controversial ads

.

Discussion (15)

ถ้าคุณลองค้นหาโฆษณาที่ชวนทำให้โกรธเคืองมากที่สุด  โฆษณานี้มักจะติดอันดับเสมอ



Blackface .... เรื่องต้องห้ามที่ทำให้ชาวผิวดำหลายคนต้องเจ็บปวด  แม้ว่ามันจะเกิดในประเทศในเอเชียอย่างไทย ที่ยังไม่เคยต้องผจญกับปัญหา..
- การเหยียดเชื้อชาติที่คนดำไม่สามารถแม้แต่ว่ายน้ำร่วมกับคนผิวขาวได้
- การลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนเชื้อสายแอฟริกันผิวดำจนเกิดสงครามกลางเมือง
- ปัญหาการเหยียดผิวทีอาจจะไม่สุดโต่งดังเช่นการค้าทาสและกีดกันทางเชื้อชาติเท่าในอดีต แต่ก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมอเมริกันซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว 


Blackfaceมีจุดเริ่มต้นมาจากการแสดงเพื่อสร้่างความสนุกสนานให้กับคนผิวขาว โดยจับเอาคนที่ไม่ได้มีเชื้อสายแอฟริกันมาเพนท์หน้าดำมาแสดงบนเวที  การแาสดงนี้ได้ถูกแบนในยุค 60s จากการเคลื่อไหวเพื่อความเท่าเทียมในอเมริกา 



ในขณะที่ดังกิ้นเป็นบริษัทอเมริกันซึ่งน่าจะระแวดระวังในเรื่องความบอบบางจากปัญหาการแบ่งแยกทางสีผิว   CEO ของดังกิ่้นไทยซึ่งเป็นชาวเลบานีสได้แสดงความไม่าพอใจจากกระแสต่อต้านจากต่างประเทศในเรื่่อง Blackface ของ โฆษณานี้ว่า่  "เหลวไหลซะจริง  เราใช้ความดำโฆษณาโดนัทไมไ่ด้รึไง??   จะอะไรกันนักหนา  ถ้าเรามีสินค้าสีขาวแล้วเพนท์หน้าขาวนี้จะเรียกว่าเหยียดผิวรึเปล่า  มันเป็นความคิดขี้ระแวงแนวอเมริกัน แต่โทษที การตลาดแบบนี้มันเวิร์คสำหรับพวกเรา   "


แต่ดังกิ้นอเมริกานั้นรีบขอโทษผู้คนที่รู้สึกแย่กับ ad อันนี้ พวกเขาวสัญญาว่าจะปรับปรุงและเปลี่ยนแคมเปญ   ถ้าถามว่าเรื่องนี้ซีเรียสมากขนาดนั้นเลยเหรอ   มันถูกทำข่าวไปทั่วโลกค่ะ
พักเรื่องติดเรทกันสักหน่อย  เรามาที่โฆษณาที่เกี่ยวกับ Political correctness หรือหลายน่าจะเห็นตามsocial media กันบ่อยๆว่า PC  ซึ่งหมายถึงมาตรการ-แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับสังคม การเมือง วัฒนธรรมเพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้บุคคคลอื่นไม่พอใจ   ในสังคมบ้านเรายังดูไม่รณรงค์เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก ล่าสุดเราเพิ่งเห็นคอมเมนเทเทอร์ในรายการประกวดร้องเพลงดังให้ความเห็นว่าภายใต้หน้ากากนั้น คนร้องเพลงไม่น่าจะใช่ผู้ชายแท้ๆ และยังเคยล้อเลียนเรื่องเพศของลูกชายคอมเมนเนเทอร์อีกคน ซึ่งเรายืนยันว่าเป็นการละเมิดทั้งครอบครัวและตัวเด็กเอง ไม่ว่าเด็กนะเป็นเกย์หรือไม่ แต่ก็ยังไม่ได้ come out หรือมีความเหมาะสมใดๆที่จะถูกประจานกลางรายการTV ด้วยคำกล่าวอ้างแนวที่เราได้ยินมาตลอดว่า รักดอกจึงหยอกเล่น  ยังมีคนอีกมากมายที่มองเห็นว่า การล้อคนอื่นด้วยคำว่า "ตุ๊ด"นั้นเป็นเรื่องสนุกๆเฮฮาไม่ได้ตั้งใจถากถางให้เจ็บใจอันใด แต่ได้ทำร้ายจิตใจหลายคนมาอย่างยาวนาน หากคุณไปลองชมความเห็นในอินเทอร์เน็ทก็คงทราบว่าเพราะอะไร

