แต่ว่าพุดต้องย้ายไปเรียนภาคโฆษณาอะ ซึ่งไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าหัวจะครีเอทได้ขนาดไหน กลัวเรียนแล้วไอเดียแรงไม่พอ
ใจนึงก็อยากเสี่ยงดูอะค่ะ เหมือนเป็นการท้าทายตัวเอง แต่พุดรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ขยันแล้วถ้าเข้า OSP จริงมันต้องสปีดตัวเองมากๆๆๆ เพื่อนๆก็เก่งๆกันทั้งนั้นแล้วก็ถ้าเกรดต่ำกว่า 3.00 ก็จะโดนย้ายกลับไปภาคปกติด้วย (กลัวไปแล้วไม่รอด T^T) อ้อ!! อีกเรื่องคือพุดเคยเรียนห้องคิงส์มาก่อน แล้วรู้สึกว่าไม่ชอบบรรยากาสนั้นเลย เลยกลัวเรื่องนี้นิดๆ (ตอนอยู่ห้องคิงส์ได้ 3.82 แต่ได้ที่สามจากสุดท้าย)
แต่อีกใจก็ยังรักภาคแบรนด์ของตัวเองอยู่เพราะแบรนด์น่าจะหางานง่ายกว่าเพราะมันมาทางบริหารครึ่งนึง แล้วก็เป็นอะไรที่พุดถนัด คือปัจจุบันก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่อนาคตก็ดูเชิญชวนกว่าแต่หนทางมันก็ลำบากอะนะ
สรุป OSP โฆษณา = สิ่งที่อยากลองเสี่ยงแต่หนทางลำบากเหลือเกิน
Brand = สิ่งที่ถนัด เรียนก็ดี เพื่อนก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร
ถามความเห็นพ่อแม่ก็ตามใจลูกอยู่แล้ว ลูกอยากทำอะไรเต็มที่เลยลูก!! (ขอบคุณค่ะแม่ TT^TT) ส่วนเพื่อนๆ ก็มีแต่บอกว่าตามใจตัวเอง ชอบอะไรมากที่สุด เรียนในสิ่งที่รัก แต่นั่นแหละที่ยาก!! ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ คือมันชอบทั้งคู่ ทางใหม่ เสี่ยง เหนื่อย แล้วก็ไปแล้วจะเจออะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าสำเร็จมันก็คุ้มค่า ทางเดิมก็แสนดีจนไม่รู้จะทิ้งไปเจอกับสิ่งใหม่ทำไม
(ทำไมรู้สึกว่าพิมไปพิมมามันเหมือนเปรียบเทียบระหว่าแฟนใหม่ แบดบอย หล่อ รวย ร้าย กับแฟนคนปัจจุบันที่เป็นผู้ชายธรรมดาที่แสนดีหว่า ??? =*=)
เสี่ยงดี รึ ไม่เสี่ยง ดี??? อันไหนดีกว่ากันคะ
แต่เรื่องก็คือว่าพุดติดสัมภาษณ์โครงการ OSP ของภาคโฆษณาอะค่ะ (เป็นโครงการพิเศษสำหรับเด็กเรียนดีเกรด 3.00 up + Eng get B up เรียนต่างกับภาคปกติ จบใน 3 ปีครึ่งซึ่งเรียนหนักมากกกกส์ ) ถ้าจบได้ก็จะมีโอกาสดีกว่าภาคโฆษณาปกติอะค่ะ เพราะจบเร็วกว่าแล้วก็เรียนกับกูรูด้านนี้เลย มีดูงานต่างประเทศอะไรเยอะกว่า แต่ว่าพุดต้องย้ายไปเรียนภาคโฆษณาอะ ซึ่งไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าหัวจะครีเอทได้ขนาดไหน กลัวเรียนแล้วไอเดียแรงไม่พอ
