จากหน้าศพเป็นหน้าใส(เป็นสิวท้อหมดกำลังใจเบื่อหน่ายชีวิตลองอ่าน)

10 4

เราทำใจอยู่นานเหมือนกันนะ ก่อนจะตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ เพราะมันก็ค่อนข้างสะเทือนใจเราอะ แต่คือก็เคยตั้งใจไว้ว่าถ้าหน้าหายดีละจะเขียน เผื่อจะเป็นประโยชน์และกำลังใจให้กับคนอื่นๆต่อไป

นี่เป็นกระทู้เเรกในชีวิตนะคะ จะพยายามเขียนให้กระชับและเป็นประโยชน์มากที่สุด ถ้าผิดพลาดอะไรยังไง ก็ขอโทษด้วยเนอะ แต่เรายืนยันว่าเขียนขึ้นด้วยเจตนาที่ดีจริงๆนะ ^^

มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ

คือเดิม เราเป็น ผญ. ที่แบบนิสัยบุคลิคไม่ค่อยเหมือนผญ.เท่าไหร่อะ แบบกวนๆ ลุยๆ พฤติกรรมสุขภาพนี่เเย่มาก เพราะเป็นคนขี้เกียจสุดๆ เช่น ไม่กินผักผลไม้ กินน้ำน้อย นอนดึกตื่นสาย บางช่วงก็อดนอน ข้าวไม่ค่อยกิน กินก็ไม่ตรงเวลา ท้องผูกเป็นเรื่องปกติของเรา เรื่องผิวพรรณนี่ แบบครีมกันเเดดไม่ต้องพูดถึง คือร่ะ เหนี่ยวมะขี้เกจทา แต่แดดลมฝนควันนี่ไม่เคยย่อท้อลุยประจำ น้ำก็ไม่ชอบอาบ แบบเช้าก็ขี้เกจเยนก็ยังหมักหมม อะไรประมาณเนี้ยย คือสุขภาพภายในที่ก็นะ เเต่แบบเราไม่ค่อยสนใจไง เพราะตอนนั้น หน้าเรายังดีอยู่อะ แบบสิวก็เป็นเเค่ตอนมี ปจด. นิดหน่อย ไรเงี้ย

เรื่องน้ำหนักก้ไม่เคยต้องห่วง เพราะเป็นคนกินไงก็ไม่อ้วน ละเราก็ขาวยุแล้วตามกรรมพันธุ์ อ่านดูแล้วหน้าหมันไส้ป้ะ แต่ช้าก่อนอ่านไปเรื่อยๆ อะนี่รูปตอนปีหนึ่ง

คือแค่อยากให้รู้ว่าตอนนั้นหน้ายังดี...

เรื่องมันเริ่มตรงนี้ คือตอนเเรกเราเป็นคนไม่แต่งหน้าช่ะ แต่พอเข้ามหาลัย ด้วยสังคมแวดล้อม เราเลยเริ่มอยากลอง (แต่คือตัวเองไม่เคยมีพื้นฐาน หรือเซ้นอะไรเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามหรืออะไรเลยสักนิดนะ เละมีความซกมกมักง่ายเป็นทุนเดิม ) ก็เริ่มไปคว้า เครื่องสำอางที่เเม่ไม่ใช้เเล้วมาป้าย เติมนู่นเติมนี่ ไม่ก็แบบของถูกๆตามตลาดตามเซเว่น มาทาๆขีดๆ คือถ้ามีรูปตอนเเต่งหน้าตอนนั้นก็อยากจะลง คือเเต่ก็ไม่ได้ดูดีขึ้นนะ แต่แบบให้รุ้ว่ามีสีๆพอ แบบเเต่งละนะ ไรงี้ (ทำไปได้ไงวะ)

