15 สิ่งใช้ประจำ… ที่ต้องซื้อซ้ำ 2015
iamlookkwan4617สวัสดีคร่า... สาวๆ จีบัน
นี่คือกระทู้แรกของ LookKwan สำหรับการรีวิวใน Jeban.com นะคะ
(ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ)
วันนี้อยากจะมาแนะนำผลิตภัณฑ์ 15 สิ่ง ที่ขวัญใช้อยู่เป็นประจำ และซื้อซ้ำในปี 2015 ค่ะ
มาเริ่มสิ่งแรกเลยดีกว่าค่ะ
1. ขนตาปลอม COSLUXE
ที่ขวัญปลื้ม และใช้ประจำ ใช้ตลอดคือ No. 1-04 นะคะ 1-01 บ้างเป็นบางครั้ง
ราคา 80-120 บาท แล้วแต่แหล่งค่ะ หาซื้อได้ตามร้าน beauty ทั่วๆ ไป
ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ใช้อยู่เป็นของ Beauty Buffet และ บอกต่อ ค่ะ
Beauty Buffet บริเวณก้านแข็งไปนิด เทียบกับเจ้านี่ไม่ได้เลย
ส่วน บอกต่อ ถ้าเป็นรุ่นประหยัด แบบ 10 คู่ คุณภาพจะไม่เท่า แบบคู่เดียว
บริเวณก้านเป็นแบบใสก็จริง แต่ก็ยังแข็งอยู่ถ้าเทียบกับ COSLUXE
ซึ่งขวัญเพิ่งมาเจอเจ้านี่เมื่อปลายปี 2014 ค่ะ ครั้งแรกซื้อมาคู่ละ 120 บาท
ลองใช้ครั้งแรก พูดเลยว่าปลื้มค่ะ เค้าบางเบาติดง่ายที่สุด
บริเวณก้านหรือเส้นตรงโคนขนตาเป็นแบบใสๆ และบางมากๆ (ประทับใจตรงนี้)
และที่สำคัญ ติดซ้ำได้หลายครั้งค่ะ เคยลองมาแล้ว 1 คู่ ใช้ไปทั้งหมด 5 ครั้ง
สภาพนางยังได้อยู่เลย.. สำหรับขวัญชอบ No. 1-04 ที่สุดค่ะ ดูบางเบาดี และ ธรรมชาติสุดๆ ด้วย
2. กาวติดขนตาปลอมสีดำ ยี่ห้อ GINO McCRAY The Artist False Eyelash Adhesive จาก Beauty Buffet
ราคา 200 กว่าบาท (ถ้าสอยช่วงโปรจะคุัมมากๆ ค่ะ)
ขวัญใช้มานานมากๆ แล้ว… ตั้งแต่เริ่มอยากติดขนตาครั้งแรก เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว
ก็ลองซื้อมาใช้ดู แล้วก็ใช้มาตลอดค่ะ (ตอนนั้นก็ซื้อคู่กับขนตาปลอม)
ที่ชอบเพราะ มันเป็นสีดำเหมือนอายไลน์เนอร์ ติดทนพอสมควร
กลิ่นไม่ฉุน ไม่แสบตา ไม่ระคายเคือง
ลอกออกง่ายมากๆ ส่วนที่เลอะเทอะก็เช็ดออกได้ง่ายค่ะ
เคยลองของแถมที่ให้มากับขนตาตลาดนัด อันนั้นมันแสบตามาก (กลัวตาบอดค่ะ)
แล้วก็ของแบรนด์อะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นสีขาวๆ ติดทนแน่นมาก แต่ก็แกะออกยากมากค่ะ
(กว่าจะแกะได้ ตาระบม)
ไม่กล้าลองของแบรนด์อื่นๆ เลย เพราะ ชื่นชอบตัวนี้ และปลื้มมากๆ แล้ว
