ZJB REVIEW : เข้าป่า ชมสัตว์ กินดอกไม้ที่ "หุบเขาคนโฉด" Badboys Valley
zjb wong 18 12สวัสดีค่า วันนี้ ZJB ที่ปกติเคยแต่งหน้าแบบไม่ปกติ จะพาเพื่อนๆทัวร์ร้านอาหารร้านหนึ่ง
ใช้คำว่าทัวร์นะ เพราะมันไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาๆ ZJB ชื่อนี้มีแต่ของประหลาด
พาชิมพาชมก็ต้องของประหลาด เคนะ !
สถานที่ๆปิ่นจะมารีวิวพาทัวร์นี้มีชื่อว่า "หุบเขาคนโฉด" จ.เชียงใหม่
ร้านนี้เค้ามีสโลแกนประมาณว่า "ไม่ใช่ใครๆก็ไปได้" เพราะ
1. ร้านนี้ไม่สามารถwalk in เข้าไปได้เลย เนื่องจากร้านลึกลับมาก ปิ่นต้องขับรถเข้าทุ่งนา แล้วเดินเท้าขึ้นเนินเขาน้อยๆ ผ่านฝูงกวาง ห่าน ไก่ แพะ นกแปลกๆนับสิบ! (ไม่ได้เวอร์ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ) เพราะงั้น สาวๆที่มากิน ไม่แนะนำให้เดินใส่ส้นสูงมาสวยๆนะคะ เด๋วร่วงค่ะ! แล้วก็ถ้าจะมาต้องโทรจองก่อนเท่านั้น
2. ร้านนี้วันนึงรับแขกแค่โต๊ะ ถึงสองโต๊ะเท่านั้นค่ะ บอกเลยว่าร้านอินดี้มากกกก และเราจะได้ความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ
3. อาหารไม่ได้สั่งตามเมนูนะคะ พ่อครัว(เจ้าของร้านนั่นแหละ) จะทำให้เรากินเอง ขึ้นอยู่ที่วัตถุดิบมีดอกอะไรบ้าง (ฟังไม่ผิดค่ะ ดอกจริงๆ)
4. กินผักไม่เป็น โปรดอย่าไปค่ะ เพราะคุณจะกินอะไรไม่ได้เลย ตามชื่อกระทู้ค่ะ มาเพื่อกินดอกไม้.. (ซึ่งกินยากกว่าผักอีก 555555 )
5. เรื่องราคาอาจเปนอุปสรรคเพราะค่าอาหารคิดเป็นหัว ตกคนละ 1,800 บาทค่ะ
6. คุณต้องไม่รีบ อยู่ในนั้นทุกอย่าง slow life มากๆ ปิ่นใช้เวลาเดินชมบวกทานอาหารตั้งแต่ 5 โมงครึ่ง - 4ทุ่มอะ คิดเอา
7. อย่าไปแบบหิวๆ คุณคิดซะว่ามาชมงานศิลปะและมาถ่ายรูปนะ เพราะอาหารจะเสิร์ฟค่อนข้างช้า เนื่องจากอาหารต้องประดิษฐ์ประดอยสูง และ พ่อครัว 3 คน + มีเนื้อสัตว์น้อยมากกกกกก ในอาหารทั้งหมด 6 จานที่เค้าเสิร์ฟ
คร่าวๆก็ประมาณนี้ สำหรับใครที่รู้สึกว่า ทำไมลำบากจังฟะ ในการไป ปิ่นเอารีวิวแบบละเอี๊ยดละเอียดมาให้ดู เราจะเริ่มต้นที่เรื่องของอาหารกันก่อนละกันนะ
ตอนเข้ามาถึงตัวห้องอาหาร โต๊ะนี้ถูกเซ็ทไว้สำหรับลูกค้าที่มาทานมื้อกลางวัน เจ้าของร้านเเค้ายังไม่ได้เซ็ทโต๊ะใหม่ (จัดโต๊ะและดอกไม้ใหม่ทุกครั้งค่ะ เก๋มากกกก) เค้าเลยแอบถ่ายไว้ก่อนรูปนึงระหว่างที่พี่ๆเจ้าของร้านกำลังจะเก็บและเซ็ทโต๊ะใหม่ให้เรา
