Proud2bMom ตอน...เจาะน้ำคร่ำจำเป็นไหม?

11 7

เราเจาะน้ำคร่ำเพื่ออะไร?

สามารถบอกเกี่ยวกับสภาวะผิดปกติต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:– ดาวน์ซินโดรม– โรคโลหิตจางแบบซิกเคิลเซลล์ (Sickle cell)– โรคซิสติกไฟโบรซิส (เยื่อหุ้มโป่งพอง)– โรคกล้ามเนื้อเสื่อม– โรคเสื่อม (Tay-Sachs) หรือโรคอื่น ๆ ที่คล้ายกัน

หลักๆที่คุณแม่ต้องการตรวจกันคือตรวจหาอาการดาวน์ซินโดรมนั่นเอง

ใครบ้างที่มีโอกาสตั้งครรภ์ทารกดาวน์ซินโดรมคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนมีโอกาสมีลูกเป็นดาวน์ ยิ่งแม่มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ลูกก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นดาวน์ซินโดรมมากขึ้นด้วย ส่วนคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อายุน้อยก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่จะพบได้น้อยกว่า ตามอัตราส่วนดังนี้

  • แม่อายุต่ำกว่า 25 ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ          1              ใน            1,500 ราย
  • แม่อายุ 25-29 ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ               1              ใน            1,100 ราย
  • แม่อายุ 35 ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ                     1              ใน            250 ราย
  • แม่อายุ 38 ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ                     1              ใน            120 ราย
  • แม่อายุ 40ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ                      1              ใน            75 ราย
  • แม่อายุ 44 ปี โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ                     1              ใน            30 ราย
  • แม่อายุ 45 ปีขึ้นไป โอกาสที่ลูกจะเป็น คือ            1              ใน            20 ราย

การคัดกรองก็จะมีไล่ระดับไปตั้งแต่

1. เจาะเลือดคัดกรองตั้งแต่สัปดาห์ที่11-16 ที่ศิริราชราคาประมาณ 2,000+บาท

2. niftyให้ผลคัดกรอง 99% อายุครรภ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตรวจ คือ ระหว่าง12-16 สัปดาห์ไม่เสี่ยงแท้ง แต่ถ้าผลออกมาเป็นลบ ก็ต้องเจาะน้ำคร่ำอีกที เพราะเป็นแค่การคัดกรอง ราคาประมาณ20,000+บาท

3. เจาะน้ำคร่ำ ความแม่นยำ99.99% เสี่ยงแท้ง 0.5% ที่ศิริราช ในเวลา3,900 นอกเวลา 5,200บาท

แล้วจำเป็นไหม?

   สำหรับมิ้นจำเป็นมากๆค่ะ หลายคนอาจจะบอกว่าไม่จำเป็นเพราะลูกออกมาแบบไหนก็เลี้ยง แต่มิ้นคิดว่าถึงจะเป็นยังไงก็จะเลี้ยง เราก็ควรรู้ก่อนเพื่อรับมือและเตรียมตัวใช่ไหมคะ เพราะการเลี้ยงเด็กพิเศษคนนึงไม่ง่ายเลย ทั้งในแง่จิตใจและทางสังคม ไหนจะโรคที่มาพร้อกันกับเด็กพิเศษด้วย ยิ่งเรารู้ก่อนมากเท่าไหร่ยิ่งเตรียมตัวรับมือได้ดีมากขึ้นเท่านั้นนะคะ

   และสมัยนี้โรคนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะคุณแม่ที่มีอายุ35+เท่านั้นนะคะ ผลสำรวจกลับพบว่าคุณแม่ที่มีอายุน้อยทำให้เกิดโรคนี้เยอะขึ้นเพราะคุณแม่คิดว่าอายุยังน้อย+คนที่บ้านไม่เคยมีประวัติมาก่อนคงไม่เป็น จะบอกว่าตอนนี้ไม่เกี่ยวกับกรรมพันธุ์และอายุเท่านั้นแล้วนะคะ

