เดินสะดุดหยุดพักที่ ไต้หวัน พาไปดูธรรมชาติเกร๋ๆ และอาหารเด็ดๆ (รูปเยอะมากกกก)
Janee.s 6 7สวัสดีทุกคนนน นี่เป็นกะทู้แรกในจีบันเลย บังเอิญมีเหตุให้ไปไต้หวัน เพราะจะไปงานแต่งของเพื่อน ไหนๆก็ออกนอกประเทศละ จะให้เสียตังค่าตั๋วฟรีทำไมหล่ะคะ ก็เที่ยวสิค้าาาา แล้วมันสวยจนอดใจไม่ไหวจนต้องมารีวิวให้สาวๆจีบันได้ดูกัน เผื่อใครจะไปเที่ยวบ้าง ฮ่าๆ การเดินทางครั้งนี้ 4 วัน 3 คืนนอนโรงแรมในไทเป แล้วก้อตะลอนๆๆ ออกไปเที่ยวธรรมชาติ สวยมั๊กๆ สวยยังไงลองไปดู ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ล่วงหน้านะค้า 55555
เริ่มเดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินเถาหยวน(ไทเป)
การเดินทางในการเที่ยวครั้งนี้ รถส่วนตัว(ของเพื่อน) รถไฟ และแท๊กซี่
เริ่มจากไปโดยสายการบินไทยค่า อาหารใช้ได้อยู่มื้อแรก เราใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 3 ชม. นิดๆ ก็กินให้อิ่มแล้วนอนไปยาวๆเลยจ้า
**การเดินทางครั้งนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก เพราะสภาพอากาศเหมือนบ้านเราเลย เตรียมร่มไปเผื่อฝนตกก็พอแล้ว
โดยปกติแล้ว อากาศที่ไต้หวัน จะแปรปรวนมากอยู่ ส่วนใหญ่ฝนจะตก มีหน้าร้อนที่ร้อนจิงๆน้อยมาก
แต่บังเอิญช่วงที่เราไปมันร้อนพอดี นี่ก็เตรียมเสื้อผ้าเบาๆสบายๆ กะทัดรัดเต็มที่
และแล้วก็ถึงแล้วคะะะ มุ่งมาที่ไทเปเลย เพื่อนมารับจากสนามบินเถาหยวน เดินทางมาไทเป ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เศษๆ
ถึงแล้ววววพาแว๊บมาที่ห้องพักเลย เรามาพักกันที่ AMBIENCE HOTEL
พาไปดูห้องกันก่อนเลยจ้า
มาให้คะแนนของที่พักกัน คะแนนจากเต็ม 10 นะคะ
ความสะอาด 9 ตัด1 คะแนนเพราะพื้นเป็นพรมใช้งานนานๆแล้วจะสกปรก แต่ไม่มีกลิ่นนะคะ
ความใหม่ 10 เลย เหมือนเค้าปรับปรุงใหม่นะคะ ภายในห้องใหม่เลยหละ
ความสะดวกในการเดินทาง 6 เพราะว่าอยู่ 4 แยกไม่ใกล้รถไฟใต้ดิน มีแต่แท๊กซี่
อุปกรณ์ภายในห้อง 10 ทุกอย่างมีครบเลย แต่ไม่มีเตารีด แต่เราขอเค้าเพิ่มได้คะ เราก็ขอมาไว้
พนักงานต้อนรับ และบริการอื่นๆ 10 พูดดี ยิ้มหวาน สวัสดีทั้งเช้าทั้งเย็น ให้คำแนะนำการเดินทางดีมากเลย
อาหารของโรงแรม มีทุกเช้า แต่ไม่ได้ทานเลย เลยไม่ได้ให้คะแนนนะค้าา
