สิงค์โปรจ๋าชั้นมาล๊าวววว !!! ฉบับ URBAN DESIGN ON TOUR
khaunkhao84นี้เป็นการออกนอกประเทศรั้งแรกของเรา ตื่นเต้วววจุงงงเบยย อิอิ ในการไปครั้งนี้เป็นการออกไปเรียนนอกห้องเรียน(นอกประเทศ)ครั้งแรก ค่าใช้จ่ายจึงไม่สูงมากเนื่องจากเป็นงบประมาณในราคานิสิตนักศึกษาเอื้อมถึง เพราะ LOW COST ได้อีก ไปเอามันส์เอาเมื่อยทรหดอดทนกันอย่างเดียว ใครอยากไปเที่ยวสบายๆ ข้ามกระทู้นี้เลยค่ะ 5555การไปครั้งนี้ไปเมื่อเดือนมีนาคม ช่วงปลายเดือน (เพิ่งจะมาทำรีวิวเนี้ยนะย่ะ ??? ) 555 ดองไว้นานเนื่องจากเพิ่งผ่านพ้นช่วงมรสุม คือการ ทำ thesis จบ โปรดเข้าใจดาวด้วยนะคะ งบประมาณในการไปครั้งนี้
ค่าตั๋วและค่าที่พัก 6,000 บาทไทย
Pocket Money 15,000 (ใช้2คนกับแฟนค่ะ) (ไหนบอกโลคอสย๊ะ??? ค่าตั๋วกะที่พักแพงเชียววววว ) เดี๋ยวๆจะเล่าให้ฟัง ก่อน คือ ทริปนี้จัดขึ้นเนื่องจากอาจารย์ประจำรายวิชาอยากพานักศึกษาชั้นปีที่ 5 (ชั้นปีสุดท้าย ของคณะสถาปัตยกรรม อย่าเพิ่งว่าเราโง่ที่เรียน 5ปี แต่หลักสูตรถาปัตย์มัน 5ปีจรีงๆนะ) ไปติสแตกที่ต่างประเทศไปดูบ้านเมืองเค้าว่าพัฒนาไปในรูปแบบไหนเพื่อที่จะเอาข้อมูลมาทำ thesis ตอนแรกนึกว่าเอาขำๆไปๆมาๆ เห้ยเอาจริงวะ จัดตั้งเหรัญญิกในการเก็บเงินและแต่งตั้งเราเป็นแม่งานในการจัดการทุกสิ่งอย่าง ทั้งจองตั๋ว ที่พัก และทวงเงินเพื่อนๆ (อันนี้ยากสุด หน้าไม่ด้านพอทำไม่ได้นะ 55555) ก้อเก็บเงินกัน มีการจะไปเปิดบัญชีด้วยนะ 55555 แต่เหมือนจะล่มค่ะ เรื่องเงียบไปพักใหญ่เพราะติดเรียน งานก้อเยอะมาก จนอาจารย์ถามว่าเก็บเงินถึงไหนแล้ว ??? เท่านั่นแหละ เงียบกันทั้งห้อง 555555 เพื่อนๆก้อพากันถอดใจไปหลายคนเพราะเรื่องเงินและเรื่อง thesis แต่ เราเองไ่ม่มีการถอดใจ เพื่อนไม่ไปไม่เปนไรแต่ชั้นจะไป จนเข้าวีคสุดท้ายที่พรีเซนหัวข้อว่าใครจะได้ขึ้นพรีเซนอาจารย์ก้อถามมาว่าสรุปจะเอาไงกัน นี้ก้อพูดเลยว่าหนูไปค่ะใครไม่ไปก้อไม่ต้องไป แต่อาจารย์เราอยากให้พวกเราไปกันเยอะๆเท่าที่จะทำได้ ถึงขนาดออกเงินให้นักศึกษาก่อน(ใจดีมากกกกก หล่อเบยยยย5555) ตอนแรกจะไปกัน 9 คน คือนักศึกษา 7 อาจารย์ ๅ แฟนอาารย์ 1 แต่มีงานเพิ่ม มาอีก 2 คน (ตอนเนี้ยแหละที่มันทำให้แพง คือ พวกเรา 9 คนได้จองตั๋วไปแล้ว แต่ 2 คนหลังมาจองเพิ่มทีหลัง แล้วค่าตั๋วมันแพงมาก 6,000 อาจารย์ก้อไม่กล้าเก็บเงินในส่วนของสองคนหลังแบบเต็มจำนวณเลยมาถัวเฉลี่ยกับพวกเราให้พวกเราจ่ายให้เพื่อนหน่อย ซึ่งเราก้อโอเค จ่ายให้เพื่อนก้อได้ไม่กี่บาทเพื่อนจะได้ไปด้วย ) สรุปงานนี้ไปกันทั้งหมด ๅๅ คน นักศึกษา 9 คน อาจารย์ ๅ แฟนอาารย์ 1 อินโทรยาวเว่อออออ555 จริงๆปัญหามันมีเยอะมาก แต่เล่าแค่นี้พอเด่วจะเบื่อกันซะก่อน ดราม่าหนักมาก 555 รูปทั้งหมด ถ่ายจากกล้องหลายตัวมาก และไม่ได้แต่งรูปเลยเพื่อความเรียลล 555555
