[SWATCHES AND REVIEW] เปิดกรุ M.A.C. ลิปสติกที่มีในครอบครอง จัดเต็ม 13 แท่ง และมารู้จักแต่ละ finish กัน
Kiss me Sunday 30 8
สวัสดีวันเสาร์ ตามสัญญากับเมื่อเกือบสองอาทิตย์ที่แล้วว่าจะทำ swatch กับ รีวิว MAC ลิปสติกที่มีในครอบครอง วันนี้มาเต็มๆ 13 แท่ง เราเชื่อว่าในบรรดาสาวคลั่งลิปสติกเนี่ย ยังไง๊ยังไงก็ต้องมี MAC อย่างน้อยหนึ่งแท่ง ก่อนจะรีวิวเราขอแอบบ่นหน่อยดีกว่า เพื่อนๆได้เคยสังเกตรึเปล่าว่าราคาเครื่องสำอางค์ของ MAC เนี่ยขึ้นเอาขึ้นเอาทุกปี (อันนี้เราไม่แน่ใจนะว่าที่ไทยราคาขึ้นรึเปล่า) แถมถ้าใครเคยมาสัมผัสก่ะเค้าเตอร์ MAC ในหลายๆที่ที่อังกฤษอาจจะรู้สึกเซงก่ะ BA มากเพราะเค้าแทบไม่เห็นหัวลูกค้าเท่าไหร่ ซึ่งไม่ใช่เราคนเดียวที่เจอ แต่ blogger อังกฤษหลายๆคนก็เจอปัญหาเดียวกัน
ลิปสติก 1 แท่ง ตกที่ประมาณ £15.50-£20 (น่าจะประมาณ 800-1000 บาท) ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรุ่นไหน ราคาก็จะอยู่ในช่วง mid-highend แบรนด์ ความโด่งดังของMAC ลิปสติกเนี่ยก็น่าจะมาจากความหลายหลายทั้งตัวเนื้อลิปสติกและสีสันมากมายละลานตา คือเมื่อไหร่ที่แวะไป MAC เนี่ย มือเราจะเต็มไปด้วยswatchลิปสติกเป็นประจำ 555 ถ้าพูดถึง packaging ทุกคนก็คงคุ้นเคยดีกับรูปร่างที่เหมือนกระสุนไม่ลอกไม่เปื่อย
จริงๆตอนนี้เรามี MAC ทั้งหมด 14 แท่ง แต่ที่จะมา swatch ให้ดูมี13สีเพราะเรามีสองแท่งที่สีเหมือนกัน นั่นก็คือสี Viva Glam Nikki ที่สาวๆรักเครื่องสำอางค์ทั้งหลายพูดถึงกันมากเมื่อสองปีที่แล้ว เรานะแอบเสียดายมากที่เราไม่ซื้อเยอะกว่านี้ คือทาสีนี้เมื่อไหร่เกิดเมื่อนั้น สีเค้าสวยจริงๆ
อ่ะๆว่าแต่สาวๆรู้รึเปล่ามา MAC เนี่ยเค้ามีลิปสติกเป็นfinishแบบไหนบ้าง แล้วแต่ละเนื้อดีมากน้อยยังไง MAC เค้ามีทั้งหมดประมาณ 10 finishนะเออ เราพูดถึงที่คนรู้จักกันหลักๆอ่ะนะ จริงๆมียิบย่อยอีกแต่เราไม่รู้
Matte เนื้อด้านที่คนที่มีปัญหาปากแห้งอาจไม่ชอบ แต่สำหรับเรา เราไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ที่ว่ากันตามจริงเราชอบเนื้อนี้มาก อยู่ทนไม่ตกร่อง อยู่ได้ประมาณ 6 ชั่วโมง
Retro Matte ยังคงอยู่ที่เนื้อด้าน ตัวนี้คล้ายๆกับ matte แต่เนื้อลิปสติกแห้งกว่า แล้วสีแต่ละสีที่มีเนื้อนี้เนี่ย สวยๆทั้งนั้นเลย
Satin อันนี้คือเนื้อโปรด ที่มีความคล้ายคลึงกับ matte แต่เพิ่มความเป็นกำมะหยี่เข้าไป เนื้อดีมากกกอยู่ได้ประมาณ 5 ชั่วโมง