เข้าที่พักเรียบร้อยกว่าจะได้นอนก็ตี 1 ได้ละ
วันที่ 1
ตื่นแต่เช้าไป วัดซิงเทียน (Xingtian Temple) วัดนี้สร้างเพื่อบูชาเทพเจ้ากวนกง หรือ ที่คนไทยรู้จักกันใจชื่อ กวนอู ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามและศิลปะป้องกันตัวคะ ส่วนตัวว่าวัดนี้เหมือนวัดมังกรบ้านเราอะคะ คนเยอะมากๆๆๆ แบบเดินเบียดกัน ทุกคนไปไหว้ขอพร กันส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวมาเยอะ
ตอนเช้านั่งแท๊กซี่มาหาเพื่อนๆ ที่โรงแรม check-in ซึ่งอยู่ข้างๆวัดพอดีเลยเดินจากโรงแรมมาเลยแค่คนหน้าวัดก็เยอะแล้วคะ ไปดูข้างในเลยดีกว่า
ที่นี่เค้าล้างมือก่อนเข้าไปไหว้พระด้วยค ตอนแรกก็ งงๆ ทำไม ที่ล้างมือเยอะจัง 555 เห็นเค้าล้างไอเราก็ล้างตาม เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามจ้าา
สำหรับมาไหว้เพื่อให้สบายใจได้นะคะวัดนี้ ไหนๆเรามาอยู่ต่างถิ่นแล้ว ไหว้ขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิคุ้มครองก็สบายใจดี ถ่ายรูปสวยๆได้ จิงๆมีมุมสวยๆเยอะเลย แต่ถ่ายไม่หมดคนเยอะมาก เลยไม่อยากแทรกตัวเข้าไป 5555
ถ่ายรูปเสร็จจากวัดแล้วก็จะรอเพื่อนมารับ วันนี้เขาจะพาไปเที่ยวหมูบ้านเก่าแก่ เรียกว่า เมือง จิ่วเฟิ่น อยู๋ห่างจากตัวเมืองออกมาประมาณ 1 ชม. โดยรถยนต์ส่วนตัว ภายในหมู่บ้านนี้ก้อจะลักษณะ เหมือนเป็นหมู่บ้านอยู่บนเขา ห้องแถวข้างทางจะเป็นร้านขายของหมดเลยคะ ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อ ขนม ลูกชิ้น และของโบราณ อากาศวันนี้ร้อนใช้ได้เลยจ้า เดินปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว 555
ทางเข้าอยู่ซอยเล็กๆข้างๆเซเว่นคะ
ร้านนี้น่ารักคะ เป็นโคมไฟ พวงกุญแจ เขียนข้อความต่างๆ
แต่อ่านไม่ออกเลยคะ ว่าเขียนว่าอะไรบ้าง 555
อันนี้เป็นไอติมถั่ว อร่อยมากๆๆๆๆ สำหรับคนที่ไม่ชอบทานหวานมาก เนื้อไอตินจะไม่เหนียวมาก รสชาติคล้ายๆกะทิ ไม่หวาน แต่จะเน้นที่ถั่วคะ ที่เห็นเปนผงๆคือถั่ว ซึ่งพอมันมารวมกันกับเนื้อแป้งหอมๆนุ่มแล้ว อร่อยมั่กๆๆๆๆ รีวิวไป น้ำลายยายไหลย้อยเลย อยากกินอีก ถ้าไปอีกจะไปกินแน่นอน 55
มาถึงใต้หวัน เราก็ไม่พลาดที่จะลองของขึ้นชื่อ นั่นคือ ชานมไข่มุก นั่นเองค้าาา