นัดกันที่สนามบิน 6 โมงเช้า เผื่อเลท เพราะเครื่องออก 9 โมง ยาวววปายยยยยยย
ก็ทำการเชคอินโหลดกระเป๋ากรอกแบบฟร์อมสแกนกระเป๋าตรวจพาสปอส ตามระเบียบ(ดูหน้าพวกแกสิ ตื่นกันรึยัง??555 ต้องถามว่าได้นอนกันรึยังดีกว่า 5555) เดินผ่านดิวตี้ฟรีใจนี่สั่นระรัวววว เป็นังหวะ EDM เลยย แต่ต้องกลั้นใจไว้ เพราะแฟนเดินขนาบข้างคอยจิกอยู่ตลอด5555
หลับไป 2 ตื่น ถึงสิงคโปรแล้วละแกรรรรรรรรรรรรรร (วันทีไปพายุเข้าค่ะ ลีกวนยูเสียชีวิตพอดีด้วย ท้องฟ้าขมุกขมัวได้อีก) พอถึงสนามบินก้อเดินเข้าด่านตรวจเมือง ผ่าน ตม. ปกติ คนโล่งมาก แล้วก้อเดินเข้าไปเอากระเป๋า แล้วก้อนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปที่พัก (ตรงเนี้ยืมถ่ายรูปมาเพราะมัวแต่วุ่นวายกับเครื่องยอดตั๋วอยู่ เพราะคนเยอะมากแถวยาวด้วย และตกลงกันไม่ได้ว่าจะยอดแบบปกติ หรือซื้อ บัตร E-Z link ดี สรุปก้อต้องซื้อแบบรายวัน แต่บัตรเค้าดีอย่าง คือถ้าใช้บัตรเดิมเติมเงินเที่ยวต่อไปจะราคาลดลงอีก 10 เซน จนกว่าจะครบ 1 วันถึงต้องซื้อบัตรใหม่ (ซื้อ 10 โมงเช้าวันนี้ หมด 10 โมงเช้าพรุ่งนี้นะคะ ) ที่พักเราพักแถวไชน่าทาว ห่างจากสถานีประมาน 300 เมตร
ขึ้นมาก้อจะเห็นไชน่าทาวน์ ที่พักเราเดินไปจนสุดทางแล้วเลี่ยวซ้ายก้อเจอ เราพักที่ 5footway.In สาขา 2
ทางขึ้น - ลง สถานี รถไฟฟ้าใต้ดิน
สุดทางแล้วววคร้าาา
ที่พักเราอยู่ฝั่งขวามือ รถ 6 ล้อบังอยู่ แล้วเราก้อเข้าเชคอิน เก็บของ(ลืมถ่ายรูปตรงนี้มาอีกละ แกจะหาข้ออ้างอะไรอีกย่ะ !!!555) นั่งพักแปปนึงแล้วก้อเตรียมตัวออกไปทรามานตัวเองแบเต็มพิกัด (ไม่สบายด้วยคร้า ร่างกายปรับสมดุลไม่ทันเพราะอดนอนสะสมมาก่อนเดินทางมากพอสมควร งานนี้ควรพกยาไปด้วยนะคะเพราะเราหาซื้อยาแทบไม่ได้เลย แต่เราโชคดีคุณแฟนเตรียมไว้ให้ก่อนมา น่ารักป่ะล๊าาา 5555 )
เอารูปห้องมาให้ดู (รูปจากในเน็ตนะ แต่เรานอนห้องนี้ กับเพื่อนผู้หญิงอีกคน แต่ความสะอาดนี้พอนอนได้ให้พ้นคืน ห้องอับได้อีก เพราะมันเป็นโฮสต์เทลห้องน้ำรวม แต่แยก ช ญ นะ คืนละ 800 ได้มั้ง แพงเว่อ ไปนอน fragrance หรือ hotel81 หรือ ruby แบบมีห้องน้ำในตัวนอนห้องละ2คนย่าน เกลังได้สบาย แต่อย่างว่าเรื่องทำเลก้อเป็นเรื่องสำคัญ สิงคโปรเมืองเค้าปลอดภัยมาก แต่แฟนอาจารย์เราจะพักที่นี้ก้อต้องยอมเค้า)