3. ลิปบาล์ม "Rosebud Salve Lip Balm"
ราคา 400 กว่าๆ ขวัญซื้อที่ Matsumoto Kiyoshi ค่ะ
(ที่มี 2 อัน เพราะว่าทำหายไป หาไม่เจอเลยไปซื้อใหม่ พอซื้อมาใหม่ก็หาอันเดิมเจอซะงั้น T_T)
เพิ่งได้ลองใช้เมื่อกลางปี 2014 มีน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งแนะนำมา บอกให้ลองใช้ดู
ปกติระหว่างวันขวัญจะไม่ค่อยเติมลิปสติกสีค่ะ จะชอบทาลิปบาล์มมากกว่า
เพราะทำงานให้ห้องแอร์ ดื่มน้ำน้อยด้วย ปากก็จะแห้งได้ง่ายค่ะ จะต้องทาลิปบ่อยๆ
แต่พอได้ทาเจ้านี่ ทาเช้า เที่ยง เย็น ก่อนนอน เท่านั้นค่ะ (หรือไม่ก็เช้าและก่อนนอนเลย)
ทีแรก… ก่อนซื้อเห็นราคาก็ แอบคิดและตัดสินใจอยู่นาน เพราะแอบสูงอยู่เหมือนกัน
แต่ดูปริมาณแล้วมันก็ใช้ได้นานจริงๆ ค่ะ ขวัญว่าตลับนึงเกือบปีแน่นอน (นี่ทาบ่อยๆ นะคะ)
ที่ชอบและปลื้มเจ้าลิปบาล์มตัวนี้มี เพราะมีส่วนผสมของน้ำมันกุหลาบ
(กลิ่นกุหลาบหอมๆ ค่ะ ทาแล้วหอมสดชื่น)
และสีชมพูอมแดงอ่อนๆ ทาริมฝีปากแล้วดูชมพูสดใสดีค่ะ และ แพ็คเกจดูดีด้วยค่ะ
อ่อเจ้าตัวนี้ยังสามารถใช้ทาได้หลายอย่างเลยนะคะ
เช่น ผิวแห้งตามข้อศอก แผลไฟไหม้ ทามือให้นุ่ม
ทาแทนมอยส์เจอไรเซอร์หรือใช้ทาเปลือกตาก่อนลงเมคอัพ ก็จะช่วยให้สีตาติดสวยทั้งวันเลย
4. ครีมกันแดด Provamed Sun Face SPF 50 PA+
ราคาไม่เกิน 300บาท (จำไม่ได้แล้ว) ขวัญซื้อที่ร้านวัตสันค่ะ
เพิ่งได้ลองใช้เมื่อปลายปี 2014 ค่ะ
ก่อนหน้านี้ไม่ชอบใช้กันแดดเลย เพราะมันเหนอะหนะจริงๆ บ้างก็ทำให้หน้ามัน หน้าวอก
เคยลองใช้มาหลายแบรนด์ก็ไม่ถูกใจ และคิดว่า BB ที่ใช้มี SPF 40 PA+++ แล้ว น่าจะเอาอยู่
แต่พอเริ่มอายุมาก และเริ่มเห็นว่าบนใบหน้ามีกระ มีฝ้า
จึงลองหาผลิตภัณฑ์กันแดดมาใช้อย่างจริงจังค่ะ
เลยเจอเจ้านี่ ซึ่งที่ชอบเพราะสีจะคล้ายๆ สีผิวเรา ไม่ใช่สีชาว กลิ่นหอมไม่ฉุน
ไม่เหนียวเหนอหนะ บางเบามากๆ ค่ะ
ทาแล้วหายไปกับตาเหมือนไม่ได้ทาเลย ไม่ทิ้งคราบใดๆ ไว้บนใบหน้า ใช้ทาทับหลังแต่งหน้าได้
และที่สำคัญ ราคาไม่แพงค่ะ เห็นหลอดเล็กๆ แบบนี้ใช้ได้นานพอสมควรนะคะ^^
5. คอนซีลเลอร์เนื้อครีม "Catrice Allround Concealer"
ราคา 200 นิดๆ ซื้อได้ที่ร้านวัตสัน บูธ หรือ ร้าน beauty ทั่วๆ ไป
ใช้มาปีกว่าๆ … ที่ซื้อเพราะเห็นว่ามันสีสวยดี (อันนี้พูดตรงๆ )