แต่ร้านนี้ รสชาติ จะแบบชาเยอะๆนมน้อยๆ ต่างจากบ้านเรา บ้านเรานมเยอะมาก จะเข้มข้น หอมนมมากกว่า แล้วแต่คนชอบนะคะ โดนส่วนตัว ไม่ชอบร้านนี้ แต่เพื่อนบอกว่า ร้าน 50 ชานมไข่มุกอร่อยและขึ้นชื่อที่สุดละ มีสาขาเยอะด้วย ว่าจะไปลอง แต่หาไม่เจอ TT
อยากรู้ว่าไอไข่ต้มๆนี่คืออะไร จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกทีเหมือนไข่พะโล้บ้านเรารึป่าวนะ
บนเขานี่จะมี พิพิธภัณฑ์ ของเก่า พวก เหมือง การขุดทอง เงิน ต่างๆ
ค่าเข้าคนละ 100 เหรียญ เค้าโชว์วิธีทำด้วยนะคะ กว่าจะได้ทองแต่ละเส้นนี่ ยากเย็นมาก วิธีโบราณแต่สมัยนี้คงไม่ยากแล้วหละ เค้าพูดภาษาจีน ฟังไม่รู้เรื่อง ตลกมากคือเขาคงเข้าใจว่าเราฟังออก หันมาพยักหน้าให้เหมือนแบบ เออเข้าใจใช่มะ 555 ไอเราก้อยืนฟังจนปวดเท้า อยากจะบอกว่าไม่ต้องพูดก็ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง ฮาฮา พาไปดูเถอะลุงงงงงงง
ประมาณนี้ มีทองเยอะมากๆๆๆ อันนี้วิธีทำทองนะ
คนเข้าชม ไม่เยอะ มีแค่เรา 6 คน นี่แหละคะ ภายในไม่มีแอร์นะ เป็นแอร์กี่แทน ร้อนใช้ได้เลยหละแดดจ้าๆตอนเที่ยงๆ เค้าให้เราลองจับเงินด้วยนะ ไม่เคยจับเลย มันเหมือนทรายที่ละเอียดมากมาเกาะกัน ไม่หลุดจากกันเลย
อุโมงค์นี้ เป็นอุโมงทางน้ำ ไปยืนใกล้ๆแล้วมันจะเย็นมากๆๆๆๆเลย เย็นแบบเหมือนอยู๋เมืองหนาวเลย แต่น่ากลัวคะ มืดๆ มองเข้าไปอย่างกะหนังผี มีต้นไม้ โคลน น้ำ ดูรกๆ
ร้านขนมนี้คนต่อคิวซื้อกินเยอะมากคะ ขนมคล้ายๆขนมเทียนบ้านเรา แต่นิ่มมาก อร่อยกว่าขนมเทียนอยู สมคำล่ำลือคะ หน้าตาเป็นแบบนี้ๆๆ
ไส้กรอกอันนี้หน้าตาเหมือนไส้กรอกอีสาน แต่ว่า ชิมแล้ว นึกว่า บุชเช่อ+กุนเชียง เลยคะ 555 อร่อยๆๆ แนะนำให้ลองเลย
จะบอกว่าเหนื่อยใช่เล่นเลย เดินเล่นที่นี่ เดินไปกินไป แต่มันเดินขึ้นเขา ลงเขาไงคะ เลยเหนื่อย ถึงแม้จะมีอาหารขนมอร่อยข้างทาง มาให้เรากินตอนเดินก็เถอะ
ดื่มน้ำที่เซเว่นเรียบร้อยแล้วก็ เดินทางต่อไปยัง อุทยานเหย่หลิ่ว ธรรมชาติที่สวยงามซึ่งเกิดจากการกัดกร่อนโดยลมทะเลและน้ำทะเลให้เกิดรูปร่างแปลกตาอย่างสวยงาม และที่โด่งดังไปทั่วโลกคือ "เศียร์หินราชินี" แต่ตอนเราไปหา เศียร์หินราชินีไม่เจอนะ ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน แต่ทะเลสวย น้ำสีฟ้าใส แบบน่าลงไปเล่นเลยคะ แต่ไม่มีใครลงเลย สงสัยเค้าเอาไว้ถ่ายรูปเฉยๆ ลมพัดเย็นดีถึงแม้แดดจะร้อนก็ตาม จะมัวฝอยอยู๋ทำไมหละค้า มาดูกันเล้ยยย