   ข่าวร้ายคือวันที่มิ้นไปเจาะมาได้คุยกับน้องคนนึงอายุ28ปีเองค่ะ ลุกเป็นเด็กพิเศษ จากที่คุยกันคือคุณหมอก็ไม่ได้แนะนำให้ตรวจแม้กระทั่งการคัดกรอง ด้วยความที่เห็นว่าคุณแม่อายุยังน้อย ในครอบครัวก็ไม่มีประวัติ มารู้อีกทีก็วันที่คลอดน้องละค่ะ น้องบอกตอนแรกก้อเข่าอ่อนไปเหมือนกันเพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลย เห็นไหมคะว่าถ้าเรารู้ก่อนเราจะรับมือได้ก่อน

   ของมิ้นปรึกษากับแฟนแล้วว่าอายุก็38ปีแล้ว ค่อนข้างเสี่ยงถ้าตรวจniftyแล้วผลออกมาว่าเสี่ยงก็ต้องเจาะน้ำคร่ำอยู่ดี เลยตัดสินใจว่าเจาะน้ำคร่ำไปเลยดีกว่า ถามว่ากลัวไหม กลัวนะคะเพราะมันมีเปอร์เซ็นต์แท้ง แล้วมีก็มีภาวะแท้งคุกคามด้วย แต่อีกใจคือมั่นใจในตัวหมอและความทันสมัยของเครื่องมือด้วย เลยตัดสินใจเจาะไปเลยค่ะ

   หลังจากบอกหมอว่าจะเจาะคุณหมอก็ทำใบส่งตัวให้ไปยื่นนัดกับทางศิริราชค่ะ (มิ้นฝากที่คลีนิคอ.จปรัฐ)

   วันไปนัดคิดว่าไปแปบเดียวก็ปรากฎว่านานนนนซ้า คุณหมอให้ไปนัดที่ห้องมารดาและทารก ตึก100ปี ตรงข้ามกับห้องหน่วยผู้มีบุตรยากเลยค่ะ มีเรื่องวุ่นๆนิดหน่อย คือพยาบาลทวงรูปซาวน์ล่าสุดของเบบี๋ เพราะอยากรู้อายุครรภ์ แต่มิ้นก็บอกไปแล้วในใบส่งตัวก็เขียนนะ แต่พยาบาลบอกว่าไม่ได้ต้องซาวน์ใหม่ อ่ะซาวน์ก็ซาวน์ คือไปถึงตั้งแต่7.30น. แต่ต้องรอซาวน์9.30น. พอซาวน์เสร็จ พยาบาลอีกท่านก็พาไปห้องเพื่ออธิบายเรื่องการเจาะน้ำคร่ำ แล้วก้อถามเรื่องอายุครรภ์ว่าปจด.วันแรกของครั้งสุดท้ายมาเมื่อไหร่ พอมิ้นตอบไปเค้าบอกโอเคพี่เชื่อหนู (อ้าวแล้วซาวน์เพื่อ...?)

   ยังไม่จบค่ะ พอเค้าดูใบตรวจเลือดปรากฎผลเลือดเกิน6เดือนต้องตรวจใหม่อีก อ่ะตรวจก็ตรวจ ทีนี้วุ่นวายหน่อย โดนส่งไปเจาะที่ห้องสูติอีกตึกนึง พอไปทางโน่นเค้าก้อให้ลงมาเจาะที่ชั้น1 แล้วถึงจะส่งผลไปที่ห้องมารดา แล้วทำการนัดให้ค่ะ

เช้าวันนัด วันที่ 5มิ.ย.60

7.00น ถึงรพ.

7.30น วางบัตรนัด

8.00น ขอเจ้าหน้าที่ลงไปกินข้าวเพราะเห็นว่ายังไม่เรียก

   ให้กินข้าวให้อิ่มเลยนะคะ เบบี๋จะได้สงบไม่ดิ้น ไปถึงก็ยื่นใบนัดให้เจ้าหน้าที่ แล้วก็ถามอีกทีเพื่อความมั่นใจว่าเป็นอาจารย์หมอเจาะให้ใช่ไหม เค้าบอกว่าค่ะ ถ้าในเวลาจะเป็นเคสเรียนจะให้นศ.ที่เรียนเฉพาะทางเป็นคนเจาะ แต่อาจารย์หมออยู่ด้วย มิ้นก็ใจเสียแล้วสิ เค้าบอกว่าถ้าเป็นอาจารย์หมอเจาะต้องไปนอกเวลาค่ะ อ้าวววทำไมไม่มีใครบอกมิ้นเล้ยยยกริสสสส