ใจนึงก็อยากเสี่ยงดูอะค่ะ เหมือนเป็นการท้าทายตัวเอง แต่พุดรู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ขยันแล้วถ้าเข้า OSP จริงมันต้องสปีดตัวเองมากๆๆๆ เพื่อนๆก็เก่งๆกันทั้งนั้นแล้วก็ถ้าเกรดต่ำกว่า 3.00 ก็จะโดนย้ายกลับไปภาคปกติด้วย (กลัวไปแล้วไม่รอด T^T) อ้อ!! อีกเรื่องคือพุดเคยเรียนห้องคิงส์มาก่อน แล้วรู้สึกว่าไม่ชอบบรรยากาสนั้นเลย เลยกลัวเรื่องนี้นิดๆ (ตอนอยู่ห้องคิงส์ได้ 3.82 แต่ได้ที่สามจากสุดท้าย)
แต่อีกใจก็ยังรักภาคแบรนด์ของตัวเองอยู่เพราะแบรนด์น่าจะหางานง่ายกว่าเพราะมันมาทางบริหารครึ่งนึง แล้วก็เป็นอะไรที่พุดถนัด คือปัจจุบันก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่อนาคตก็ดูเชิญชวนกว่าแต่หนทางมันก็ลำบากอะนะ
สรุป OSP โฆษณา = สิ่งที่อยากลองเสี่ยงแต่หนทางลำบากเหลือเกิน
Brand = สิ่งที่ถนัด เรียนก็ดี เพื่อนก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร
ถามความเห็นพ่อแม่ก็ตามใจลูกอยู่แล้ว ลูกอยากทำอะไรเต็มที่เลยลูก!! (ขอบคุณค่ะแม่ TT^TT) ส่วนเพื่อนๆ ก็มีแต่บอกว่าตามใจตัวเอง ชอบอะไรมากที่สุด เรียนในสิ่งที่รัก แต่นั่นแหละที่ยาก!! ก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ คือมันชอบทั้งคู่ ทางใหม่ เสี่ยง เหนื่อย แล้วก็ไปแล้วจะเจออะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าสำเร็จมันก็คุ้มค่า ทางเดิมก็แสนดีจนไม่รู้จะทิ้งไปเจอกับสิ่งใหม่ทำไม
(ทำไมรู้สึกว่าพิมไปพิมมามันเหมือนเปรียบเทียบระหว่าแฟนใหม่ แบดบอย หล่อ รวย ร้าย กับแฟนคนปัจจุบันที่เป็นผู้ชายธรรมดาที่แสนดีหว่า ??? =*=)
เสี่ยงดี รึ ไม่เสี่ยง ดี??? อันไหนดีกว่ากันคะ
Discussion (4)
สิ่งที่ถนัดเลยค่ะ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้มีงานอะไรมากมายเท่า แต่สิ่งที่เราถนัดเรามักจะทำได้ดีกว่าค้ะ มันย่อมส่งผลให้เราประสลผลสำเร็จ สู้ๆนะคะ :)
จริงๆก็อย่างที่พ่อแม่จขกท.บอกนะคะ ถามใจตัวเองดีๆว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน
หนทางลำบากเป็นเรื่องที่ท้าทายทำให้เราต้องอัพตัวเองตามอยู่แล้ว ถ้าเรามั่นใจยังไงเราก็ต้องทำได้
สิ่งที่ถนัด เพื่อนที่ดี เรียนแล้วไม่มีปัญหาก็เป็นอีก1ปัจจัยสำคัญนะคะ