ก็ทำแบบนั้นมาสักพักใหญ่อะ หน้าก็เริ่มหมองๆแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจไร ละคือ ไลฟ์ไตล์ที่มอช่วงเเรก เราก็แบบกินๆเท่วๆ เล่นๆกะเพื่อนใหม่กะสังคมใหม่ กว่าจะกลับถึงบ้านก้สองสามทุ่ม แต่ไปมอแต่เช้า นึกภาพออกมะ เป็นไรที่สกปรก หมักหมมมาก บางวันกลับบมาก็งีบหลับไปก่อนอีก

ต่อมาเริ่มตัดผมซอยสั้น ละเเบบผมไม่เปนทรงไง เพราะว่าไม่ได้ยืด เราทำไงอะ

ก็ไปเอาน้ำมันใส่ผมของเเม่ ซึ่งหมดอายุ (ตอนนั้นยังไม่รุ) มาใส่ ก็ใส่ไปจนหมกขวดอะ ทำแบบนั้น ประมานสามสี่เดือนมั้ง ละงานก็เริ่มเข้า คือ ผดตรงหน้าผากเริ่มขึ้น แต่เราก็ไม่สนใจอีก ทำแบบเดิม

สักพัก สิวผด ขึ้นบริเวนทีโซน ลามขึ้นๆ ทีนี้เราเริ่มไปหาหมอที่ รพ ใหล้บ้านเเห่งหนึ่ง

เขาก็ให้ยาทาสิวมา หลายตัว แต่ไม่บอกวิธีใช้เรา ละเราก็ไม่ได้ถาม ก็ทาแบบส่งๆ ปรากฎว่าแย่กว่าเดิม รอบสองไปที่เดิม เขาก็จับกดสิว ละก็ให้ยาเเบบเดิมมาทา ไปสองรอบก็หมดไปสองพันก่ามั้ง

ก็นั่นล่ะ ต่อามันก็เริ่มมีเรื่องเครียดๆ เรื่องเพื่อน เรื่องคนที่เราคุยด้วย ช่วงนั้นเรานอนตีสองตีสาม บางทีก็เช้า ละเเบบเครียดมาก จำได้ว่าเครียดเรื่องไม่เปนเรื่อง ละก็พาลไปหมด

ละวันนึง มันก็เป็นแบบเนี้ย อะรูป

ข้างบนนี่ถ่ายไว้ 16 มค. 57

คือใครทานข้าว หรือกำลังจะทาน เราขอโทษด้วย

ตอนนั้นนี่แบบเราเหมือนคนจะประสาทอ่อนๆอะ คือแบบช็อก และเครียดมากกกกกก เกิดมาไม่เคยเป็นสิวเกินสี่ห้าเม็ดบนหน้าอะ แบบเห้ยยยยยย แบบตอนนั้นจำได้ว่าอยากร้องไห้มาก ที่อยู่เช้าตื่นมาส่องกระจกก็เจอ เออคือคืนก่อนวันถ่ายรูปอะ เราไปซื้อยามาทาเอง ก้อ่านๆตามเวบเเหละ ละเช้ามาก็หนักก่าเดิม ละก็เป็นอย่างที่เหนอย่างที่เหนอะ

เราก็เรียกได้ว่าสภาพจิตแบบเหมือนคนป่วยด้วยโรคร้ายอะไรสักอย่างอะ คือเราไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้เลย ละเหตุการมันเร็วมาก คือไม่คิดว่าจะต้องมาเป็นละหนักขนาดนี้ ที่สำคัญนะ คือตอนนั้นเราไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหาย ละมันจะหายเมื่อไหร่ อยากจะร้องไห้ทุกครั้งอะ ที่ส่องกระจก หลังๆก็ร้องเลยล่ะ เข้าใจฟีลมะ

เรากะเเม่ก็ตกลงกันว่าจะหยุดใช้และทายาทุกอย่าง ละรอดูอาการว่ามันจะเป็นยังไง

พอดีมีเพื่อนเราเเนะนำให้ใช้ผงวิเศษ ให้แผลมันแห้ง เพราะหลายๆแผลเราก็เเกะก็บีบมัน

ก็ไม่ได้ใช้ไร ทาเเต่ผงพิเศษไปสักพัก มันก็เเห้งบ้างนะ แต่แบบก็ดูไม่ได้ดีขึ้นอะ

โอย อย่าถามว่าสังคมคนรอบข้างตอนนั้นมีปฎิกริยายังไง เรียกว่า เราไม่อยากออกจากบ้านอะ แบบ เเรกๆเราพยายามทำใจดีสู้เสือว่า ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องใช้ชีวิตต่อ

