REVIEW : Skincare Routine (2015) 8 ขั้นตอนดูแลผิวหน้าให้ใสกิ๊กในวัย 28
joobukiss 47 24สวัสดีค่ะ!
บอกไว้ก่อนว่าหนอนไม่ใช่บิวตี้กูรู
แล้วก็ไปหามาลองใช้เอง โดยจะดูจากคนที่มีสภาพผิวใกล้เคียงกัน
วันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดี เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นประจำมา 8 ตัว ที่หนอนรู้สึกว่าใช้แล้วได้ผลจริง
ยังไงก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นอีกทางเลือกนึงที่จะช่วยสาวๆในการเลือกสกินแคร์กันนะคะ
1. Kose Softymo Deep Cleansing Oil ปริมาณ 230 มล./ ราคา 320 บาท
คะแนน : 10/10 (ถูกและดี)
ออยล์สำหรับล้างเครื่องสำอางยี่ห้อนี้ทำออกมาหลายสูตร คอนเฟิร์มว่าสูตร Deep เด็ดดวงสุด นวดตามแนวรูขุมขนตอนหน้าแห้ง ระวังอย่านวดย้อนรูขุมขนนะคะ...เดี๋ยวเจอสิวอุดตันแถมริ้วรอยอีก สักพักเอาน้ำแตะนวดต่อกลายเป็นน้ำนมแล้วค่อยล้างออก
2. SANA Nameraka Honpo Cleansing Foam ปริมาณ 150 กรัม/ ราคา 700 เยน
คะแนน : 10/10 (ซื้อซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะพบของใหม่ที่ใช่กว่า)
เลิฟมาก!
3. Biotherm Life Plankton Essence ปริมาณ 125 มล./ ราคา 2,500 บาท
คะแนน : 9/10 (หักคะแนนตรงที่ซึมเข้าผิวช้าไปหน่อย)
นางเอกของชั้น! ยอมรับว่าซื้อมาใช้เพราะทนกระแสไม่ไหวจริงๆ
4. Sulwhasoo First Care Activating Serum ปริมาณ 60 มล./ ราคา 2,500 บาท
คะแนน : 9/10 (ปลื้มพอพอกับตัวบนเลยแต่ผลลัพธ์ยังไม่เท่า)
ตัวนี้ใช้เป็นตัวแรกในขั้นตอนการบำรุงเลยค่ะ ส่วนผสมหลักจะเป็นโสมและตามมาด้วยสมุนไพรนานาชนิดที่มีสารสกัดอันเป็นประโยชน์ต่อผิว (รายละเอียดลองหาอ่านในเน็ตกันดูนะคะ...มีคนรีวิวไว้เยอะเลย) วันนี้จะมาพูดถึงประสบการณ์จากการใช้ อย่างแรกคือเนื้อเซรั่มค่อนข้างซึมเร็ว รู้สึกสบายผิวเวลาใช้บำรุงก่อนนอน และไม่ทำให้หน้าเยิ้มในตอนกลางวัน สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น สาวผิวมันจะต้องรัก แต่ด้วยความที่เป็น pre-serum พอเซรั่มซึมเข้าผิวจะรู้สึกว่าผิวตึง แล้วค่อยบำรุงต่อด้วยตัวอื่นๆอีก ผลลัพธ์หลังการใช้คือ รอยแดงลดลง ผิวแข็งแรงขึ้น เนียนละเอียดขึ้นอย่างชัดเจน
5. Innisfree Green Tea Seed Serum ปริมาณ 80 มล./ ราคา 22,000 วอน
คะแนน : 8/10 (ผลลัพธ์ผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับน่าพอใจ)
เป็นเครื่องสำอางออร์แกนิคยี่ห้อโปรดเลยก็ว่าได้ มีไลน์ผลิตภัณฑ์ให้เลือกเยอะดี ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าผลิตภัณฑ์ของเค้าปลอดภัยเพราะใช้สารสกัดจากพืชธรรมชาติปลอดสารพิษที่ปลูกอยู่บนเกาะเจจูโน่นแน่ะ! แค่ได้ยินว่าปลอดสารพิษก็น่าสนใจแล้ว
