เรื่องโรคผิวหนังแข็งเป็นเรื้อรังไม่หายสักทีทรมานมาก

ครั้งที่แล้วมีเพื่อนๆมาตอบหลายคนต้องขอบคุณมากค่ะ เราได้ไปซื้อยา Diprosalic มาทาแต่มันก็ไม่ดีขึ้นค่ะ เราก็ไปหาหมอนะคะหมอก็ให้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์มันก็ดีแป้บๆ ตอนนี้มันชักจะลุกลามแล้วค่ะ หัวแม่เท้าขวาลอกแบบเห็นเนื้อเลย ชนถูกอะไรก็เจ็บตอนนี้เนื้อลอกจนข้างเล็บเลือดใหล และเริ่มอักเสบต้องเอาพลาสเตอร์แปะไว้ ใส่รองเท้าอะไรๆก็เจ็บมาก เดินเขย่งเหมือนคนพิการ นิ้วชี้ขวาก็ลอกอีก แตกเป็นริ้วๆเลย เจ็บมาก แปะพลาสเตอร์เหมือนกัน โดนน้ำไม่ได้ จะแห้ง แข็ง ตึง แตก ตามลำดับ ฝ่าเท้าทั้งสองข้างตอนนี้เป็นหมดแล้วค่ะ บางครั้งคันก็เกาๆมันก็หลุดลอกเป็นสะเก็ดเหมือนรังแค นั่งตรงไหนลุกขึ้นจะมีแผ่นหนังแห้งๆที่ลอกออกหล่นอยู่ประปรย น่าสังเวชตัวเองจริงๆค่ะ ทรมานมาก ตรวจเลือดก็ไม่เจออะไร ตอนนี้เราท้อมากๆ นึกอยากตายเป็นบางครั้งเพราะสุขภาพจิตเสื่อมถอยลงทุกทีแล้วค่ะ

Discussion (8)

 อยากจะบอกว่า ยิ่งใช้ถุงมือพลาสติก มันยิ่งทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้นหลังจากที่ถอดออกแล้วนะคะ เพราะเคยใส่ถุงมือพลาสติกเวลาทำงาน แล้วรู้สึกได้เลยว่า เหงื่อมันจะออกและจะเปียกๆอยู่ข้างในถุงมือ แต่พอถอดออก มือจะรู้สึกแห้งมาก ถึงแห้งมากกว่าเดิม เราว่านะทางที่ดีควรจะ บำรุงมือด้วยครีมที่มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เยอะๆและก็บ่อยๆ ลองใช้นีเวียฝากระปุกสีน้ำเงินเข้มดูนะคะ ใช้โอบเยอะๆเลยค่ะ 