แต่เวลาออกจากบ้านที เราเห็นสายตาที่เค้ามองอะ คนอื่นไม่เท่าไหร่นะ คนรู้จักด้วยกันมองแบบ หน้าไปทำอะไรมา บางคนก็ทักถามเลยอะ ละคือเราก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน แค่เจอสายตา เราก็เหมือนโดนมีดเเทงใจเเล้วอะ เคยเจอคำถามแบบ ไปเอาขี้ทีไหนทาหน้ามาอะไรแบบเนี้ย

มีช่วงนึง ญาตเราที่ทำขายตรงมาบ้าน เจอเราละเเบบ บอกว่าเห็นหน้าเราละสงสาร ละก็พูดเเบบหยอกล้อจะให้เราขำแบบ กินข้าวทีก็คงระเเวงคนมอง สิว สิว สิว ไรเงี้ย (เเต่คือคิดว่าเราขำปะ)

บางวันมาก็เเบบ พูดเหือนว่าจะไม่หายง่ายๆ ให้ลองใช้ของเค้า บลาๆ พูดต่อหน้าพ่อเเม่เราอะ

ละเเบบพ่อเเม่เราจะรู้สึกไงอะ มีคนมองลูกสาว พูดจาอารมแบบ น่าสงสาร น่าสมเพชไรเงี้ยป้ะ คือเรารู้สึกแย่มากจริงๆอะ หลังๆเวลาญาติมาเราก็เลยหลบอยู่บนห้อง

เวลาไปมอนี่ มีวันนึงเราโทรไปร้องไห้กับเเม่เลยอะ เรากลัวสายตาคนอื่น เรารับไม่ได้ ละเราไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ละเราไม่รู้ว่าต้องตอบคำถามยังไง มีวันนึงเพื่อนสนิทเราผช.บอก เจอหน้าตอนเเรกแล้วตกใจเราอะ และเพื่อนๆเราส่วนใหญ่ก็มีเเต่หน้าปกติๆใสๆกัน ทั้งสมัยมัธยมเเละที่มอ

เเต่โชคดีนะที่เพื่อนสมัยมัธยมเข้าใจ และเพื่อนในกลุ่มใหม่ที่มอเราก็เข้าใจ ต้องขอบคุณจริงๆ

แต่คือเชื่อมั้ยว่า ช่วงนั้นนี่เรานอนร้องไห้บ่อยมาก เช้าเราก็ไม่อยากตื่น รู้สึกเจ็บปวด รู้สึกไม่อยากไปมอเลย ไม่อยากไปไหน อยากนอนๆๆๆ ให้มันหมดๆวันไป กลับมาเราก็นั่งร้องไห้เกือบทุกเย็น

จนแม่เราเอ่ยปากว่าลองไปรักษาที่คลินิกหมอนิตยาดูมั้ย(คือเป็นคลินิกผิวหนังที่เปิดมา 20 กว่าปีแล้ว อยู่เเถวบ้านเรา) เราก็คิดอยู่หลายวัน เพราะเรากลัวอะ ไม่กล้าหาหมอ กลัวเค้าให้ยาไม่ดีบ้าง กลัวเเบบโดนเลี้ยงไข้ กลัวว่าจะเเพ้ยาบ้างง คือกลัวไม่หายแล้วจะหนักกว่าเดิมอะ

แต่สุดท้ายก็ต้องเสี่ยงไป

เราก็ไปที่คลินิก คลินิกก็เปิดให้บริการเเค่ชั้นล่าง ด้านหน้าก็มีเค้าเตอรับจ่ายยา ละก็ที่นั่งรอพบหมอพบยาตามปกติ เป็นคลินิกเล็ก ห้องกว้างเท่าห้องเถวอะ ไปถึงก็เซนชื่อ ขอพบหมอ