ตอนนั้นซื้อมายังไม่รู้เลยว่าจะใช้ยังไง ใช้ทาส่วนไหนได้บ้าง
ด้านหลังก็เป็นภาษาเยอรมันซะงั้น แปลไม่ออก
ส่วนใหญ่ที่ใช้คือ 3 สีด้านขวาค่ะ สีที่ 3 (ตรงกลาง)
ขวัญจะใช้เป็นคอนซีลเลอร์สำหรับดั้งก่อนลงเฉดดิ้ง
สีที่ 4 (นับจากซ้ายมาขาว) ไว้ใช้ทาใต้ตาค่ะ และ จุดต่างๆ บนใบหน้า
ส่วนสีที่ 5 ไว้เป็นเบสก่อนลงอายชาโดว์ค่ะ
ส่วนสีชมพูและขียว ไม่ได้ใช้เลย เพราะไม่รู้จะทาตรงไหน 55+
ที่ปลื้มและชื่นชอบเจ้านี่ ก็เพราะ 1 ตลับครบครันค่ะ ใช้ง่ายดี สะดวก เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย แห้งไว
แล้วก็ราคาไม่แพง คุณภาพถือว่าok ถ้าเทียบกับราคาประมาณนี้
6. เฉดดิ้ง "Cezanne Nose Shadow Highlight"
ราคา 200-300 แล้วแต่แหล่ง ซื้อได้ที่ร้านวัตสัน บูธ หรือ ร้าน beauty ทั่วๆ ไป
ที่ใช้ตลอดและประจำจะใช้เฉพาะตัวเฉดดิ้งนะคะ ส่วนตัวไฮไลท์ไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ
(เลยซื้อตลับใหม่เฉพาะเฉดดิ้งเท่านั้นค่ะ) ส่วนไฮไลท์ใช้ตัวไหน เด่วแนะนำถัดไปนะคะ
ตัวนี้ขวัญใช้มา 1-2 ปีแล้วค่ะ ขวัญเรียกมันว่า "ตัวเสริมดั้ง" เพราะเป็นคนไม่มีดั้งค่ะ ต้องใช้ตัวช่วย
ขวัญจะลงคอนซีลเลอร์ที่บริเวณข้างจมูกก่อน แล้วใช้เฉดดิ้งทับอีกที
เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ และติดทนนานค่ะ
ถ้าใช้เฉดดิ้งเลยจะไม่ค่อยติดทนค่ะ
ที่ชอบตัวนี้ เพราะว่า มันเริ่ดมากจริงๆ .. ทำให้ดั้งพุ่งขึ้นมาได้ในระดับนึงเลย
สีเป็นธรรมชาติดีคะ ไม่ดูเว่อร์จนเกินไป ใช้แล้วจมูกดูมีมิติเลยทีเดียว ^^
7. ไฮไลท์ชนิดดินสอ "Catrice made to stay hilighter pen"
ราคาจำไม่ได้แล้ว ซื้อได้ที่ร้านวัตสัน บูธ หรือ ร้าน beauty ทั่วๆ ไป
ซื้อมา 1 แท่ง ใช้มาปีกว่า หายไปไม่ถึง 1cm เลย มันใช้ได้นานจริงๆ
ตัวนี้ต้องใช้ประกอบกับ หมายเลข 5 และ 6 เพื่อใช้เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมดั้ง
คือต้องมีครบทั้ง 3 ตัวถึงจะทำให้ดั้งโด่งได้
ขวัญจะใช้ขีดเป็นเส้นตรงบนสันดั้ง แล้วค่อยๆ เกลี่ยให้สีสม่ำเสมอ
แล้วตบทับด้วยแป้ง หรือ ไฮไลท์อีกที เท่านั้นแหละ จมูกพุ่งแล้วค่ะ
แค่ช่วยทำให้เรามีดั้งขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวก็ปลื้มมากแล้ว