หายเร็วๆนะคะเอาใจช่วย
 ไปให้หมอตรวจจะดีกว่านะคะ
เราเป็นคะ ได้มาจากแม่ เป็นทั้งมือและเท้า หนักพอสมควร มันชื่อโรค dishydosis เป็นจนชินแล้ว เลยไม่รู้สึกอะไรคะ การปฏิบัติตัวของเราก้คือ อย่าเอาอะไรที่มีสารมากมายไปทาคะ เสี่ยงต่อการเกิดการแพ้มากขึ้น เพราะทาไปมันก้ไม่หายหรอกคะ แค่ดีขึ้นหรือแย่ลง เวลาคันทานยาแก้แพ้ เวลาผิวอักเสบมากๆถึงจะทายาสเตียรอย ถ้าต้องการให้ผิวนุ่มขึ้นป้องกันการแตกของผิวที่แห้ง ให้ใช้ยูเรีย ครีม ที่ไม่ต้องผสมน้ำหอมนะคะ หรือเราใช้ ครีมอียิป ที่เค้าขายใน loft อะคะทา เวลาผิวแห้งมากๆ มันช่วยได้ ที่เหลือพวกเวลาอาบน้ำ เราใช้ เซฟตาฟิวคะ ล้างหน้าใช้ตามชอบ สระผมใช้ตามใจ อันไหนใช้แล้วแพ้มากๆก้เปลี่ยนใหม่ รองเท้าพยายามใส่แบบเปิดเท้า อย่าไปอายนะคะ อย่าให้เท้าอับชื้น มันจะหนักกว่าเดิม ส่วนด้านจิตใจ ต้องปลงคะ ยิ่งเครียดจะยิ่งหนัก มีครั้งนึงเช้าวันสอบเราเครียดมาก ตื่นมามือบวมจนนิ้วไม่สามารถงอได้ เราแพ้ฝนด้วย เวลาฝนตกจะคัมมาก ดื่ม แอลกอฮอร์กอจะบวมเหมือนกัน สรุปคือ ทำความเข้าใจโรคที่เป็นคะ พยายามใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ คิดเอาไว้ คนที่เป็นโรคแย่น่ากัวมากกว่าเราเยอะแยะ แค่นี้ จิบจ๊อยคะ เราไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ ของ จขกท ไม่รุ้ว่าเป็นมานานรึยัง แต่เด่วก้จะชินเองแหละคะ ปล.โรคนี้ทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ จึงไม่สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ จึงได้แต่รักษาที่ปลายเหตุ เช่น การจ่ายยาครีมสเตียรอย ยารับประทานแก้แพ้ ครีมรักษาความชุมชื้น (ไม่ใช่พวกยาทาส้นเท้าแตกแน่นอน หลีกเลี่ยงก้ดีนะคะ ) หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ (ถ้าไม่รุ้ว่าแพ้อะไร ใช้ของให้เบสิกที่สุด ยิ่งมีสารเยอะ ยิ่งแพ้ง่าย และไม่รุ้ว่าแพ้สารตัวไหนด้วย) แต่ก้คาดการกันว่าน่าจะเป็นด้านพันธุกรรมพวกภูมิต้านทาน เพราะมันจะเป็นมากเมื่อร่างกายอ่อนแอ แต่ไม่ติดต่อสุ่ผุ้อื่น แต่สงผ่านให้รุ่นลูกได้คะ มีอะไรสงสัย ถามได้นะคะ
ขอบคุณมากค่ะคุณหยก และคุณ Kingyo มากค่ะที่ให้กำลังใจมาตลอด เราได้กระทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆทุกคนในกระทู้ก่อนแนะนำทุกประการค่ะ ตอนกลางคืนเอายาทาส่นเท้า ยี่ห้อสกอร์ และบรรดาสารพัดยาที่หมอให้ และที่เพื่อนๆแนะนำ ทาให้เท้าชุ่มแล้วเอาพลาสติกแรพที่ใช้แรพอาหารน่ะค่ะห่อเท้าให้หมดแล้วสวมถุงเท้าค่ะ ส่วนมือก้อทำเหมือนกันแต่สวมถุงมือพลาสติกเอาไว้ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื่นไว้ ทีนี้ระหว่างวันนี่สิคะมันช่างทรมานเหลือเกิน เพราะเช้าเราต้องสวมถุงมือเพื่อล้างหน้าและงดใช้โฟมหรือสบู่ทุกชนิด ล้างหน้าด้วยน้ำข้าวโอ้ต ในตอนเช้า และถูตัวก็ใช้น้ำข้าวโอ้ตแทนสบู่อีกเหมือนกัน สูตรนี้พี่ที่อยู่เมืองนอกแนะนำจากกระทู้ในพันทิปค่ะ ส่วนตอนเย็นเท่านั้นที่เราจะใช้คลีนซื่ง กะโฟมล้างหน้าแบบเบาๆเพราะระหว่างวันเราใช้ครีมกันแดดกะแป้งน้ำข้าวโอ้ตคงเอาไม่อยู่ค่ะ แต่เราต้องสวมถุงมือตลอดนะคะ ถุงมือนี่เราซื้อแบบห่อใหญ่ที่แมคโครค่ะ เป็นห่อใหญ่ๆเลยค่ะเพราะใช้ได้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเลย ตอนนี้เราเองก็พยายามทำบุญให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยปรกติก็ทำมากอยู่แล้วก็ทำเยอะขึ้น อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรค่ะ เราเหนื่อยใจ เราท้อบอกไม่ถูก อาจจต้องอยู่กะมันไปจนตายเหมือนคุณ Kingyo ว่า เพราะหมอก็เคยบอกเราว่ามันอาจจะเป็นกรรมพันธ์พอร่างกายเราอ่อนแอลงมันก็แสดงออกมา เราว่าอาจจะเป็นแบบเดียวกะคุณ Kingyo แหละค่ะ แต่พอมันทรมานมากๆก็อดท้อใจไม่ได้ คงต้องเสาะหาหมอไปเรื่อยๆ ไม่หายก็ขอแค่อย่าลุกลามก็พอค่ะ

ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะเราก็เป็น^^ ที่ฝ่าเท้าเหมือนกันเลยค่ะ แบบเท้าแห้ง ถ้าแตกมากๆก็เลือดซิบ
(อยู่ดีๆก็เป็นมาตั้งแต่ประมาณอนุบาล2 ตอนนี้ก็ม.ปลายแล้ว) เมื่อก่อนเคยไปหาหมอมาหลายที่ หมอให้ยามาทาก็ไม่หายค่ะ จนหลายปีก่อนไปตรวจกับคุณหมอท่านหนึ่ง แกบอกว่าคงเป็นกรรมพันธุ์แล้วมันเพิ่งแสดงออกมา เพราะพ่อเราเคยเป็นตอนเด็กๆแล้วหายตอนอายุประมาณ13 แล้วก็ให้ทำใจ เพราะอาจจะไม่หายขาดไปตลอดชีวิต(เศร้าT T)

แต่ตอนนี้ก็อยู่กับมันอย่างมีความสุขค่ะ ทาครีมทุกคืนก่อนนอน ไม่ล้างเท้าบ่อยๆโดยใช่เหตุ(เพราะทำให้เท้าแห้ง) ไม่ล้างห้องน้ำเท้าเปล่า ของเรา ตอนฤดูร้อนมันจะดีขึ้นเยอะเลยค่ะ พอฤดูหนาว อากาศเย็นๆก็จะแย่ลงหน่อย แตกบ้างประปราย^^;; แต่ถ้าดูแลดีๆก็พอไปได้555

ยังไงก็สู้ๆนะคะ เข้าใจอารมณ์คนเพิ่งเคยเป็นว่าคงหงุดหงิดค่ะ