คุณหมอที่คลินิกมีแค่คนเดียว เป็นผญ จบป.เอกด้านผิวหนัง ผลิตยาเอง และเป็นเจ้าของคลินิก

เราเข้าไปพบหมอ คุณหมอก็เเค่ใช้ไฟฉายหน้า (แค่โคมไฟน่ะ) ละก็ใช้เเว่นขยายดูหน้า ละก็บอกว่าเราเป็นสิวอักเสบอุดตันใต้ชั้นผิวหนัง คือแบบสิวที่ขึนส่วนใหญ่เป็นสิวอะฃักเสบเม็ดใหญ่ๆไม่มีหัว (แค่คิดก็สยองเเล้วล่พ เเล้วคือเจ็บด้วย) หมอก็ถามว่าเตรียมเงินมาเท่าไหร่ มียากินด้วยนะเพราะเป็นหนักอยู่ ค่ายากินยาทาค่าตรวจ รวมกันประมาณ 2000 พอดีไปกับเเม่ เเม่ก็เข้าไปฟังด้วย วันเเรกเรายังไม่รับยากินมานะ กลัว ไม่กล้ากิน แต่อีกวันก็ไปรับมา กลัวเหมือนกัน กลัวจะหายช้าไปมากกว่านี้

นี่ยาที่เรารับมา

คิองี้นะ ยากินอะ หมอให้เรากินวันเว้นวัน ครั้งละ 1 เม็ด เพราะถ้าเพื่อนที่รู้จักดี หรือลองเสิชดูก็ได้นะ เราเองก่อนกินเราก็ศึกษาให้ดีก่อน คือมันก็อันตรายละมีผลข้างเคีย ถ้าทานไม่เหมาะสม

แต่คือขนาดยาที่เราทาน ไม่ส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใดๆ จะมีบ้างคือปากเเห้งลอก

ละคือหมอบอกเราก่อนเลยว่า ยาที่ให้ทาละกิน เป็นยาที่จะขับสิว ไม่ใช่กดสิว มันจะค่อยขับ และดันออกมาเรื่อยๆจนกว่าจะหมด หมอไม่มีการรักษาใดๆนอกเหือจากนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและให้มันเป็นไปตามธรรมชาติที่สุด

เราก็ทายา กินยา ละก็ดูเเลตัวเอง พร้อมกับปรับพฤติกรรมที่เเย่ๆกับสุขภาพ ไปบ้าง ก็รักษาจริงจังแบบ ตั้งใจว่าต้องหายให้ได้ ประมาณ 6- 7 เดือน ก็หาย

คือเราเเย่มาก ชอบกดสิวเเกะสิวบีบสิว ไปพบหมอทีก็จะโดนดุว่า ทำไมชอบยุ่งกับหน้าเกินความจำเปน (ลืมบอกยาข้างบนนี่คือใช้ได้ประมาณ 1 เดือน ส่วนยากินก็ เดือนละ 15 เม็ด หมอไม่ให้เรา หรือใครกินเกินนี้)

นี่รูประหว่างการรักษา

เราก็นั่นเเหละใช้แต่ของหมอ ทายากินยาอย่างมีวินัย ละประมาณ 7 เดือนมันก็หาย คือมันก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้ชัดก็เดือนที่ 6 ที่ใช้เวลานานเพราะมันปล่อยให้เป็นธรรมชาติด้วยไง ไม่มีการเลเซอ บลาๆ ใดๆทั้งสิ้น นี่รูปเราปัจจุบีน

มีใครตื้นเต้นบ้างมะ (ลืมบอกว่าเรายังพอมีบุญที่หายละไม่เป็นหลุมสิว มีรอยบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าใครเป็น เราว่าก็น่าจะมีทางรักษานะ อาจยากกว่าหน่อย) มาเข้าทีเด็ดดีกว่า

1.ถ้าถามเราว่าทำยังไงถึงหาย แค่กินยาทายาแค่นั้นจริงหรอ ?