ไม่ต้อง งง นะคะ ทำไมที่เดียวกัน รูปถึงได้สีต่างกัน เป็นการแต่งรูปที่มั่วซั่วของเราเอง5555
คือแต่งตามใจชอบมากๆเลย เอาเป็นว่าดูฌอาบรรยากาศนะ
แวะถ่ายรูปแค่แปะเดียว แล้วนัดกับเพื่ออีกคนว่าจะไปทานข้าวเย็นกันแต่นี่ยังไม่ถึงเวลาเลย เลยแวะนั่ง ร้าน YOUNGDOOR เป็นการค่าเวลา ร้านอยู่ใกล้ๆกับ อุทยาน เหย่หลิ่ว เลย https://plus.google.com/118279991960654890018/about?gl=th&hl=th
ไปดูบรรยากาศร้านกันคะ ^^
มีทั้งด้านนอก และด้านในคะ แต่คนร้านนี้เยอะมากกกก ด้านในเต็มเอี๊ยดดด เราเลยต้องมานั่งข้างนอก ดื่มด่ำบรรยากาศจากท้องทะเลธรรมชาติ แต่ลมพัดเย็นดี
เมนูแรก เค้กมะนาว เป็น ทีเด็กของร้านนี้เลยคะ
คะแนน เต็ม 10 ให้ 10 เลยคะ
นุ่มและนิ่ม เนื้อเค้กเหมือน มาม่อนบ้านเรา
รสชาย หอมมะนาว หวานนิดๆไม่แสบคอ ระหว่างเคี้ยวนี้ หอมมะนาวขึ้นจมูกเลย อร่อยมากกกๆๆ ไม่มีที่ติเลย ถึงว่าคนสั่งกันทุกโต๊ะเลย
อันนี้เป็นชาผลไม้รวมคะ รสชาติ เฝือนๆ เพราะบอกเค้าว่าไม่ใส่ไซรับ มันเลยไม่อร่อยคะ แต่ถ้าใส่ไซรับซักหน่อยน่าจะอร่อยกว่านี้ เพราะกลิ่นผลไม้มันหอมมมมหวนมาก
นั่งจิ๊บน้ำผลไม้ริมชายหาด บรรยากาศใช้ได้เลยนะคะ ใครมาแถวนี้อย่าลืมแวะด้วยน้าา
**มาให้คะแนนร้านกันดีกว่าคะ **
ความสวยงามของร้าน ให้ 8 คะ เพราะเค้าจัดผังไม่ค่อยดี เดินลำบาก โต๊ะติดกันเกิน แต่ได้วิวดีที่ติดทะเล หน้าร้านไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่คะ เลยขอหัก 2 คะแนน
รสชาติอาหาร ให้ 9 เลยคะอร่อยเยอะ แต่บางเมนูก็เฉยๆ
บริการพนักงาน 8 คะ สงสัยจะงานเยอะเครียด ไม่ยิ้มเลย ทำหน้ามุ่ยตลอด 555
รวมๆก็ถือว่าโอเคคะ เปนร้านเดียวในแถวๆนี้เลยก็ว่าได้คนเลยมากันเยอะเลย
และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอยยยย มือเย็นนั่นเอง เพื่อนพามาทานร้านนี้คะ อ่านไม่ออก ไม่มีภาษาอังกฤษ 5555 แต่ตั้งอยู่บนถนน Jilin road(จี้หลิน)