และแล้วโต๊ะดินเนอร์ของเราก็ถูกเซ็ทเสร็จ ด้วยดอกไม้สดทั้งหมด (ไม่มีดอกไม้ปลอมเลยค่ะ) หอมดอกพุทธมากกก ด้านหน้าของทุกคน (ปิ่นพาครอบครัวไปกินประมาณ10คน) จะมีถ้วยใส่ดอกพุทธ และดอกไม้อื่นๆ น่ารัก มุมิ
เตรียมพร้อมสำหรับอาหารจานแรกค่ะ .. จานชามทุกใบของร้านนี้จะเป็นงานศิลปะและของสะสมทั้งหมดค่ะ
สำหรับจานแรกที่เสิร์ฟเป็น "เมี่ยงกลีบบัว" ค่ะ อร่อยนะ แต่ได้แค่คำเดียว เป็นเมี่ยงคำบนกลีบดอกบัวที่แปะทองคำเปลวไว้ด้านบน ตอนเสิร์ฟเจ้าของร้านจะบรรยายเกี่ยวกับส่วนผสม ซึงสารภาพเลยว่าจำไม่ได้ เอาเท่าที่ได้ละกันนะ 555555 คำนี้ผ่านค่ะ อร่อยๆ เปรี้ยวๆเผ็ดๆ หวานๆ นี่ครั้งแรกในชีวิตนะที่กินดอกบัว !
จานต่อไป (หรือเรียกว่าคำต่อไป) เพราะมีคำเดียวเช่นกัน เป็นขนมปังกรอบ ข้างบนเป็นซอสฟักทองหรืออะไรซักอย่างที่จำไม่ได้อีกแล้ววว แต่จำรสชาติได้นะ กระต่ายทำจากแครอท เค็มเบาๆจากเกลือทาเคลือบบางๆ จำรสชาติได้ว่าอร่อย หวานๆ หอมๆกลิ่นใบโหระพา ทำชิ้นพอดีคำ
จานต่อไป .. ดีใจมาก มาเชียงใหม่ก็ต้องกินน้ำพริกหนุ่มสิ ใช่มะ! จานนี้มีน้ำพริกพนุ่ม ข้าวเหนียว แคปหมู ส้มตำกะปิลูกพีช ไส้อั่ว ถั่วต้ม แดงๆที่เห็นนนั่นลูกมะเขือเทศ ส่วนเรานั้นได้โชว์โง่ตรงที่กินใบเขียวๆที่รองมะเขือเทศนั่นด้วย ซึ่งตอนกินไปได้ครึ่งใบ เจ้าของร้านก็เดินมาบอกว่า "น้องคะใบนั้นมันกินไม่ด๊ายยยยยยยยยยยยยย!!"
จานถัดมา จานนี้เป็น Signature dish ของหุบเขาคนโฉดกันเลยทีเดียวฮะ มีชื่อเก๋ๆว่า "น้อยใจยา" มีส่วนผสมของดอกไม้ใบไม้ทั้งหมด 20 ชนิด ที่จำได้คร่าวๆก็มีดอกอัญชัน ดอกเข็ม มีหมูยอแซมนิดหน่อย (มีโปรตีนแล้ว เย้!)ห่ออยู่ในแผ่นแป้งบางๆ เมนูนี้เก๋ตรงเคี้ยวๆไปละมีความหวานเบาๆของดอกเข็ม อ้อ! ก่อนกินนี่ต้องบีบส้มราดก่อนนะ แล้วก็มีเสาวรสมาให้ด้วย เราก็กินมั่วๆไป รสชาติก็เหมือนกินผักนี่แหละค่ะ อย่าหวังความจี๊สจ๊าดอะไรเลย แต่ก็แปลกๆดีนะ ดอกบัวตองเหลืองๆนั่นก็กินได้ด้วย (เราถามพี่เค้าแล้ว คราวนี้ชัวร์ กินได้ !) กินเฉพาะกลีบนะ แรกๆจะขม เคี้ยวๆไปมีกลิ่นน้ำผึ้ง อ่ะความเกร๋ ~