2.ละมั่นใจได้ไงว่ายาไม่เลี้ยงไข้ (ยาทาสิวขาวๆหลอดนั้นหลอดเดว) ละถ้าหยุดกินยาจะเป็นอีกมั้ย?

คำถามแรกนะ ตอบ

เปล่า เราดูเเลตัวเองด้วย ดังนี้

1.ทายา กินยาอย่างมีวินัย ไม่ใช้อะไรอื่นเลยนอกจากของหมอ ออกนอกบ้านทาเเค่ครีมกันเเดด ละเเป้งเด็กแคร์ประป๋องสีฟ้าทับ ใครว่าโทรมแย่ ก็ต้องทนอะ นาทีนั้นเเต่งไปก็ไม่ดีขึ้นมีเเต่จะเเย่ลง

2.หลบเเดด (เดินหลบ กางร่ม บ้านเราไม่ค่อยออกยุละช่วงนั้น อายคน)เลี่ยงเเสงจากจอทุกชนิด(เลี่ยงนะ ไม่ใช่ไม่ได้เลย แต่แบบปรัเเสงตั้งค่าน่าจอมือถือให้สว่างลงหน่อย คอมก็เพลาๆลง)

3.ท้องผูก ทำให้สิวขึ้น รุช่ะ เราไม่กินผักผลไม้ กินน้ำน้อย นอนดึก

-เช้ากินน้ำอุ่น ผสมน้ำผึ่ง 1 แก้ว

-พยายามนอนก่อน 24.00 น.

-ผักเรายังไม่กินเหมือนเดิมเเหละ เเต่กินกล้วยเเทน

4.รักษาความสะอาด ล้างหน้าตามไรขน(มีรูปล่างสุด) ที่นอน ปลอกหมอน ก้ตากแดดบ้าง ซักบ้าง คือดูเเลความสะอาดโดยรวมอะ มือสกปรกๆก็อย่าไปยุ่งกับหน้าบ้าง

5.อย่าเครียด(ข้อนี้เราเองก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าทำได้คุณก็จะหายเรวขึ้น ละสุขภาพจิตจะดีขึ้นด้วย) ทำไงก็ได้อะให้สุขภาพจิตดี เราเเนะนำ อ่านหนังสือธรรมะ ให้กำลังใจ บลาๆ เช่น เข็มทิศชีวิต

ถ้านับถือศาสนาไรก็ เนี่ยเเหละหันหน้าเข้าทางธรรมเลย จริง ช่วงเราใกล้หาย เราไปบวชชีพรามที่วัดปากน้ำภาษีเจริญมา 3 วัน กลับมาคือ หน้าดีขึ้นแบบหายเร็วขึ้นกว่าที่คิดไว้อะ สุขภาพจิตดีขึ้น อะไรๆรอบตัวดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆนะ ไม่เชื่อ ต้องลอง เมื่อก่อนเราไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษเท่าไหร่นะ เคยคิดแบบทำดีได้ดีไม่เสมอไป ทำชั่วได้ดีก็ยังมี ขนาดนั้นอะ

คือไปบวชนี่่ลองคิดเเบบพื้นๆเลยนะ ได้ฝึกิตฝึกสมาธิ มีสติขึ้น จิตใจดี สุขภาพดีขึ้น มันก็ออกมาทางหน้าตาผิวพพรณด้วยนะ จริงๆๆ ละอยู่วัดก็กินนอนเป็นเวลาสุขภาพมากก