เพื่อนคนใต้หวันบอกว่า มีอาหารอย่างหนึ่งที่คนไต้หวันชอบกินกัน คือ อารมณ์แบบกระเพราบ้านเรา คือคิดอะไรไม่ออกก็สั่งไอเจ้านี่ เค้าเรียกว่า หลูโล่ฟั่น (มันคือหมูผัดซีอิ๊วราดข้าว) เราก็ไม่รีรอ ปกติชอบกินหมูเป็นชีวิตจิตใจ สั่งมาเลยจ้า
บรรยากาศภายในร้านคะ
คนกำลังดีไม่เยอะวุ่ยวายคะ
บังเอิญวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนคนทีพานำเที่ยวคะ เลยจัดเค้ก Birtday ซะหน่อย
ที่ใต้หวันขึ้นชื่อเรื่องของหวานอยู๋แล้ว แน่นอนเค้กที่นี่ก็อร่อยมากคะ ปกติเราชอบกินของหวาน แต่ต้องไม่หวาานมากแบบแสบคอ เค้กที่นี่ตอบโจทย์มากคะ 555 แพคเกจจิ้ง น่ารักมากๆ มีช้อนส้อมมีด พร้อมเลย ไม่ต้องรบกวนขออุปกรณ์จากร้านเลยหละคะ
เรียกได้ว่าอิ่ม และจุกมากๆๆ อยากจะนอนหงายเลยหละ จิงๆอยากกลับโรงแรมไปนอนแล้ว เพราะท้องตึงมากกก ประหนึ่งว่าท้อง 4 เดือนได้ 5555 แต่ว่าเพื่อนก็หวังดี จะพาไปชมวิวไทเปยามค่ำคืน ที่ yang ming san (หยางหมิงซาน) ไม่แน่ใจว่าอ่านถูกรึป่าวนะคะ เป็นเขาที่สูงจนมองเห็นวิวในไทเป ส่วนใหญ่ที่เห็น คู่รักมักมาพลอดรักกัน มีภาพให้ดูด้วยนะคะ แอบถ่ายมา55
ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่วัยรุ่น ที่ขึ้นมาจู๋จี๋กัน บางคนเอาเสื้อมาปูนอนตักกัน เล่นจั้มจี้กันด้วย 555
จบไปสำหรับวันแรกคะะะะะะ เหนื่อยใช้ได้เลย กลับเข้าโรงแรม นอนหละคราวนี้ เพราะพรุ่งนี้เช้ามีโปรแกรมจะไป อุทยานแห่งชาต Taroko (ทาโระโกะ) ไปนอนก่อนจ้า พรุ่งนี้เตรียมออก7 โมงเช้าเพราะ รถไฟมี 8 โมงงง
เช้าวันนี้ 2
จากโรงแรมนั่งแท๊กซี่มาสถานนีรถไฟ ซื้อตั๋วไป Hualien (ฮั้วเหลียน) เราจะนั่งเป็นรถไฟด่วน สปิ๊นเตอร์คะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.โดยต่อ 2 รอบคือ จากไทเป-ยี่หลาน และ ยี่หลาน-ฮั้วเหลียน ราคา 440$ คะ ที่นี่เค้าเปะเรื่องเวลามากๆ ตรงเวลาสุดๆ มีเป็นรถไฟธรรมดาด้วยนะ ใช้เวลา 3 ชม. คะ แต่แนะนำเวลาซื้อตั๋วให้มาซื้อก่อนล่วงหน้านานๆเลยคะ เรามา 7 โมง รถไฟออก 09:20 เลย คนเต็มทุกที่นั่งต้องนั่งแยกกันด้วย
พนักงานขายตั๋วน่ารักมากๆคะ หาตั๋วที่ดีที่สุดให้เรา แนะนำวิธีเดินทางสุดฤทธิ์ ระหว่างรอหิวก็เข้าเซเว่น นั่งกินกัน โต๊ะอาหารส่วนตัวคะ แบบในภาพเลย 555
ถึงเวลาละคะ รถไฟมาตรงเวลาเด๊ะ ที่นั่งสบายกว้างเหมือนโรงหนัง เอนเบาะได้เหมือนรถทัวร์เลยสบายๆ หลับเอาแรงเลยยยย พอถึงยี่หลานแล้ว รอต่อรถไฟอีกขบวน ไป hua lin ใช้เวลาอีก 1 ชม. รวมเป็น 2 ชม. ในการเดินทาง