จานถัดมา เบาๆ (เบาจริงๆ มาช้อนเดียว = =') คือข้าวหมาก ..เราลองถามแม่ๆป้าๆ เค้าบอกตอนเด็กๆเค้ากินบ่อย เเต่ยุคเราน้อยคนจะเคยกินนะ เหมือนเป็นอาหารกินเล่น มันคือการเอาข้าวมาหมัก กลิ่นมันกึ่งๆไปทางแอลกอฮอล์เบาๆ มีกลีบบัวเบาๆวางตกแต่งด้านบน ส่วนตัวแล้วไม่ชอบกลิ่นเลย เเต่คนอื่นบอกอร่อย T^T
จานที่ 6 จานนี้เรานิยามไม่ถูกว่ามันคืออะไรดี บนจานนี้ประกอบด้วยปลาอะไรซักอย่างจะค่อนข้างมันๆหน่อย เส้นโซบะ ขนมเปี๊ยะ มันต้ม ทับทิม ราดซอส พอถึงจานนี้เราก็เริ่มอิ่มแล้วแหละ = ='
กินคาวต้องกินหวาน .. ตบท้ายด้วยของหวานและผลไม้ เป็นอันจบพิธี ~
ต่อไปจะเป็นรูปบรรยากาศในห้องอาหาร ซึ่งเต็มไปด้วยของสะสม ดอกไม้ ภาพเขียน สัตว์สต๊าฟ บรรยากาศเหมือนในบ้านวินเทจแบบโบราณๆ ของเยอะมาก แต่เค้าจัดองค์ประกอบด้วยดี ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลื๊อเกินนนนนนน~
นี่คือภาพมุมสูงของห้องอาหารของเรา นอกจากของสะสมจะเยอะเเล้ว เรารู้สึกเหมือนอยู่ในป่าอะไรซักอย่าง เพราะต้นไม้เยอะมาก การเดินระหว่างอาคารคือต้องเดินขึ้นเนิน ( แบบที่ปิ่นแทบจะเรียกว่าปีน ) แล้วล้อมรอบด้วยฝูงสัตว์ ฝูงนกนับสิบๆ นกบางตัวนางก็เฟรนลี่ด้วย เดินผ่านก็ทัก สวัสดีค้าบบ.. แหมม เจ้าของเค้าสอนมาดีเนอะ 5555555
นอกจากที่ปิ่นถ่ายๆมา กลางคืนตอนเดินกลับรถปิ่นเห็นฝูงกวางด้วย.. นอกจากกินข้าว (กินดอกไม้สิ = =") ดูนก ชมไม้ ทั้งหลายแล้ว พี่เจ้าของยังพาเราไปเดินชมรอบๆ
ซึ่งมีอาคารแยกออกมา อาคารนึงเป็นห้องพระ อีกสองอาคารเป็นห้องเก็บของเก่า ของเยอะจนเราอยากจะเรียกว่าพิพิธภัณฑ์มากกว่า เดินๆไปก็คิดว่าเออน่าจะมากับอาจารย์ประวัติศาสตร์ศิลป์ คงจะมีstory ยาวเลยสำหรับของสะสมที่นี่แต่ละชิ้น
เป็นอันจบทุกสัดส่วนของ"หุบเขาคนโฉด" ร้านอาหารที่คงไม่ได้มีแค่อาหาร และเราก็ไม่ได้มาแค่กิน สำหรับใครที่สนใจ อยากเที่ยวแปลก อยากกินแปลก( แต่ไม่ต้องหวังเรื่องอิ่ม ) เสพงานศิลป์ ถ่ายรูป รับรองมาร้านนี้เราว่าไม่ผิดหวัง แต่อย่าลืมโทรสอบถาม จองโต๊ะให้เรียบร้อย เพราะนอกจากจะไปเก้อไม่ได้กินแล้ว ก็ยังจะไปไม่ถูกอีกด้วย เพราะหลง 5555555555
สำหรับการรีวิว"หุบเขาคนโฉด" คงต้องจบลงเท่านี้ กลับมาเจอกันใหม่บล็อก(แต่ง)หน้า บั๊ยบายยยย