My heart and my Seoul ตอน 2 : Something old, Something new

กุ๊ดจัง26 Nov 121820

กลับมาพาเที่ยวอีกรอบ ตอน 2 นะคะ..วันนี้ จะพาเที่ยวอะไรเก่าๆ ย้อนยุคสักหน่อย อย่างเช่น Buchon Hanok Village เป็นหมู่บ้าน ชุมชนขุนนาง ข้าราชการเก่าๆ ที่อยู่ทางทิศเหนือของโซล ไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่ในระแวกเดียวกันกับสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชอบไป อย่างพระราชวังเคียงบก อินซาดง พระราชวังชางด็อก ศาลเจ้าจงเมียว นั่นแหละ ลงสถานี Ankuk ทางออกสอง แล้วเดินขึ้นมาทางทิศเหนือ ทั้งโซนจะเป็น Buchon Hanok เชื่อมต่อไปถนนซัมซองดง ซึ่งเป็นถนนที่มีร้านคาเฟ่ ขายสินค้า ตกแต่งน่ารักๆ มากมาย แต่ถ้าจะเที่ยวให้ทั่วแบบชีลๆ แล้วล่ะก็ ไปทั้งหมดนี่ในวันเดียว รับรอง ขาลากแน่นอน ไม่มีทางจะเที่ยวเสร็จในวันเดียว ขอให้แบ่งทะยอยไปแล้วกันนะ

จากตอนเช้าที่ไปเดินเที่ยวถ็อกซูกุง และ Art Museum เวลาบ่ายสามกว่าๆ ยังพอมีเวลาไปที่อื่นต่อ เราจึงเลือกสถานที่ที่เหมาะกับวันอากาศสดใด (เที่ยวคนเดียวก็งี้ มีแผนไว้พอคร่าวๆ แล้วปรับเปลี่ยนเอาตามสภาพอากาศ อยากไปไหนก็ไป สบ๊ายยย)

ออกจากสถานนี มีป้ายบอกตลอดทาง เดินเลี้ยวขวาเข้ามายังถนนสายย่อย มี tourist information ให้แวะหยิบแผนที่ บอกสถานที่ที่น่าสนใจอย่างละเอียด ระยะทางในการเดิน ถ้าเดินครบรอบใหญ่ ขอบอกว่าใช้เวลากว่าครึ่งวัน และเมื่อยมากกกกกก เนื่องจากเดินขึ้นเนิน ขึ้นเขา ลงเขา

ระหว่างทางมีร้านค้าน่ารักๆ ตึกอาคารส่วนใหญ่ได้รับการดูแล อนุรักษ์อย่างดี
ช่างเป็นวันที่งดงาม ^_^

ชอบกราฟฟิค และป้ายเกาหลี...น่ารัก

รักเลย แอบถ่ายหน้าสตูถ่ายรูปเวดดิ้งท่ามกลางบรรยากาศเก่าๆ ^_^

บางอารมณ์ รั้วกำแพงหิน ต้นไม้เลื้อยๆ แบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนยุโรป แต่ในความแตกต่าง ยุโรปจะรู้สึกสวยเหมือนภาพวาด ติดจะเย็นชาไปสักนิด แต่เกาหลีจะซ่อนความอบอุ่นไว้เล็กๆ อย่างร้านค้า ป้ายร้าน ของประดับตกแต่ง มักจะมีดีเทลให้เพ่งพิจารณา

วิวหลังจากไต่เขาขึ้นมา.....เห็นแล้วหายเหนื่อย (ไม่จิง!! หอบมาก ณ จุดนี้ 5555)

หนทางเริ่มวกลง เราจะหาซอยที่ตัดไปทะลุถนน Samseoung dong ที่เค้าว่าเต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ ดีไซน์กิ๊บเก๋ บ่ายแก่แล้วสินะ โชคดีจึงที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ตอนบ่ายๆ แสงอาทิตย์ส่องมาทางด้านนี้พอดี สวย และอบอุ่น

ถึงเวลาจะผ่านไป บางอย่างก็อยู่รวมกันได้อย่างลงตัว

แวะนั่งพักก่อนนะ ตอนอัพบล็อคอยู่นี่ คิดถึงเส้นทางที่ตัวเองเดินในวันนั้น ยังงงๆ ว่าเดินได้ไงวะ...โคดดดดไกล เย้ยย แต่ยังไม่จบ เดินต่อได้อีก

