3 ข้อต้องรู้ เงินฝากปลอดภาษี #ดีต่อใจ แค่ฝึกวินัย ออมเป็นประจำ

20 9

มาค่ะ มามุงกันต่อจากคราวที่แล้วที่สัญญากันไว้ว่า จะหาเงินฝากที่ #ดีต่อใจ ให้มากขึ้นกว่าแค่เงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่า ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของบัญชีเงินฝากประจำ คือ ภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ

แต่สิ่งที่ Cool คือ บัญชีเงินฝากปลอดภาษี ที่เป็นเหมือนบัญชีเงินฝากประจำ แต่ไม่ต้องเสียภาษี ที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากจะเริ่มฝึกวินัยการออม

บัญชีเงินฝากปลอดภาษี

เงื่อนไขง่ายๆ ของบัญชีนี้ มี 3 ข้อ คือ 

1. ต้องฝากเป็นประจำทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน

ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำในแต่ละเดือนเอาไว้ที่ 1,000 บาท แต่บางธนาคารก็กำหนดไว้ต่ำกว่านั้น โดยให้เริ่มต้นได้ที่เดือนละ 300 บาท แต่จำนวนเงินสูงสุดเท่าที่เคยเห็นจะอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือนค่ะ เพราะฉะนั้น อยากจะฝาก หรืออยากจะเก็บออมกันเดือนละกี่บาท ก็กำหนดไว้ล่วงหน้าได้เลย วิธีการแบบนี้เราจะได้ฝึกวินัยให้ออมเงิน เพราะบางทีเราแค่ “ตั้งใจว่าจะเก็บเงิน” แต่ไม่มีใคร หรือ อะไรมาบังคับ ก็ทำให้เราไขว้เขวไปได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเจอป้าย SALE ตัวโตๆ ใจมันก็จะสั่นๆ หน่อยๆ เป็นธรรมดา แต่ถ้าเราไปเปิดบัญชีเงินฝากปลอดภาษีที่มีเงื่อนไขให้ต้องฝากเงินเดือนทุกเดือน ก็น่าจะพอช่วยให้มีแรงฮึดในการเก็บเงินขึ้นมาอีกนิดนึง

2. ต้องฝากในระยะเวลาที่กำหนด ... ไม่มากไม่น้อย 24 เดือน เท่านั้นเอง

ธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลา หรือ อายุสัญญาที่เราต้องฝากเงินเอาไว้ที่ 24 เดือน แต่ก็มีบางบัญชีที่มีให้เลือกแบบ 36 เดือน เห็นระยะเวลาที่ต้องฝากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 เดือนแล้ว หลายคนอาจจะท้อ แล้วขอถอนตัวไปก่อนจะเริ่ม เพราะคิดว่า “ตั้ง 24 เดือน ... นานไปมั้ย” แต่ของแบบนี้ต้องลอง ถ้าได้ลองแล้วจะรู้ว่า แป๊บบบบบเดียว เดี๋ยวก็ครบ 24 เดือน เมื่อครบกำหนดเวลาน้ำตาจะไหล เพราะได้เงินก้อนเป็นกอบเป็นกำ และ บัญชีเงินฝากประเภทนี้จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่า เงินฝากประจำทั่วๆ ไป (เท่าที่สำรวจในตลาดตอนนี้มีดอกเบี้ยตั้งแต่ 2-3% ต่อปี) แถมได้ดอกเบี้ยที่ไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก คิดเล่นๆ ว่า ถ้าฝากเดือนละ 2,000 บาท นาน 24 เดือน จะได้เงินก้อน 48,000 บาท แล้วถ้าเพิ่มเป็นเดือนละ 5,000 บาท นาน 24 เดือน เงินจะเพิ่มเป็น 120,000 บาท โอ๊ะๆ เงินหมื่น เงินแสน มากองตรงหน้า คิดไม่ออกเลยว่า จะเอาไปซื้ออะไรดี

3. ต้องฝากให้ครบจำนวน และฝากให้ตรงเวลา

ถ้าอยากจะมั่นใจว่า ดอกเบี้ยของเราจะปลอดภาษีแน่ๆ ก็ต้องมั่นใจว่า เราจะสามารถฝากได้ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ได้ทุกเดือนไปจนครบกำหนดอายุเงินฝาก เพราะถ้าเกิดทำผิดเงื่อนไข เช่น ฝากไม่ครบจำนวน หรือ ฝากไม่ครบเวลา (ส่วนใหญ่จะกำหนดให้ขาดการฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้ง) เราก็อาจจะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่หวังไว้ เพราะอาจจะได้เท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ หรือ กลับไปเสียภาษีดอกเบี้ยเหมือนกับเงินฝากประจำแบบปกติ 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ ดังนั้นก่อนจะเปิดบัญชีประเภทนี้ต้องมั่นใจว่า จะฝากเงินได้ในจำนวนนั้นทุกๆ เดือน และสามารถบังคับให้ตัวเองออมได้จนครบกำหนดเวลา ที่สำคัญต้องศึกษาเงื่อนไขการฝากเงินให้ดีก่อนตัดสินใจแต่เรื่องนี้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่มีเงินรายได้เข้าบัญชีเป็นประจำทุกเดือน เราก็แค่ใช้บริการตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ เรียกว่า เงินเข้าบัญชีมาปุ๊บ ให้ธนาคารตัดเข้าไปไว้ในบัญชีเงินฝากปลอดภาษีปั๊บ เท่านี้ก็เรียบร้อย หรือไม่อย่างนั้นก็เลือกฝากกับธนาคารที่สะดวกมากที่สุด เดินผ่านทุกวัน ไปทำธุรกรรมกันทุกสิ้นเดือน แบบนี้ก็ทำให้การฝากเงินเป็นเรื่องง่าย

เพิ่มเติมอีกนิด

บัญชีเงินฝากปลอดภาษีแบบนี้ ฝากได้กันคนละ 1 บัญชีเท่านั้น หลายคนอาจจะยังไม่สะใจ อยากฝากหลายๆ บัญชี และดอกเบี้ยที่ได้รับก็เล็กน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ ถ้าสาวๆ Jeban รู้สึกอัดอั้นตันใจแบบเดียวกัน แนะนำให้ลองไปลงทุนในกองทุนรวม เพราะเราสามารถออมเป็นประจำ ในจำนวนเงินที่เท่าๆ กันในแต่ละเดือนได้แบบเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. ทุกแห่ง มีบริการแบบนี้ ที่เรียกว่า Dollar Cost Averaging หรือ DCA ให้นักลงทุน ทั้งมือใหม่ มือเก๋า ได้ออม ได้ลงทุน และกำไรจากการลงทุนยังไม่เสียภาษีเหมือนกัน ไปลองแล้วจะติดใจ เผลอๆ อาจจะลืมบัญชีเงินฝากปลอดภาษีไปเลยก็ได้


DokChanMoney

DokChanMoney

FULL PROFILE