ถึงแล้ว คราวนี้เราต้องเหมาแท๊กซี่ เพื่อให้เค้าพาเราเที่ยว ทาโรโกะ เพราะมันกว้างใหญ่มาก ไปแท๊กซี่จะสะดวกกว่านั่งรถบัสคะ เจอลุงแท๊กซี่คนนึง มาตีซี้แฟนเรา พอดีแฟนเราพูดภาษาจีนได้ นางก็ตีซี้ชวนให้เช่ารถนาง 555 สรุป 2,500$ ตั้งแต่ เที่ยงถึง 6 โมงเย็น ก็เลยตามนี้ ใช้เวลา 30 นาที จากสถานนีรถไฟไปยัง ทาโรโกะ ช้าอยู่ใยเริ่มเที่ยวกันเล้ย
จะมีรูปให้ดู แต่ไม่ได้บอกชื่อสถานที่นะคะ เพราะรวมๆมันคือ ทาโรโกะ นั่นแหละคะ แต่ว่ามีหลายมุม หลายทาง
ลุงแท๊กซี่จอดให้เราเดินเล่นที่นี่ 30 นาที อันนี้ตลกมากเดินไปจนเกือบสุดทางแต่ไม่มีอะไรเลย 555 เหมือนๆกันหมด ไอเรานึกว่าไปแล้วจะเจอน้ำตกที่สวยๆหน่อยไรงี้ แล้วพอลงมา ลุงแท๊กซี่บอกว่า จิงๆมันไม่มีอะไรหรอกเดินไปหน่อยๆก็พอ เราเดินกันเป็น ชม. เห็นคนเดินกัน 5555555
มีร้านกาแฟชมวิวสวยๆด้วย น่านั่งมาก
ปล. แนะนำให้ดื่มน้ำน้อยๆนะคะ เพราะห้องน้ำที่นี่ เหม็นมากๆเกือบทุกที่เลย จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆมันไม่ค่อยสะดวก ติดทิชชู่ไปด้วยนะค้าาาา เค้าไม่มีให้
เสร็จแล้วก็ หาอะไรกินเล็กๆน้อยๆ ก่อนขึ้นรถไฟกลับ ขากลับเราไม่ได้นั่งรถไฟด่วนเพราะเวลานี้รถหมด เลยนั่งแบบธรรมดา 3 ชม. ถึง กลับอีกยาววว เพราะเหนื่อยกันมากๆ เดินทั้งวัน ไม่ได้เตรียมรองเท้าผ้าใบมา ถ้าใครจะมาเดินแนะนำรองเท้าผ้าใบนุ่มๆสบายๆเลยนะคะ
หมดไปอีก 1 วันแล้วคะ ^^
วันที่ 3
ตอนเช้า ถึง บ่าย3 ไปงานแต่งเพื่อนคะ จากนั้นก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเดินเล่นที่ห้าง SOGO ระดับห้างประมาณเซ็นทรัล ห้างเก่ากว่าหน่อย แต่มาเพราะมันใกล้ที่พัก มีของขายปกติ ประสาห้างนะคะ เดินนแปบเดียวไปดู MUJI คะ นึกว่าจะถูกกว่าบ้านเรา แต่ราคาพอๆกันเลยหละ แต่ก็ซื้อกลับมาเต็มเลย 555
วันนี้ไม่ค่อยได้เที่ยวเลยคะ พอดีทั้งไปงานแต่ง แล้วตอนเย็นก็ไปกินมื้อเย็นกัน ญาติของเพื่อน แต่ว่าอยากจะรีวิวอาหารร้านนั้นมากๆอร่อยมากๆๆๆๆและถูกมากด้วย อร่อยที่สุดที่กินมาในหลายๆมื้อเลยหละคะ แต่จะถ่ายรูปก็เกรงใจญาติเค้า 555 เลยอดเลย