- คิดมากทำไม แค่ล้อเล่นเฉยๆ สนิทกันเค้าเลยกล้าล้อแรง

สนิทแล้วจะทำร้ายจิตใจยังไงก็ได้  ยิ่งอีก่สยไม่โต้ตอบ ยิ่งสนุกสนานโดยไม่คำนึงว่าอาจจะสร้างบาดแผลให้คนอื่นและส่งผลเสียมากกว่าที่ตาเห็น  

- ไม่ใช่เรื่องของเราอย่าไปยุ่งกับกับเขาเลย

 นั่นสิ  เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเรา  เราเลยไม่ต้องไปคำนึงถึงคนที่ถูกพาดพิงใช่ไหม  แล้วถ้าวันหนึ่งเราต้องมาเจอสถานการณ์เดียวกัน  เราจะเรียกร้องให้ใครมาเข้าใจล่ะ ?"


- อยากแปลกแตกต่างเองก็ต้องทำใจยอมรับคำวิจารณ์ให้ได้

เราเคยได้ยินคนพูดเหมือนกันนะว่า คำว่ากระเทยหรือตุ๊ดมันหยาบคายตรงไหน ก็เรียกตามเพศสภาพไง  ซึ้งเราว่ามันดูเลี่ยงบาลี เพราะแต่ไหนแต่ไรมาการใช้คำนี้ก็มักจะแฝงความหมายในแง่ลบ  จริงอยู่ที่มีหลายคนที่โอเคไม่ได้ถือสาใดๆที่จะถูกเรียกเช่นนี้  แต่เมื่อลองคิดดูว่ายังมีคนนำคำนี้มาด่ากัน แต่ในทางกลับกัน มันไม่มีคำด่าอย่าง "ไอ้ผู้ชายเอ๊ย" หรือ "โถ..ผู้หญิงจัง"   เราจดจำไว้เสมอว่า หากมีคำวิจารณ์ใครไม่ว่าจะด้านบวกหรือลบ  เพศและความแตกต่างด้านอื่นๆไม่ใช่สิ่งที่เราต้องนำมาเป็นประเด็น  ยตัวอย่างง่ายๆ  เพราะอะไรคนที่ผมหยิกหรือต้นขาอวบใหญ่จะต้องถูกล้อเลียน ในเมื่อมันเป็นเพียงลักษณะทางกายภาพของแต่ล่ะคนซึ่งไม่มีใครเหมือนกันไปทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ยังมีคุณค่าความเป็นคนไม่ต่างกัน 

แนวนี้นี้กำลังแพร่หลายประเทศที่ตะวันตก เราจะได้เห็นการโจมตีบรรดานักการเมือง ดารานางแบบ นักกีฬาหรือใครก็ตามที่มีชื่อเสียง หากพวกเค้าได้แสดงออกอันใดที่ขัดกับวัฒนธรรม PC นี้ก็จะถูกปู้คนบางกลุ่มบีบบังคับให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษ  และแน่นอนว่าแบรนด์ต่างๆที่ทำโฆษณาป้อนสู่ตลาดก็ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้เช่นกัน 




ไม่นานมานี้  NIVEA  ก็ตกเป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์ จนต้งถอดโฆษณานี้ออกและส่งคำขอโทษขอโพยมายังสังคม  เรามาลองติดตามดูสิว่าทำไม



ผลิตภัณฑ์เพื่อความขาวเป็นสิ่งที่ปกติเหลือเกินในสังคมเอเชีย  ด้วยค่านิยมที่ต่างจากตะวันตกไปคนละขั้ว  แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนจำนวนมากมีสีผิวเฉดสว่างกว่าพื้นที่อื่นในแถบเอเชีย ความนิยมในผลิตภัณฑ์ whitening ก็ยังสูงอยู่ดี  ส่วนโฆษณาตัวนี้ถูกปล่อยออกมาในตะวันออกกลาง เป็นdeodorantช่วยดูแลผิวใต้วงแขนให้ขาวเนียน    อันนี้เรา get ค่ะ นี่เห็นโฆษณารักแร้ขาวออร่ามาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร  แต่การเอาสีขาวมาขยายความว่าบริสุทธิ์ไร้ราคีเจือปนนั้น  ไม่น่าแปลกใจจริงๆว่าจะถูกกระตีกลับอย่างแรง



"ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเลยเนี่ย  พูดไม่ออก   ต่อไปน่ะให้ใช้คำพูดเกี่ยวกับเสื้อผ้าหรือสินค้า ไม่ใช่สีผิว"
" ไม่ไหวนะNivea  การเหยียดผิวไม่ได้เป็นวิธีทางการตลาดที่ดีเอาซะเลย"


เราชินกับการตั้งชื่อskincare ว่า white นู่น white นี่  แต่มันไม่ได้เจาะจงและให้ความหมายให้คิดไปในแง่ของการเชิดชู race ผิวขาวถึงขนาดนี้ไงคะ  ถ้าบอกว่าขาวมันบริสุทธิ์  แล้วสีอื่นไม่บริสุทธิ์ไม่ดีพอรึเปล่า ?     


แบรนด์ได้ส่งคำขอโทษและยอมรับผิดพร้อมกับถอดโฆษณานี้ออกอย่างฉับไว    อย่างไรก็ดี  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของครีเอทีฟจาก Nivea ค่ะ 
เราเห็น ads ของ AA มานานแล้ว ก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าเหยยย นี่มันขายไรกัน 5555
แต่บางภาพนี่หนักหน่วงจริงๆ ค่ะ เพิ่งเห็นจากในกระทู้นี้ก็มี 
 
คือเรามองในแง่ดีของสไตลืดฆษณาของ AA คือ เค้าไม่รีทัชภาพจนทำให้นางแบบนายแบบดูเป็นมนุษย์เนียนคมชัดระดับ HD   ทุกคนดูสุขภาพดี  แต่คือ..จะ porn กันไปถึงไหน??  เด็กunderage เค้าเข้าถึงกันได้ไม่ยากเลย 



กระโปรงนักเรียผู้หญิงกับมุมกล้องที่ทำให้นึกถึงพวกผิดปกติที่คอยแอบส่อง-ถ่ายภาพกางเกงในสาวๆนั้นดูสวนทางกับคำยืนยันของครีเอทีฟว่าแบรนด์นั้นสนับสนุนพลังหญิงอย่างเต็มที่  สำหรับเรา  ภาพนี้ไม่ได้แสดงถึง power แต่อย่างใด แต่กำลังสื่อถึงแฟนตาซีของชายเกี่ยวกับยูนิฟอร์มของนักเรียนสาว  



เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าตัวใดก็ต้องพ่วง sex เข้าไปด้วย วนเวียนอยู่กับสาววัยรุ่นบนเตียง



โฆษณาของAA ตกเป็นหัวข้อข่าวบ่อยพอๆกับการถูกแบน    ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dov  Charneyเคยคัดเลือกนางแบบและโฆษณาด้วยตัวเอง และยังได้รางวัลMarketing Excellence มาแล้ว   แต่ข้อกล่าวหาและการฟ้องร้องที่สร้างความฉาวนั้นส่งผลให้เขาถูกไล่ออกจากการเป็น CEO ด้วยเหตุผลความประพฤติไม่เหมาะสมจากข้อกล่าวหาว่าเขาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานหญิง  แม้เจ้าตัวจะยืนยันความบริสูทธิ์และโต้ว่าการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นหลายครั้งเป็นเรื่องโกหกที่เกิดจากคนที่หสังประโยชน์ในตัวเขา 

ความเป็นจริงคือแบรนด์แบกรับปัญหาขาดทุนเรื้อรังมานาน  แม้จะเคยเฟื่องฟูทำเงินมากมายแต่ในภายหลังนั้นไม่สามารถฟาดฟันกับคู่ต่อสู้จากปัจจัยหลายอย่าง   แบรนด์ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอดหลังจากไม่ทำกำไรมาหลายปี ยืนล้มละลาย มาแล้ว 2 ครั้ง  มี Gildan Activewear ชนะการประมูลในการซื้อเครื่องไม้เคื่องมือและอสังหาริมทรัพย์จากบริษัท  และเลย์ออฟพนักงานเมื่อต้นปีนี้ไป2400คน  เริ่มทยอยปิดโรงงานและและสโตร์ 110 แห่งทั่วอเมริกา