   8.30น ขึ้นมาแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาแล้ว แล้วก็ไปดูวีดีโอเกี่ยวกับการเจาะน้ำคร่ำ กำลังจะจิ้มแตงโมเข้าปาก เจอภาพเข็มเข้าไปถึงกับกินไม่ลงเลยทีเดียว ดูวีดีโอออกมา บอกเลยว่าจากที่กลัวอยู่แล้ว กลัวหนักกว่าเดิมมากกก เริ่มกังวลเข้าห้องน้ำตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เรียกทีสะดุ้งที- -" ซักพักพยาบาลเรียกไปวัดความดันแล้วกลับมานั่งรอเรียกเข้าห้องเจาะ

  10.00น เข้าห้องเจาะ ก่อนเข้าขอเข้าห้องน้ำอีกรอบ555

 บรรยากาศในห้องเจาะ

   เข้าไปรอที่เตียง6 เจอคุณหมอที่เรียนเฉพาะทาง(มิ้นจะเรียกว่านศ.นะคะ) บอกให้นอนลงได้เลยเดี๋ยวพยาบาลจะมาจัดการให้ วันนี้ไม่ต้องถอดเสื้อผ้าใส่ชุดคลุมสีเขียวนะคะ มิ้นใส่เดรสพยาบาลให้เปิดขึ้นเหมือนเปิดเสื้อ เอาผ้าคลุมข้างล่างให้โผล่แต่พุงค่ะ จากนั้นนศ.ก็มาบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะซาวน์ให้ แล้วอาจารย์หมอจะเป็นคนเจาะให้ค่ะ

พอนศ.ซาวน์เสร็จอ.หมอก็มาค่ะ 

อ.หมอ: คนไข้อายุเท่าไหร่

นศ.: ไม่ตอบหยิบแฟ้มประวัติเราดู แล้วบอกว่า38ปี

อ.หมอ : ทำไมไม่ดูประวัติคนไข้ก่อนจะได้รู้ว่าต้องตรวจตรงไหนเป็นพิเศษไหม (เรานอนตัวแข็งละกลัวอ.หมอ555)

จากนั้นอ.หมอเริ่มซาวน์เราอีก

อ.หมอ: เด็กอยู่ในท่าอะไร

นศ.: ท่าก้นครับ

อ.หมอ: หัวอยู่ตรงนี้ รกอยู่ตรงนี้ ขาอยู่ตรงนี้ เรียกว่าท่าก้นเหรอ ท่าอะไร?!

นศ.: ทะท่าหัวครับ

อ.หมอ: ใช่ เค้าเรียกท่าหัวหมอดูยังไงเป็นท่ากัน เนี่ยเด็กนอนอยู่ท่าง่ายมากดูง่าย ถ้าหมอไปเจอเด็กนอนไม่ใช่ท่านี้หมอจะดูยากกว่านี้นะ (ไข่น้อยช่วยพี่นศ.ได้แค่นี้นะฮับ- -")

จากนั้นก็ถามอีกหลายคำถามเป็นศัพท์เฉพาะมิ้นจำไม่ได้แฮร่ๆ เป็นอันจบการเรียนค่ะ

   จากนั้นอ.หมอก็หันหน้าจอมาทางเราให้เราดูไข่น้อย ว่าแข็งแรงดี คุณหมอจะให้เราดูแล้วอธิบายเพื่อให้เราตัดสินใจอีกครั้งนึงเมื่อตรวจเสร็จ วัดขนาดสัดส่วนต่างๆ แจ้งให้คุณแม่ทราบ อ.หมอบอกว่าไข่น้อยหนัก275ก.แล้ว ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังดี อวัยวะภายนอกสมบูรณ์ดีมาก อวัยวะภายในดีดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วถามมิ้นอีกรอบว่า "คุณแม่จะตัดสินใจว่าไงครับ" เราคิดว่าไหนๆทำใจมาขนาดนี้แล้ว ตอบอ.หมอไปว่า "เจาะค่ะ" อ.หมอก้อลุกไปให้พยาบาลเช็ดเจลออกก่อนค่ะ และรออ.หมอมา มิ้นกลัวมากร้องไห้ไปลูบพุงบอกลูกไปว่า ช่วยๆกันนะ แข็งแรงๆปลอดภัยนะลูก แม่รักหนูนะ