ส่วนนี้ก้อจะเป็นห้องของเพื่อนผช แต่มี อีก 3 คนได้ไปนอนแจมกะแขกฝรั่ง ซึ่งก้อมีแฟนเรา เพื่อนเรา และพี่ปี6 อีกคน แต่แฟนเรานางทนกลิ่นทีนเพื่อนร่วมห้องไม่ได้เลยขอมานอนด้วย สรุปห้องเราอัดสามค่ะ
เดินออกมาจากที่พักก้อถ่ายรูปอาคารไปเรื่อยเปื่อย นี้เป็นวัดที่อยู่แถวย่านนั้น ตอนแรก กะจะไหว้พระก่อน แต่อาจารย์บอกค่อยกลับมาไหว้ เราต้องไป The URACenter เพื่อที่จะไปดูผังเมืองของเค้า เพราะจุดประสงค์ที่เราไปคือเพื่อดูการพัฒนาเมืองตามแบบฉบับ เด็กผังเมืองคร้าาา
จากนี้จะเป็นการ โชว์รูปรัวๆ อย่างเดียวเลยค่ะ
คือ ณ จุดๆนี้ มันไม่ได้ไกลจากที่พักเลยแต่ พากันเดินอ้อม หรือ หลงนั่นเอง 55555555555 ไว้อาลัยให้หัวหน้าทีมพร๊บบบ TT แต่ถือซะว่าเดินดูเมือง 55555555
ถ่ายรูปกันมันส์มาก เมืองเค้าดีมากกกกกกกกกกกกกกก ของไทยก้อมีนะแบบนี้ อยู่ที่ กม2. แต่สถานที่จัดแสดงของเค้ากินขาดมาก อยากให้ไทยพัฒนาได้อย่างนี้บ้าง
ใช้เวลาอยู่ในนี้นานมากกกกกกกกกกกก พอออกจากที่นี้ก้อเดินไป Marina Bay Sands จากนี้ก้อเป็นเก็บภาพรัวๆ กางขาตั้งกล้องทุกๆ 200 เมตรเลยว่าได้555555
ถึงตรงนี้คือเดินเมื่อยมากกกกกกกกกกกกกก ปวดขาขั้นสุด เพราะเราเดินกันอย่างเดียวเลยเพื่อเก็บรายละเอียด มาถึงที่นี้สิ่งแรกคือวิ่งเข้า 7-11 เรากับแฟนเป็นหน่วยลองของแปลก คือซื้อน้ำแปลกๆตลอดที่ไม่เคยกิน ถามว่าที่เดินมาไม่กินไรกันเลยหรอ เราพักทานข้าวกันที่โรงอาหาร แถวๆURA ก่อนเดินมา มารีน่าเบย์ค่ะ ข้าวมันไก่ไม่อร่อยเลยข้าวแข็งมาก แพงอีก แต่เราประหยัดที่สั่งจานเดียวกิน 2 คน ถามว่าอิ่มมั๊ยไม่เลย แต่ต้องทนเพราะเปลือง 555555 งกไปอีก งานนี้เน้นน้ำอย่างเดียว เพราะของกินที่นี้แพงมาก แล้วไม่อร่อยด้วยเลยรู้สึกเสียดายตังที่ต้องจ่าย (จ่ายแพงแล้วยังไม่อร่อยอีก)
หลังจากเดินมาจนจะมืดแล้ว ก้อแวะเดินเล่นในมารีน่าเบย์จนเหงื่อแห้งแล้ว ก้อพากันไปซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปดูวิวบนตึก (ตอนนี้คือร่างเราไม่ไหวแล้ว หงอยสุดๆ ) ค่าบัตร ตีเป็นเงินไทยแล้ว ประมาณ 500 กว่าบาท ถ้าถามว่าดีมั๊ยพูดเลยว่า เราเสียดายเงิน 500 มาก 5555555 แต่เอานะไหนๆก้อมาแล้ว ขึ้นๆไปเถอะ 55555
คืนแรกสิ้นสุดการเดินทางที่ Clark Quay แวะทานแมคโดนัล ( ค้นพบอีกอย่างคือแมคโดดัลถูกกว่าข้าวเยอะมากกกกกกก) กันก่อนกับที่พัก ซึ่งเวลาตอนนี้ก้อเที่ยงคืนแล้ว แต่ดีที่รถไฟฟ้าบ้านเค้าวิ่งกันตลอด 24 ชม. ขากลับเลยสบายหน่อยขึ้นรถไฟฟที่ห้างเซนทรัลตรง Clark Quay ได้เลย แต่เดินลงบันไดธรรมดานะ เกือบเป็นลม