ถ้ามองอีกมุมเเบบความเชื่อๆหน่อย ก็ไม่รู้นะตอนเด็กเราชอบรังเเกเเมลง หาเห็บหมาใส่ขวดน้ำมันเเก๊สบ้าง เอาไปเผาบ้าง ยุงกะมดนี่นะประจำฆ่าเอาสนุก เราเคยอ่านเจอมาว่ามันมีผลต่อสิ่งที่เรากำลังเป็น แบบกรรมมันให้ผล คือถ้าใครเคยทำอะไรแบบเราแต่มีบุญอยู่มากมันก็อาจจะช่วยได้ไงแบบ อาจจะไม่ส่งผลหรือส่งน้อย แต่สงสัยเรากรรมหนักบุญน้อย คือที่คิดแบบนี้เพราะเราอะ อธิษฐานตลอดว่าขอให้หน้าเราหายดี ทุกคืน ทุกขณะที่นึกได้ ละยุๆช่วงเป็นสิวเราก็จะนึกถึงภาพที่เราทำตอนเด็กขึ้นมาเองอะ มันก็แปลกๆเนอะ คือไม่รู้นะ เราเชื่ออะว่าบาปบุญมีจริง ละถึงยังไงทำบุญ บวช เข้าวัด มันก็เป็นเรื่องที่ดีอะ ไ่เสียหายอะไร ละมันส่งผลดีกับเราในด้านอื่นๆด้วย คอนเฟิร์ม คือเรียกว่าบวชมาชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้คือมีเวลาเราห็เข้าวัดบ้าง นานๆทีก็ไปถือศีล คือมีสติขึ้นมากกกกกก ละก้จะไม่ค่อยทุขก์ร้อนกะเรื่องไม่เป็นเรื่อง จากที่ใจร้อนขี้โมโหหงุดหงิด ก็ดีขึ้นมาก

ถ้าเป็นคริสต์ ก็ลองอธิษฐานดู รือใครไม่นับถืออะไรก็ลองอ่าน นส.how to เช่น ซีเคร็ด (ขอ เชื่อ รับ )

6.เรากินวิตามินเสริมอะ ของเเอมเวย์ เรากิน วิตามินซี น้ำมันพริมโรส และก็วิตามินบีรวม

สรรพคุณลองเสริชกันเอา คือไม่อยากพิมสรรพคุณเพราะเดะโดนหาว่าขายของไรงี้ ละเราว่าทุกอย่างควรใช้หลักกาลามสูตร ของพระพุทธเจ้าคือ จะเชื่ออะไรต้องไตร่ตรอง หาข้อมูล ใช้เหตุผลให้ดี

7.กตัญญูกับพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ และหาเพื่อนดีๆสักคนไว้ปรับทุข ถ้าไม่มีให้ฟังธรรมะ อ่านธรรมะ หรือหนังสือดีๆ ข้อคิดดีๆ จากคนดีๆ แนะนำ ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง

8.ออกกำลังกายบ้าง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ช่วยประฮอโมน ละทำให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ว่าออกกำลังกายเสร็จ อย่าพึ่งล้างหน้าหรืออาบน้ำเลย รอให้หายเหนื่อยหรืออุณหภูมเริ่มปกติก่อนสัก 30 นาที ละค่อยอาบน้ำล้างหน้า

คำถามข้อ2.ตอบ นั่นดิ เราก็คิดอยู่ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดนเลี้ยงไข้อะไรนะ ยาห็กินเเค่ 8 เือน ตอนนี้ก็เลิกกินเเล้ว ยาทาก็มีบ้าง เพราะสิวคนเราก้ต้องมีบ้าง แต่คือเราเเค่ไม่ได้เป็นเยอะเเบบนั้นเเล้วไง ทีนี้จะทำยังไงไม่ให้เป็นอีก

คือเราเคยลองกลับไปทำพฤติกรรมเเย่ติดต่อกัน 1 เดือน คือ นอนดึกมากๆ (ตีสองตีสาม) กินอาหารดึก(หลังสามทุ่ม) เครียด บลาๆ นั่นเเหละ เราก็เป็นสิวเว่ย ขึ้นหกเจ็ดเม็ด ละเราก็บีมก็เเกะ ก็เป็นรอย ทายาลดรอยดำกันไปเกือบเดือน

ที่เราอยากบอกคือ อาหารการกิน และสุขภาพภายในเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ก่อนจะไปทำอะไร รักษาอะไร ลองปรับพฤติกรรมสุขภาพตัวเองก่อน ลองเช็คก่อนว่าพฤติกรรมของเราเป็นยังไง ใครๆก็อยากหน้าดีโดยธรรมชาติป้ะ ถ้าเลือกได้