6. Innisfree Olive Real Essential Rich Oil ปริมาณ 30 มล./ ราคา 27,000 วอน
คะแนน : 10/10 (ตั้งแต่ใช้ออยล์มาก็ชอบตัวนี้ที่สุด)
เนื่องจากว่าสภาพผิวเป็นแบบผิวผสม ช่วง T โซนจะมัน (แต่ไม่มาก) ส่วนบริเวณ U โซนจะค่อนข้างแห้ง จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วย และคงจะหนีไม่พ้นสกินแคร์ประเภทออยล์ ที่ผ่านมาก็ใช้อยู่หลายตัว ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องแบรนด์ไหนเป็นพิเศษ แต่มาตกหลุมรักของ Innisfree เพราะกลิ่น (อีกแล้ว) หอมแบบสดชื่นราวกับอยู่ในสปา
7. Kanebo ALLIE UV Protector Gel (Mineral Moist) ปริมาณ 60 กรัม/ ราคา 1,150 บาท
คะแนน :9/10 (หักคะแนนตรงกลิ่นแอลกอฮอล์แอบแรง)
ครีมกันแดดตัวนี้จะคล้ายกับ Shiseido Anessa Perfect Essence Sunscreen ในราคาที่ถูกกว่า (นิดหน่อย) เวลาทาหน้าจะผ่องขึ้น ช่วยปกปิดรอยแดงได้เล็กน้อย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารบำรุงอะไรมากมาย แต่จะเน้นให้ความชุ่มชื้น ผิวจะดูฉ่ำเงาแต่ไม่มันเยิ้มระหว่างวัน เพราะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ค่อนข้างเยอะ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ปลื้มกลิ่น หากเทียบกับ Shiseido Anessa Perfect Essence Sunscreen กลิ่นแอลกอฮอล์จะเบาบางกว่า แต่ทาแล้วหน้าผ่องกว่า สำหรับใครที่ผิวหน้าไม่ค่อยมีปัญหาอะไร...อยากจะใช้แทนเบสก็ได้อยู่นะคะ
8. ETUDE HOUSE Dust Cut Finish Cream ปริมาณ 65 กรัม/ ราคา 1,055 บาท
คะแนน : 10/10 (จากสิ่งที่คิดว่าไม่จำเป็น...ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้)
ลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีหน้าที่ปกป้องผิวของเราจากฝุ่นละอองและสารเคมีจากเครื่องสำอาง เมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยว่าขั้นตอนนี้จะจำเป็นกับชีวิต แต่พอได้ลองใช้ก็ติดใจเพราะนอกจากจะช่วยปกป้องผิวแล้ว ยังทำให้การลงเบสและรองพื้นง่ายขึ้น เรียบเนียนขึ้นในกรณีที่ถนัดใช้นิ้วเกลียรองพื้น แถมตอนล้างออกก็ง่ายกว่าเดิมด้วย ไม่ต้องถูไถใช้ความรุนแรงใดใด นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทาเคลือบผิวหลังการบำรุงก่อนนอน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าสัมผัสกับไรและฝุ่นบนหมอนโดยตรงด้วย โอ้โห!
สภาพผิวหน้าหลังล้างหน้าด้วยโฟมเต้าหู้ในตอนเช้า
สรุป
- เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ลดปัญหาสารเคมีตกค้างบนผิวหน้า
- การทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี ป้องกันสิวอุดตันและริ้วรอย
- ลดประมาณการใช้สำลีกับผิวหน้า ใช้เท่าที่จำเป็น
- ห้าม'ขี้เกียจ' ขั้นตอนอาจจะดูยุ่งยาก หากทำเป็นประจำก็จะชินเองเนอะ