8. Etude House Moistfull Super Collagen
เซ็ทนี้ (3ตัว) ขนาดจริงราคาที่เกาหลี ประมาณไม่เกิน 2 พัน แต่ถ้าในช้อปไทยก็ราคา 2 เท่าอ่ะคะ
ขวัญเริ่มใช้เมื่อกลางปีที่แล้ว…
จากเซ็ททดลอง หมดไป 2 เซ็ท เลยสั่ง ขนาดจริง พรีออเดอร์จากเกาหลี
ซึ่งขนาดจริงก็ถือว่าใช้ได้นานอยู่นะคะ ประมาณ 3-4 เดือน
พออายุมากขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็เริ่มตามมา เราก็เริ่มหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าต่างๆ มากมาย
collagen คือ ตัวช่วยที่จะทำให้ผิวตึง และ ลดริ้วรอยได้ค่ะ
ขวัญจึงชอบเจ้าเซ็ทนี้มากๆ เพราะมันเห็นผลจริงผิวเนียนนุ่มขึ้นมากค่ะ หลังจากที่ได้ใช้มา 6 เดือนแล้ว
9. SHISEIDO – Perfect Whip Foam
ที่ประเทศไทยเห็นขายกันอยู่ประมาณ 200-300 บาท แต่ฝากเพื่อนซื้อจากญี่ปุ่น หลอดละ 100นิดๆ เองค่ะ
(ราคาต่างกันมาก)
เจ้าตัวนี้ เรียกได้ว่าใช้ประจำทุกเช้าเย็น และใช้มาประมาณ 1 ปีแล้ว
ก่อนหน้านี้ใช้ L'Oréal Paris Revitalift Milky Foam ซึ่งใช้มาหลายปีมากๆ
พอมาเจอเจ้าวิปโฟมก็ตกหลุมรักเลย….
ชอบที่ฟองมันอ่อนนุ่ม (จากในรูปตีฟองไม่ขึ้นมาก เพราะบีบนิดเดียว และรีบถ่ายรูป)
มันล้างหน้าได้สะอาดหมดจดจริงๆ ล้างได้แม้กระทั่งเครื่องสำอาง และ หน้าไม่แห้งตึงด้วย
หลังล้างหน้ารู้สึกสดชื่นมากๆ ปลื้มจริงๆ ค่ะ^^
10. Etude Lip Eye Remover
ราคาที่เกาหลี ขวดเล็ก 100 กว่าๆ ขวดใหญ่ 300 กว่าๆ
ถ้าราคาที่ช้อปไทยก็น่าจะเป็น 2 เท่า
ขวัญสั่งพรีออเดอร์มาจากเกาหลีค่ะ คุ้มกว่ามากๆ
ใช้มาเกือบปีแล้วค่ะ.. แต่ถ้าใครได้อ่าน "10 สิ่งที่ต้องซื้อซ้ำ [2014]"
จะรู้ว่า เมื่อปีที่แล้วขวัญใช้ Johnson's Baby เป็น Oil Lip & Eye Remover
ซึ่งใช้มานานมากๆ หลายปีเลยทีเดียว แต่ที่ต้องมาเปลี่ยนใจ เพราะได้ลองใช้ของ etude แล้วชอบมากๆ
เลยเปรียบเทียบ 2 สิ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่า oil จะมันกว่า ใต้ตาจะกักเก็บความมันเอาไว้
เมื่อแต่งหน้าจะทำให้ใต้ตาจะเยิ้ม (ซึ่งปัญหานี้ขวัญเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นเพราะ oil)
พอมาเปลี่ยนใช้ etude ใต้ตาไม่มันแล้ว และ เจ้านี่ก็ล้าง คสอ. ได้อย่างหมดจดจริงๆ