ร้านนี้คนรอคิวซื้อเต็มหน้าร้าน กินแล้วรู้สึกว่าทอดน้ำมันเจิ่งไป หวานๆ หอมๆ น้ำตาลทรายแดงด้านใน เรียกว่าอะไรนะ ลืมชื่อ -_-''

ลัดเลาะมั่วๆ ตามทิศทางและความน่าจะเป็น ในที่สุด ก็เดินมาถึง Samseong-dong....จะขอแอบสำรวจถนนนี้สักหน่อย ก่อนจะใช้เส้นทางเดินย้อนกลับเลียบรั้ววังเคียงบก ไปขึ้นรถไฟใต้ดินแถวอินซาดง (ณ จุดนี้ มันอยู่กึ่งกลางของสถานนี เดินทางไหนก็ไกลทั้งนั้น T_T )

น่ารัก สมคำร่ำลือ เสียดาย แปะก๊วยยังไม่ผลัดใบ ถ้ามากันหลายคน คงได้หาร้านน่ารักๆ นั่งชีล กินขนม จิบชาอุ่นๆ เห็นเมนูขนมแล้วต้องขอถอยทัพ ถึงจะชอบกิน แต่กินคนเดียวไม่หมดอะ ขนมแต่ละร้านจานใหญ่ๆ เหมาะกับมานั่งจู๋จี๋กะหนุ่มๆ เป็นที่ซู๊ดดดดด ราคาอยู่ที่ 15000-18000 วอน ต่อจานไรงี้ ถ้าใครอยากลองมาพักที่พักน่ารัก เก๋ๆ รับรองว่าฟินสุดๆ ท่ามกลางบรรยากาศน่ารัก กุ๊กกิ๊กๆ ลองหาที่พักแถวซัมซองดองดูนะคะ ราคาอาจจะไม่ถูกมาก เดินไกลหน่อย(แต่ถ้านั่งรถเมล์เป็น ก็เดินไม่ไกลเท่าไหร่) น่ารักโฮกกกกกกแน่นอน แค่นึกถึงตอนนั่งจิบชายามเช้า ริมหน้าต่างแถวนี้ ก็ อืมมมมมมมม...เริ่ดดดดดดดด

เดินเรื่อยเปื่อยย้อนกลับมาทางเคียงบกคุง เพื่อจะไปหาไรกิน โฉบๆ อินซาดงตอนเย็นดูสักหน่อยค่ะ ระหว่างทาง

มุ่งหน้าลงทิศใต้ เลี้ยวซ้ายที่ถนนใหญ่ ตรงกวางฮวามุน แล้วเดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวถึงอินซาดงเอง

สำรวจที่เดิมๆ ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า...ก็ไม่นะ ยังเหมือนเดิม

หมดไป 1 วัน หาข้าวกินเติมพลังแบบง่วงๆ มึนๆ ร้าน school food เกาหลีฟิวชั่น ตกแต่งน่ารัก ราคาไม่แพง อยู่ด้านหน้าหัวมุมถนนอินซาดงเลยจ้า

จำราคาไม่ได้ คงสัก 7000-9000 วอน อร่อยมากกกกกก หิว คิดแล้วอยากกินอีก พวกข้าวปั้น มากิ ทั้งหลายของเกาหลี สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่า จะมีรสชาติ ผ่านการปรุงรส มากกว่า ญี่ปุ่น ที่จะออกแนวจืดๆ เน้นรสชาติของสด แต่เกาหลี จะเผ็ดบ้าง หวานบ้าง เค็มบ้าง โดยรวม แซ่บกว่า อร่อยคนละแบบ

ฟ้ามืด เดินลากสังขารกลับที่พัก ตามสไตล์ ทัวร์อาม่า ต้องขอแวะกลับมานอนตอนหัวค่ำ เติมพลังก่อนจะคิดไปทำอย่างอื่น หัวถึงหมอน สลบ!ขอโทษ ตื่นมาสองทุ่มกว่า ราตรีนี้อีกยาวไกล เดินออกมานั่งรถไฟไปช็อบทงแดมุนต่อได้อีก..แหะ แหะ แหะ