Amplified ถ้าคิดว่าเนื้อ satinยังให้ความชุ่มชื้นไม่พอ ต้องเนื้อนี้เลย จะให้ความรู้สึก glossy เล็กๆ แต่เนื้อสียังคงแน่นอยู่ อยู่ได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
Cremesheen ตัวเนื้อก็ตามชือเลย creamy finish เหมาะสำหรับคนปากแห้ง จะให้ความรู้สึก glossy เล็กๆ และด้วยความที่เป็นเนื้อแบบนี้ เลยอยู่ได้ประมาณ 2-3ชั่วโมง
Lustre ลิปเนื้อนี้เราไม่มี เลยบอกไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่เท่าที่รู้คือสีนี้กลบสีปากไม่ค่อยอยู่เท่าไหร่ glossy มาก ให้ความรู้สึกแบบ wet look
Frost เนื้อนี้เป็นอะไรที่เราไม่ค่อยชอบเลย ลิปจะออกมุกๆ เม็ดสีไม่แน่นเท่าmatte สำหรับเราถึงสีลิปจะสวยแต่เราทายังไงปากก็ไม่สวย มันดูตกร่องยังไงไม่รู้มีใครเป็นแบบเราบ้าง
Glaze เป็นเนื้อที่มีเม็ดสีบางเบา เป็นเนื้อที่ทางออกมาดูค่อนข้างธรรมชาติ อยู่ได้ประมาณ 2-3ชั่วโมง
Sheen Suprememe ตัวนี้เป็นลูกผสมระหว่างลิปสติกและลิปกลอส มีควมชุ่มชื้นมาก เนื้อครีมแบบถ้าแค่เอานิ้วจิ้มที่ลิปสติกเบาๆมันก็ยุบแล้ว สำหรับเราจะทาให้สวยต้องใช่พู่กันทาปาก เป็นอีกเนื้อนึงที่เราไม่ค่อยชอบ แลดูลำบากในการใช้ 5555
Mineralize rich เป็นเนื้อสุดท้ายที่เราจะพูดถึง ตัวนี้อัดแน่นด้วย minerals ตามชื่อ ตัวเนื้อค่อนข้าง creamy จะอยู่กลางๆระหว่าง creamsheen กับ sheen suprememe แต่เม็ดสียังคงชัดเจน
จากภาพซ้ายไปขวา Snob, Viva glam Nikki, Please me, Flat out fabulous, Dodgy Girl, Cream Cup, Happy Hibiscus, Impassioned, Pure Heroine, Vegas Volt, Luxe Natural, Costa Chic และ Hue
รู้จักแต่ละ finish กันแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าเรามีสีอะไรบ้าง ในทั้งหมดทั้งมวลเรามี Limited Edition อยู่ 3 สี คือสีที่เรา (*) ไว้ในภาพ swatch ข้างล่าง เราคงไม่ต้องพูดถึง Viva Glam Nikki เพราะเชื่อว่าส่วนมากรู้จักและชอบสีนี้กัน ส่วนสี Dodgy girl เนี่ย เราจะบอกว่ามันมาจาก Kelly Osbourne Collection ที่ออกมาเมื่อ ไม่กี่เดือนที่แล้ว แล้วก็หมด เร็วมาก เราไม่รู้ว่าที่ไทยยังมีใน stock รึเปล่า เลยแอบมากระสิบว่าถ้าเห็น อย่ารอช้า สอยมากเลย เพราะสีไม่เหมือนใคร และสวยมาก รับรองไม่ผิดหวัง อีกสีนึงก็คือ Pure Heroine สีม่วงสุดแซ่บที่มากจาก Lodge collection ที่ออกมาพอๆกับ Osbourne collection
