สายบุญมาทางนี้! ไหว้พระเก้าวัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ พร้อมชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติคที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
Sitaaa 22 12สวัสดีค่า วันนี้ตาและเพื่อนจะพาทัวร์กรุงรัตนโกสินทร์ด้วยการไหว้พระเก้าวัด!! และในวันที่เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนด้วยแล้ว ตาขอแนะนำสิ่งอุปกรณ์ยังชีพทีาจะทำให้ทริปเราอยู่รอดปลอดภัย เที่ยวสนุก ลุกนั่งสบาย ดังนี้ >>
1. หมวก หรือร่ม : อุปกรณ์กันแดดเบสิคที่ควรพกติดตัวไว้ค่ะ ใครบอกว่าเราเป็นป้าหรือเหมือนทัวร์จีนก็อย่าไปแคร์มันค่ะ!! เพราะตาพิสูจน์แล้วว่าแดดมันร้อนจริง พังจริง ใครแพ้แสงก็พกแว่นตากันแดดด้วยนะจ๊ะ
2. ครีมกันแดด : สำคัญมากๆถึงขนาดประเทศเดนมาร์กได้ทำแคมเปญให้พวกเราเตือนนักท่องเที่ยวให้ทาครีมกันแดดด้วย โบกไปเลยค่า ทั้งหน้าทั้งตัว เดี๋ยวนี้มีหลายแบรนด์ที่ทำแบบไม่เหนียวเหนอะแล้ว ลองหากันดูนะคะ ดีกว่าเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนังนะเอ้อ
3. ยาดม ยาลม ยาหม่อง : อากาศร้อนขนาดนี้ เผื่อไว้ถ้าหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ยาดมช่วยบรรเทาได้นะจ๊ะ
4. ทิชชู่เปียก และทิชชู่แห้ง : เอาไว้เช็ดทำความสะอาดมือ เวลาเราหยิบจับอะไร ก่อนกินอาหาร หรือเข้าห้องน้ำ มีสำรองไว้ไม่เสียหายน้า
นอกจากอุปกรณ์ข้างต้นแล้ว แนะนำให้
"แต่งตัวให้เรียบร้อย" ด้วยนะจ๊ะ เวลาไปบางวัดที่เป็นอารามหลวง จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย นุ่งห่มผ้าถุงต่างๆ แถมลุกนั่งก็สะดวกสบายอีกด้วย แนะนำเป็น Maxi-Dress หรือกระโปรงยาวสำหรับคนขี้ร้อน ขี้อึดอัด ถ้าไม่อยากใส่กางเกงเหมือนตา เพราะมันพริ้วดี ~ และสุภาพอีกด้วย ถ้าเป็นแขนกุดก็หาเสื้อคลุมหรือผ้าคลุมใส่ให้เรียบร้อย จะได้ไม่โป๊แล้วก็ไม่ร้อนจ้า
มาที่วัดแรกกันเลย ตาเริ่มต้นด้วย
วัดชนะสงคราม ~
555 ทำไมมีแค่นี้เหรอคะ เพราะมันเช้าไงคะ เลยเบลอ เลยลืมถ่าย 555555 ไม่มีไรมากค่ะ ไหว้พระเสร็จแล้วก็ไปต่อวัดอื่นเลย...โธ่ ทัวร์ชะโงกดีๆนี่เอง
วัดที่สอง
วัดสระเกศหรือชาวบ้านจะเรียกภูเขาทองค่ะ มาค่ะ มาถึงแล้วก็ขึ้นภูเขาทองกันเลยย
ตอนแรกคิดว่าไม่เท่าไหร่หรอก อื้มม เดินๆขึ้นไปก็เหนื่อยใช้ได้อยู่นะ แต่คุ้มค่าค่ะ เพราะวิวดีงามมากจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าแดดเปรี้ยงนี่น้าา
ขึ้นมาแล้วก็คนเยอะมากจริงๆ ต้องเข้ามากราบนมัสการถึงบนนี้หน่อยค่า เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงง
ถ้าหาดีๆจะมีบันไดเล็กๆขึ้นมาชั้นบนสุดของภูเขาทองค่ะ ป้ายเขียนว่า "ทางขึ้นสวรรค์" ทำนองนี้ 555 เป็นเจดีย์สีทองที่สวยเด่นเป็นสง่าที่เราเคยเห็นอยู่ไกลๆนั่นเองง
ก่อนไปวัดที่สามก็ขอแวะกินหน่อยค่า หน้าวัดสระเกศมีร้านเล็กๆตั้งขาย จะบอกว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านนี้เด็ดมาก แซ่บมากจนต้องพึ่งยามดมเลยล่ะค่ะ
วัดที่สาม
วัดสุทัศน์ด้วยความที่วันที่ตาไปเป็นวันพระพอดี เค้าจึงประกอบพิธีกรรมกันอยู่ในโบสถ์ จึงได้เพียงไหว้พระอยู่รอบนอกเท่านั้นค่ะ
วัดที่สี่
ศาลเจ้าพ่อเสือจะบอกว่ายังไงดี อาจจะไม่ใช่วัด แต่เนื่องจากว่าวัดพระแก้วไม่แน่ใจว่าจะเข้าได้มั้ย จึงไม่ลงในโปรแกรม ศาลเจ้าพ่อเสือเค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ แล้ววันนั้นคนเยอะมาก เพราะเป็นทั้งวันพระและวันเกิดเจ้าพ่อเสือ เข้าไปแล้วมีหมูไหว้เจ้าตัวใหญ่มากหลายตัวเลย ตกใจเหมือนกัน เลยเข้าไปแว้บเดียวก็รีบออกมาเลยสู้ฝูงชนไม่ไหวจริงๆ