เช้าวันที่สอง ตื่นนอนกันประมาน 8 โมง อาจารย์ไล่ปลุกทุกห้อง ให้เด็กๆตื่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้ อาบน้ำแต่งตัวทานอาหารเช้าเสดก็เกือบ 9 โมง กว่าจะรวมตัวกันได้ วุ่นวายปานเด็กอนุบาลหมีน้อย 5555 (วันนี้เป็นวันนรกพอกันกับเมื่อวาน เราขี้มูกไหลทั้งวัน เดินไปจะหลับไปนั่งพักที่ไหนหลับตรงนั่นเพราะเพลีย บวกกับทานยาลดน้ำมูกอีก เอวังเลยวันนี้ แล้วเราก้อเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีไชน่าทาวน์เพื่อที่จะไป เซนโตซ่า ในใจนี้อยากแวะ ยูนิเวิล์ดเซิลสตูดิโอมาก แต่ก้อไม่ได้แวะเพราะเวลาไม่พอ อาจารย์จะพาไปขึ้นกระเช้า(แฟนอ.อยากขึ้น) แต่โดนพวกเราปฎิเสธแบบรุนแรงเนื่องจากค่าบัตรแพงมาก เลยอดกันไปตามระเบียบ จะพากันเดินไป ฮาร์เดอสัน เวฟ ตอนแรกจะเดินค้าาา แต่ดูแผนที่แล้ว แม่งไกลวะ เลยต้องนั่งรถบัส เพราะรถไฟฟ้าไปไม่ถึง พอขึ้นรถปุ๊บ เราก้อหลับเลยจ้า ไม่แคร์อะไรใดๆทั้งสิ้น555555 5นาทีก้อเอาอะนาทีนี้
ออกจากฮาร์เดอสันเวฟเราก้อนั่งรถบัสไปบูกิสต่อ ระหว่างทางเป็นการนั่งรถรอบเมือง แต่เราหลับค่ะ(ตื่นมาโดนอาจารย์บ่นด้วยว่าให้ดูเมืองแต่มาหลับ ก้อไม่ไหวนี้น่ากินยาลดน้ำมูกมาจะทนไหวหราาาา) จุดประสงค์ที่มาบูกิสคือเอาพวกเรามาปล่อยให้ชอปปิ้งกินข้าวได้ตามอัธยาศัย ซึ่งวันนี้อาหารที่ค้นพบว่าราคาถูกกว่าข้าวมันไก่คือ KFC 555555555555555555 เมืองไทยก้อมีป่ะแกรรรรรรรรรรรรรร เอาน่ามันราคาถูกกว่าข้าวอะกินๆไปเถอะ ตังอะเก็บไว้ช๊อปเถอะ
หลังจากกินข้าวช๊อปปิ้งที่บูกิสจนหนำใจแล้วก้อเดินทางมาจุดพีคของเราคือการนั่งรถไฟมาเสียเงินที่ถนน ออร์ชาดโร้ด 555555555555 จากนี้จะไม่ค่อยมีรูปแล้วละ เพราะเสียเงินจนลืมถ่ายรูป ใครฝากซื้ออะไรมาก้อมาซื้อที่นี้
หลังจากเดินช๊อปเสดอาจารย์นัดรวมที่โรงอาหารก่อนเดินเข้าออร์ชาดโร้ด ตอน 3 ทุ่ม เราก้อเดินซื้อของอะไรเสดหมดแล้ว มานั่งกินข้าวรอ ซึ่งก้อคือข้าวมันไก่นั่นแหละ กี่ร้านๆก้อไม่อร่อย 5555555 นั่งรอจน 5 ทุ่มถึงมากันครบ แต่ก้อดี ได้นั่งพัก ห้างพารากอนสิงคโปรมีเนตฟรีด้วยดีตรงนี้ ของที่นี้ราคาถูกกว่าเมืองไทยไม่เยอะมาก แต่ถ้าลดราคาก้อเยอะอยู่ ถ้าเมืองไทยลดก้อพอๆกัน เผลอๆเมืองไทยถูกกว่า คือง่ายๆว่าไม่มีอะไรราคาถูกเลยยยยยย ยกเว้น Charles & Keith ที่ลด แต่ที่นี้ดีอย่าง ซื้อของครบ 100 เหรียญ ได้แท็กรีฟันคืน แต่ต้องร้านเดียวกันนะ (ซื้อรวมกันกับเพื่อนได้ค่อยมาแบ่งเงินกันทีหลัง) ใครที่หวังไปกะไม่เจอคนไทยล้มเลิกความคิดเลยนะคะ คนไทยเยอะมากกกกกกกกกกกกก อารมณ์เหมือนสยามบ้านเราค่ะ