ไม่มีกลิ่นฉุนใดๆ ชอบมากค่ะ^^
ขวัญมีทั้งขวดเล็ก ขวดใหญ่เลยค่ะ สำหรับขวดใหญ่ ไว้ใช้ที่บ้าน
ขวดเล็กก็เอาไว้เดินทางค่ะ
ส่วนเรื่องราคาถ้าเป็นขวดใหญ่จะดูคุ้มกว่านะคะ ใช้ได้ประมาณเกือบ 2 เดือน
หมดแระค่ะ สำหรับ 10 สิ่ง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ได้ลองใช้ และ ถูกใจ จนต้องซื้อซ้ำ
ส่วนอีก 5 สิ่งต่อไปนี้ จะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เคยเขียนใน Blog เมื่อปี 2014 ไปแล้วนะคะ
ซึ่ง 2015 นี้ก็ยังใช้อยู่ค่ะ (คือมันต้องดีจริง)
11. ดินสอเขียนคิ้ว (GINO McCray Auto Eyebrow & Eyeliner pencil)
ราคา 200 กว่าบาท ซื้อจาก BEAUTY BUFFET ค่ะ
ก็ยังคงใช้อยู่ถึงปัจจุบันนี้ เพราะยังหาตัวอื่นๆ ที่กว่านี้ไม่ได้เลย
ตัวนี้เป็นดินสอเขียนคิ้วตัวเดียวที่ขวัญเลือกใช้ ตั้งแต่ปี 2010 (ขวัญใช้ เบอร์ 03)
ก่อนหน้านี้เคยลองใช้มาหลายตัวเหมือนกัน แบบที่เป็นดินสอที่ต้องซื้อกบเหลาด้วยอ่ะ (ไม่ชอบเลย, เนื้อแข็งด้วย)
ตัวนี้เป็นแบบหมุน Auto เนื้อนุ่ม เขียนง่ายดี มีแปรงปัดด้วย
แต่ก็มีข้อเสียนะ มันล้างออกง่าย ไม่ติดทนเท่าไหร่นัก ซึ่งเวลาที่หน้ามัน
แล้วถ้าหากมือไปโดนที่คิ้วเนี่ย บางทีคิ้วก็หลุดติดมือมาด้วยนะ 55+
แต่ยังไงก็ยังคงซื้อตัวนี้ต่อไป จนกว่าจะหาตัวอื่นที่ดีกว่านี้ได้นะคะ เพราะชอบที่มันเขียนง่ายค่ะ
12. Etude House Oh My Eye Liner
ราคาที่เกาหลี 100 กว่าบาทค่ะ
ถ้าราคาที่ช้อปไทยก็น่าจะเป็น 2 เท่า
ขวัญสั่งพรีออเดอร์มาจากเกาหลีค่ะ คุ้มกว่ามากๆ
ตัวนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2008 ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่ค่ะ
ที่ใช้อยู่เป็นประจำ จะเป็นสีน้ำตาล และ น้ำตาล แล้วแต่สไตล์การแต่งหน้าของวันนั้นๆ ค่ะ
ชอบที่ พู่กันเขียนง่าย และ ไม่แพนด้าด้วย
ติดทนนาน ล้างออกก็ง่ายค่ะ
13. Moist Labo BB Matte Cream SPF40 PA+++
ราคา 600 กว่าๆ ซื้อได้ที่บูธ และ ร้าน beauty ทั่วไป
เป็นBBตัวแรกที่ลองใช้ และรักเลย ใช้มาตั้งแต่ 2013 ค่ะ
ซึ่งขวัญเคยเขียนรีวิวและรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ใน blog แล้วนะคะ คลิกอ่าน
เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ไม่ใช้บีบี เพราะคิดว่ามันเหนียวเหนอะหนะ กลัวหน้ามันด้วย