หลังจากมื้อเย็น ก็ไปตะเวนถ่ายรูปตึก 101 เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเลยนะ แต่ตอนนี้โดนนำละ 555
หมดไปแล้วคะ วันที่ 3 พรุ่งนี้กลับแล้วรู้สึกเหมือนเพิ่งจะมาถึง 5555
เช้าวันที่ 4
ไปช๊อบปิ้ง กินข้าวที่ตึก 101
เป็น shopping mall และ office ด้วย
อาหารแนะนำที่นี่ คือตับหมูนะคะ เราแนะนำเองอันนี้ เพราะมันนุ่ม หอม เป็นวุ้นเลยหละ ไม่มีกลิ่นคาวเลย ฟินที่สุด อยากจะกินทุกมื้อแต่ว่า ก็เปนห่วงร่างกายตัวเองอยู๋ 55555 ไม่มีรูปให้ดูมัวแต่กินจนลืมถ่าย อิอิ
อันนี้ชอบมาก Happy lemon ที่ไทย มีที่ เอเชียทีคนะ ลองไปสั่งที่โน่น รสชาติเหมือนกันเลยคะ อร่อยๆ ชอบที่มีชีสข้างบน เค็มๆ แล้วด้านล่างเป็นชาเขียวหอมๆ มันเข้ากันดี ลองไปชิมดูนะค้าา ชั้น 1 ที่ตึก 101 คะ
ร้านต่อไป ร้าน ICE MONSTER ชื่อเหมือนของบ้านเราเลย แต่ลักษณะต่างกันคะ ของร้านนี้จะเป็นไอศกรีมเกล็ดๆ มี topping เยอะมาก เป็นร้านดังของที่นี่เลย คนต่อคิวเยอะมากกกก เพื่อนเลยพามาลองชิม
รสชาติให้คะแนน 9 เพราะ ไม่ได้อร่อยมาก เหมือนไอศกรีมเกร็ดหิมะทั่วไป บางร้านที่ กทม ยังอร่อยกว่าคะ แต่ที่ให้ 9 เลยเพราะว่า topping เค้ามีให้เลือกเยอะมาก และแต่ละอย่างอร่อยคะ
ลองดูหน้าตาขนมที่ร้านได้บนลิ้งนี้เลย
เสร็จแล้วไปซื้อขนมของฝากที่ร้าน Chiate (เจียเต๋อ) ที่นี่เป็นที่ๆคนส่วนใหญ่มาซื้อของฝากกันนาดนี้คนท้องถิ่นก็มาซื้อกันนะคะใช่ว่ามีแต่นักท่องเที่ยว ที่ไปวันนั้นมีแต่คนไต้หวันซื้อเลย ขึ้นชื่อ เค้กสัปรด เราไม่ชอบกินเลยสัปรดแปรรูปแต่เจอเค้กนี่เข้าไปซื้อมาหลายกล่องเลย 55 แป้งเค้าหอมมากๆ มันลงตัวทุกอย่างเลย เค้กนม ก็อร่อย 2 อย่างนี้ชอบมาก แต่อร่อยทุกอย่างเลยหละคะ คนเลยต่อคิวกันเยอะ
พอซื้อขนมเสร็จก็ ไปสนามบินเลย หมดทริปนี้แล้วค่า ยังไม่อยากกลับบ้านเลย ชอบที่นี่เหมือนกันนะ อยู่สบายๆข้าวของไม่แพง อาหารอร่อย ขนมเยอะดี ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาดูนะคะ ผิดพลาดประการใดแนะนำได้เลย ไว้ทริปหน้าจะเอามาปรับปรุงค่า
ปล** ถ้าใครที่ไม่ชอบไปเที่ยวแล้วเจอคนไทยเยอะๆ แนะนำที่ไต้หวันเลยคะ เราไป ไม่เจอคนไทยเลยซักคน
ขอบพระคุณรุปส่วนหนึ่งจากตากล้องมือฉมัง พี่ PipPO ด้วยนะค้าาาาา
มีรูปเก็บตกด้วยค่าาาาา