เช้าวันสุดท้ายกลับมามารีน่าเบย์อีกรอบ เพราะวันนี้จะเข้าไปดูสวนของมารีน่าเบย์ และเป็นวันเดินทางกลับด้วยเลยมีเวลาครึ่งวันในการเที่ยว แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ฝนตกค้าาาาาาาาาาาาาาาเดินได้แปปเดียวติดฝนที่สวนออกมากันไม่ได้เลยพากันไปหลบฝนที่โรงอาหารของสวน ติดอยู่ในนั้นเกือบ 3 ชม. แล้วมันก้อใกล้เวลาไปเชคอินที่สนามบินแล้ว ยังไม่กลับที่พักกันเลย เลยจำเป็นต้องตากฝนกลับที่พัก เดินลุยฝนตัวเปียกไปขึ้นรถไฟฟ้าที่มารีน่าเบย์ แต่ไม่ไหวรอขึ้นแท็กซี่จากสวนไปที่พักลยดีกว่าน่าจะโอเคเพราะมันไม่ไกลมาก พอตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ปุ๊บขับออกมาจากสวนรถติดจ้าเพราะวันนั้นเป็นวันเผาศพ ลีกวนยู แล้วมิเตอร์ก้อขึ้นเอาๆแล้วแพงมากกกกกก เรียกว่าไปสิงคโปรครั้งแรกนี้ครบรถจริงๆ รถไฟฟ้า รถบัส แท็กซี่ครบจ้า สรุปต้องให้เค้าวนไปส่งที่มารีน่าเบย์ในส่วนที่เปนโรงแรมเหมือนเดิมเพื่อนั่งรถไฟฟ้า 5555555 แต่ประเด็นสำคัญคือ รองเท้าเจ้ากรรมของดิชั้นเปิดค่ะ หลุดเป็นแผ่นๆใส่เดินต่อไม่ได้จึงต้องเดินเท้าเปล่า โอ้ยยย อะไรจะดราม่าขนาดน้านแม่คุณ จึงต้องเดินหาซื้รองเท้าใหม่ สรุปไม่ได้สักคู่ เพราะมันแพง 5555555 ไปได้ใส่ตอนถึงที่พักแล้ว เพราะซื้อที่ไชน่าทาวน์ คู่ 200 ใส่ประทังชีวิตกลับประเทศไทย 5555555555
จริงๆเรื่องราวมันส์โหดมันส์ฮาเยอะมากแต่เรากลัวมันจะเยอะและนอกเรื่องไปไกลเพราะบางอย่างบางช่วงเวลาเราก้อลืม 555555555555 ผิดพลาดประการใดขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะค่ะ ไม่เข้าใจตรงไหนอะไรยังไงถามมาได้เลยเรายินดีตอบเท่าที่เรารู้ เพราะที่เรารีวิวไปไม่ได้ละเอียดเท่าไหร่เปนการโชว์รูปเอาซะมากกว่า (ขนาดโชว์รูปยังไม่ละเอียดเลย 5555555) ไว้คราวหน้าได้ไปไหนอีก จะมารีวิวแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่านี้ เพราะครั้งนี้ที่ไปมันไม่พร้อมเอาซะเลย ยังไงก้อฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
สิงคโปรจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาา ไว้คราวหน้าเจอกันน๊าาาาาาาาาาาจุ๊ฟๆๆๆๆ
มาแก้ไขเพิ่มเติม Pocket money ที่พกไป เหลือกลับมา เป็นหมื่นค่ะ สรุป 2 คนรวมช็อปปิ้งแล้ว หมดไปแค่ 5,000 กว่าบาท ค่ากินบวกค่ารถไฟฟ้า 2 คน หมดประมาณ 2,000 กว่าบาทเอง ประหยัดมากๆเลย
นี้คือของที่สอยมาทั้งหมดในเงินประมาน 3,000 กว่าบาทได้ เยอะอยู่น่า ประเป๋าหมดเลยยกเว้นถุงเล็กเป็นแว่นตาของเพื่อนที่ฝากซื้อ
Discussion (4)