แต่พอได้มาเจอเจ้าตัวนี้ ก็ตกหลุมรักเลยค่ะ สีมันเนียนดีจริงๆ และเป็นสีที่เหมาะกับสีผิวเราด้วย
กลิ่นก็ไม่เหม็น และ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมลงผิวอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นคราบค่ะ หน้าไม่มันเยิ้ม
14. Etude Moistfull Collagen Mask Sheet
ราคาที่เกาหลีแผ่นละ 60 บาทค่ะ
ถ้าราคาที่ช้อปไทยก็น่าจะเป็น 2 เท่า
ขวัญสั่งพรีออเดอร์มาจากเกาหลีค่ะ คุ้มกว่ามากๆ
(รู้สึกว่าตัวเองจะเป็นสาวกบ้านสีชมพูของ ETUDE HOUSE เพราะใช้หลายสิ่งเหลือเกิน)
เป็นแผ่นมาร์คที่ Love สุดๆ ในบรรดาที่เคยใช้มา … ราคาเหมาะสม ไม่แพงหรือถูกจนเกินไป
ที่สำคัญเพราะแผ่นบางมาก แนบสนิทหน้าเลยทีเดียว และมอยส์เจอไรเซอร์ก็เยอะมากกกก มันเจ้มจ้นมากๆๆๆๆเลยอ่ะ
แปะปุ๊ปหน้าเนียนเด้งปั๊บเลย ช่วยเรื่องเติมความชุ่มชื่นเข้าสู่ผิว ให้ผิวหน้าชุ่มชื่น ไม่แห้งตึง
และยังเติมคอลลาเจนเข้าสู่ผิว ให้ผิวเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่นด้วย
ใช้มาตั้งแต่ 2012 ค่ะ และ ยังใช้ต่อไปเรื่อยๆ
วันไหนต้องการหน้าเด้ง แต่งหน้าเนียนๆ สวยๆ ก่อนนอนมาร์คเจ้านี่ไว้ ได้ผลค่ะ
15. L'oreal Hair Spa
ราคา 350-450 บาท แล้วแต่แหล่ง
เค้าบอกว่านางเปลี่ยนแพ็คเก็จใหม่ รุ่นเดิมกระปุกเขียวๆ ไม่มีแล้ว T_T
ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ กลิ่นจะไม่เหมือนรุ่นเดิม (ส่วนตัวชอบกลิ่นรุ่นเดิมมากกว่า)
แต่ตัวนี้ก็หอมเช่นกันค่ะ (ของ L'Orealหอมทุกตัวอ่ะ) ขวัญใช้มาตั้งแต่ปี 2005 จากที่ไปอบไอน้ำที่ร้านเสริมสวย
ก็เลยซื้อมาหมักผมเอง วิธีใช้ หลังจากสระผมขวัญจะหมักด้วยเจ้านี่ แล้วใช้ผ้าขนหนูคลุมผมไว้ ทิ้งไว้เป็นชั่วโมงเลย
ทำนั่นโน่นนี่ แล้วค่อยล้างออก ผมจะนุ่มและหอมมากๆ ค่ะ ถ้ามีเวลาก็ทำทุกสัปดาห์ ถ้าไม่ว่างจริงๆ ก็เดือนละครั้งนะคะ
หมดแล้วนะคะ กับ "15 สิ่งใช้ประจำ… ที่ต้องซื้อซ้ำ 2015" ของขวัญ
แล้วของเพื่อนๆ ล่ะคะ มีอะไรกันบ้าง แนะนำ แบ่งปัน พูดคุย เล่าสู่กันฟังได้เลย
ขอบคุณทุกๆ คนนะคะ ที่ติดตาม
————————————
Discussion (17)
ขออภัยมากๆ เลยคร่า.. ไม่ทราบกติกาจริงๆ
คราวหน้าจะไม่ใส่ค่ะ