เสี่ยงก็ดี ไม่เสี่ยงก็ดีค่ะ งงมั้ยคะ คือเราว่าเรื่องแบบนี้คิดแทนกันไม่ได้ค่ะ จริงๆไม่ได้ช่วยอะไรจขกท.เลยแค่อยากให้จขกท.คิดเยอะๆ ถามตัวเองดีๆ เมื่อเลือกแล้วก็อย่าเสียใจทีหลัง ไม่ว่าข้างหน้ามันจะเป็นยังไงก็ตาม
ปล.เราเรียนนิติค่ะ ตอนแรกเรียนเพราะพ่อบังคับ แต่ตอนนี้เริ่มมองเห็นอนาคตทางกฎหมายของตัวเองแล้วค่ะ ถึงมันจะเลือนลางก็ตาม ฮา:)
ปลอีกสักที.แบดบอย หล่อ รวย ร้ายก็น่าตื่นเต้นดีนะคะ แต่สุดท้ายขอแค่ผู้ชายธรรมดาที่แสนดีก็พอ ^^
หนทางลำบากเป็นเรื่องที่ท้าทายทำให้เราต้องอัพตัวเองตามอยู่แล้ว ถ้าเรามั่นใจยังไงเราก็ต้องทำได้
สิ่งที่ถนัด เพื่อนที่ดี เรียนแล้วไม่มีปัญหาก็เป็นอีก1ปัจจัยสำคัญนะคะ
เสี่ยงก็ดี ไม่เสี่ยงก็ดีค่ะ งงมั้ยคะ คือเราว่าเรื่องแบบนี้คิดแทนกันไม่ได้ค่ะ จริงๆไม่ได้ช่วยอะไรจขกท.เลยแค่อยากให้จขกท.คิดเยอะๆ ถามตัวเองดีๆ เมื่อเลือกแล้วก็อย่าเสียใจทีหลัง ไม่ว่าข้างหน้ามันจะเป็นยังไงก็ตาม
ปล.เราเรียนนิติค่ะ ตอนแรกเรียนเพราะพ่อบังคับ แต่ตอนนี้เริ่มมองเห็นอนาคตทางกฎหมายของตัวเองแล้วค่ะ ถึงมันจะเลือนลางก็ตาม ฮา:)
ปลอีกสักที.แบดบอย หล่อ รวย ร้ายก็น่าตื่นเต้นดีนะคะ แต่สุดท้ายขอแค่ผู้ชายธรรมดาที่แสนดีก็พอ ^^
อ่านแล้วเป็นเราเราเลือกแบบที่ถนัดค่ะและไม่ยุ่งยากเกินไปสำหรับเรา
แต่บางครั้งทางใหม่ที่คุณว่าน่าจะยุ่งยากคงอาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดเสมอไปก็ได้น่ะค่ะมันอาจจะดีก็ได้ใครจะไปรู้ก็ในเมื่อคนอื่นก็ยังพอเรียนไปได้คุณก็น่าจะทำได้ ก็เพิ่มความมานะและอดทนอีก ก็คงไม่อยากเกินไปน่ะหวังว่า แต่ถ้าต้องการแบบชิลๆไม่เหนื่อยมากนักคุณเองเรียนเองก็คงจะรู้คำตอบดีกว่าอยู่แล้ว
สิ่งที่เราคิด (จากที่พี่พุดพิมมา) คือมันมีแต่ได้กับเสมอตัวอะค่ะ เรื่องบริหารน่ะ ต่อโทเอาก็ได้ ยิ่งเราเรียนแบบเทพเข้มข้นไปอย่างนี้ ม.ไหนเขาก็รับค่ะ ยิ่งเรื่องหางานยากนี่เราว่าไม่นะ สายนี้เขาเน้นที่พอร์ทมากกว่าชื่อมหาลัย อ.ที่สอน หรือบางทีไม่ได้จบคณะนี้แต่ทำงานสายนี้ก็มีเยอะแยะค่ะ สู้ ๆ :)
ส่วนเรื่องว่าเป็นคนไม่ขยัน เอาจริงๆก็ควรจะฝึกขยันมันซะตั้งแต่ตอนนี้ล่ะค่ะ 555 แต่ถ้าพี่ชอบชีวิตแบบเรื่อย ๆ สบาย ๆ อันนี้ก็ตามสไตล์เลยค่ะ :) (เราก็เป็นแบบนั้นแหละ เลยทิ้งทุนเรียนบริหารไป เพราะรู้สึกว่าคนบริหารต้องไฟแรง 555)
ที่เหลือก็แล้วแต่ความชอบ + สไตล์ของพี่พุดแล้วค่ะ ขอให้เลือกได้ในสิ่งที่ชอบนะคะ จะเป็นกำลังใจให้ จุ๊บ ๆ
(ผู้หญิงจีบันเก่งตลอดอะ หมั่นไส้เล็ก ๆ 555)