ระหว่างทางเดินไปวัดที่ห้า ก็ต้องเดินผ่านกระทรวงกลาโหมค่ะ อย่างที่บอกไป เตรียมอุปกรณ์กันแดดไปเถอะค่ะ มันช่วยได้จริงๆ ตรงนี้สีน่ารักวินเทจดีค่ะ เลยแวะถ่ายรูปเล่นกันนิดหน่อย (ทั้งสองคนเป็นผู้ร่วมทริปในครั้งนี้จ้ะ)
อ้อ พอจะเข้าเขตพระราชวัง จะมีเจ้าหน้าที่ขอตรวจค้นกระเป๋าและดูบัตรประจำตัวประชาชนนะคะ เตรียมไปไว้ก็ดีค่ะ ห้ามพกของมีคมที่เป็นอาวุธไปเด็ดขาดเลยนะ ป้าๆบางตนลืมตัวเอามีดปอกผลไม้มาด้วย ก็ต้องฝากคุณตำรวจไว้ค่ะ
(แอบกระซิบบอกนิดนึง คุณตำรวจหน้าตาดีมากกกกกก อะ อิอิ)
วัดที่ห้า
ศาลหลักเมืองก็ไม่เชิงวัดเหมือนกันค่ะ มาไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลโดยเฉพาะเลย แต่ด้วยความที่เมาแดดมาก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรเลย
วัดที่หก
วัดโพธิ์เดินอย่างทรหดกันต่อมาที่วัดโพธิ์แถบท่าเตียนค่ะ เนื่องจากต้องไปต่อเรือสู่วัดอื่นๆ ชอบสถาปัตยกรรมและศิลปะบนผนังของที่นี่หลายจุดเลย ที่ชอบที่สุดคงเป็นเจดีย์องค์ย่อมๆที่ตั้งไว้ แต่ละองค์มีลวดลายที่ต่างกัน น่าสนใจดีค่ะ
ขาดไม่ได้เลยต้องเยี่ยมชมพระพุทธรูปปางไสยาสน์ อันโด่งดังและอเมซิ่งสำหรับชาวต่างชาติมากๆ ตอนแรกก็เดินชมเฉยๆเพราะคนเยอะ ออกมาเจอพี่สองคนนี้ส่องๆกล้องอยู่ เห้ย เจ๋งง เป็นมุมที่ยอดเยี่ยม ครีเอทีฟจริงๆ
หลังจากพักกายพักใจกันไปแล้วนั้นก็ออกเดินทางกันตาะ เดิมทีต้องไปต่อท่าเตียนเพื่อไปวัดกัลยาณมิตร > วัดอรุณ > วัดระฆัง แต่ตานำเพื่อนอีท่าไหนไม่รู้ ไปโผล่ท่าช้างจ้า (โดนเม้งตามระเบียบ 55555) มั่วจัง แต่ได้แวะกินน้ำปั่นเจ้าประจำสมัยเรียนที่ท่าช้าง แล้วพาเพื่อนไปต่อเรือเลย
วัดที่เจ็ด
วัดระฆังนั่งเรือข้ามฟากมาฝั่งธนกันบ้าง วัดระฆังก็เป็นวัดที่มีประวัติยาวนานเช่นเดียวกัน ประทับใจที่ลวดลายประดับประดามีรูประฆังด้วย
นอกจากนี้ยังมีเรือให้ซื้อตั๋วเพื่อไปไหว้พระตามวัดอื่นๆอีกด้วย นั่นคือวัดกัลยาณมิตร และวัดอรุณ ดังนั้นเราจึงเปลี่ยนแผนใหม่เป็น วัดระฆัง > วัดกัลยาณมิตร > วัดอรุณ โดยซื่อตั๋วเรือคนละ 30 บาท เพื่อเดินทางค่ะ
วัดที่แปด
วัดกัลยาณมิตรชอบในความเป็นวัดไทยสไตล์จีน ซึ่งตาไม่ทราบประวัติความเป็นมานะคะ แต่ชอบความผสมผสานทางศิลปะทั้งไทยและจีนภายในวัดนี้เป็นการส่วนตัวค่ะ :) ตอนไปทางวัดกำลังบูรณะอยู่ค่ะ ถ้าไปช่วงนี้อาจจะต้องระวังนิดนึงนะคะ
วัดที่เก้า
วัดอรุณเป็นวัดสุดท้ายแล้ว แต่เค้ายังคงบูรณะอยู่นะคะ ยังไม่ให้ขึ้นไป แต่รอบๆมณฑปสามารถเดินชมได้ ด้วยความที่เหนื่อยล้ากับทริปนี้ พวกเราเลยไม่มีใครอยากปีนบันไดขึ้นไปชมแล้วค่ะ จึงถ่ายรูปรอบๆบริเวณวัดแทน
ปิดท้ายทริปอย่างสวยงามด้วยการข้ามฝั่งไปรับประทานอาหารเย็นที่ Eat sight story แถบท่าเตียนค่ะ บรรยากาศดีงาม อาการอร่อย แต่ต้องโทรจองหน่อยน้า วันเสาร์อาทิตย์คาดว่าคนน่าจะเยอะค่า
สุดท้ายแล้ว ขอบอกเลยว่า จะที่ไหน ถ้าไปกับคนที่ใช่ ยังไงก็สนุก ด้วยความที่ตากับเพื่อนที่มาด้วยสนิทกันมาตั้งแต่ม.1 ถึงทริปนี้จะมีงอแงบ้าง มั่วบ้าง เป็นลมบ้าง แต่สนุกมากๆเลยค่ะ วันว่างๆลองหาเวลาเที่ยวทริปเล็กๆกับคนรู้ใจบ้างนะคะ วันนี้ขอปิดท้ายด้วยภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำเจ้าพระยา สวัสดีค่า :)