เเต่ถามว่าทุกวันนี้พฤติกรรมสุขภาพเราดีมากมั้ย ก็ไม่ บางช่วงอย่างช่วงสอบเเบ่งเวลาไม่ดี หรือมีคนคุย หรือประมาทขี้เกจ ก็ปลาอยปะกันไป ละก็เป็นสิวกันไป โทรมกันไป นั่นล่ะ หน้าเราตอนนี้ขึ้นยุกับพฤติพรรมเราละ ไม่ใช่ยา

ข้างล่างนี่เอาไว้เชค เวลาสิวขึ้นหลายเมด เราจะชอบเชคดู เราว่ามันค่อนข้างตรงนะ

สิวบอกโรค : โซนที่ 1 และโซนที่ 3 ถ้ามีปัญหาสิวบริเวณนี้ คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ดังนั้นอาจต้องดื่มน้ำมากขึ้นหรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

สิวบอกโรค : โซนที่ 2 สิวบริเวณหว่างคิ้ว เกี่ยวกับตับ อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้) การทานอาหารรสจัดหรือทานอาหารดึกเกินไป

สิวบอกโรค : โซนที่ 4 และโซนที่ 10 ผิวบริเวณหูนี้เป็นผลพวงของไต หากรู้สึกร้อนที่หู คุณอาจต้องลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลง

สิวบอกโรค : โซนที่ 5 และโซนที่ 9 บริเวณแก้มทั้งสองด้าน โดยแก้มส่วนบนจะเกี่ยวข้องกับไซนัสและปอด ส่วนแก้มส่วนล่าง เหงือกและฟัน สาเหตุอาจเป็นเพราะสูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็นๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด

สิวบอกโรค : โซนที่ 6 และโซนที่ 8 ตำแหน่งรอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง เกี่ยวข้องกับไต และปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุมาจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ อาจไม่เหมาะสม หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือพักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคือง อาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร

สิวบอกโรค : โซนที่ 7 ผิวบริเวณจมูกและริมฝีปาก แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หากมีสิวบริเวณนี้อาจหมายถึงผลกระทบของการตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน การรับประทานยาคุมกำเนิด

สิวบอกโรค : โซนที่ 11 และโซนที่ 13 หากผิวบริเวณนี้แตกระแหง สามารถบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาของฟันกราม หรือปัญหาเกี่ยวกับฟัน

สิวบอกโรค :โซนที่ 12 สิวเรื่อๆ บริเวณคางนี้ สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังมีปัญหาเรื่องลำไส้เล็ก ที่มีผลจากการรับประทานของเผ็ด

สิวบอกโรค : โซนที่ 14 หากคุณมีสิวบริเวณนี้แล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังเครียดสูง

นี่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเพียงเล็กน้อยของการวิเคราะห์สภาพผิวหน้าที่ทำให้รู้ได้ถึงสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งจะทำให้เราทราบได้ว่าจะต้องดูแลบำรุงทั้งสุขภาพภายในและภายนอกอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีทั้งสีหน้า แววตาและผิวพรรณที่เป็นสุขได้แล้ว

ก็ขอบคูณที่อ่านกันมานะ ใครที่เป็นอยู่ก็รักษาใจดีๆ เข้มเเข็ง พอเราผ่านมันมาได้ เราจะรักตัวเองมากขึ้น เราจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เราจะมีสติขึ้น ประมาทน้อยลง

มีคำนึงที่เราท่องบ่อยๆ สิว เป็นได้ก็หายได้ เชือเรามันต้องหาย สู้ๆนะคะ

ปล.ถ้าเพื่อนเปิดมาเจอ กรุณาอย่างเเชร์หรือแะไรหน้าเฟส ให้ทักมาถาม เคนะ คือก็ยังทำใจลำบากอยู่ 555555555+


RRRRR

RRRRR

FULL PROFILE