   พออ.หมอมา บอกให้เรานอนให้สบาย เอามือไว้บนหน้าอกค่ะ อ.หมอจะเอายาฆ่าเชื้อเหลืองมาทาที่พุงเราค่ะ คล้ายๆเบตาดีนนะคะ จากนั้นจะมีผ้าเจาะรูมาวางคลุมอีกที ตอนนี้ล่ะค่ะที่อ.หมอบอกให้เรานอนนิ่งๆห้ามขยับ เริ่มเกร็งอีกรอบ555 คืออ.หมอจะคอยบอกทุกขั้นตอนนะคะถ้ากลัวก็หลับตาเอาค่ะ ตอนแรกมิ้นว่าจะลืมตามอง พอเห็นเข็ม หลับตาดีกว่าค่ะ5555

   ก่อนหมอลงเข็มหมอจะซาวน์ไปด้วยนะคะ เพิ่อให้เห็นว่าเข็มลงไปลึกแค่ไหนแล้ว อีกมือนึงหมอจะเจาะพุงเราค่ะ หมอจะฉีดยาชาแล้วครับ เฮือกกก อ้าวไม่เจ็บนิ! พอถอดเข็มปุ๊บ หมอจะลงเข็มเจาะแล้วนะครับ จะเจ็บนิดนึงแล้วก็รู้สึกจุกๆหน่อยนะ เอ่อ...คือหมอคะจะไม่รอให้ชาก่อนเหรอคะ(คิดในใจแต่ไม่ทันละหมอเจาะไปแล้วววว) เอ้าไม่เจ็บอีกแฮะ คือจะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็ไม่ใช่นะคะ คือเจ็บแบบว่าเวลาเราเราโดนเข็มเลือดแค่นั้นอ่ะค่ะ พอจิ้มลงไปหมอจะเริ่มทำการดูดน้ำคร่ำ หมอบอกคุณแม่ทำตัวสบายๆนะครับ หายใจเข้าพุธโธเหมือนเวลาทำสมาธิ พอหมอพูดปุ๊บ จากที่ไม่เกร็งๆเลยทีนี้555 ค่อยหายใจเหมือนจะเป็นลมเพราะกลัวตัวขยับ555 ในใจตอนนั้นคือมันนานมากกกกก แต่จริงเเปบเดียวค่ะ หมอจะบอกว่าหมอจะถอนเข็มนะครับจะจุกๆหน่อยนะ สรุปแล้วไม่เจ็บนะคะแค่จุกๆเหมือนที่หมอบอกจริงๆค่ะ จากนั้นคุณหมอก็เอาพลาสเตอร์มาปิดพุงให้ค่ะ

   จากนั้นอ.หมอจะทำการซาวน์อีกครั้งนึงแล้วก็หันจอมาทางเรา ซาวน์ให้เราดูอีกครั้งค่ะว่าหลังเจาะแล้วเบบี๋เรายังปลอดภัยอยู่ค่ะ เป็นอันเสร็จการเจาะน้ำคร่ำเสร็จแล้วค่ะ หมอให้ค่อยลุกแล้วไปนั่งรอใบนัดฟังผลได้เลยค่ะ ตอนเดินต้องค่อยๆเดินจริงๆค่ะเพราะเริ่มรู้สึกจุกๆเสียดนิดหน่อย

ข้อปฎิบัติตัวหลังเจาะน้ำคร่ำ

-ห้ามทำงานหนัก โดยเฉพาะยกของหนัก

-เดินช้านอนนิ่งๆ อย่างน้อยภายใน24ชม.

-หากมีอาการผิดปกติเช่น เลือดออก มีไข้ หรืออาการผิดปกติไปจากเดิม ให้ถือใบที่ทางรพ.ให้ไปที่รพ.ที่ใกล้ที่สุดค่ะ

   มิ้นก็ขอฝากอีกหนึ่งประสบการณ์ไว้เผื่อเป็นตัวเลือกให้กับคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะคะ

ติดตามรีวิวอื่นๆในการทำ IVF ของมิ้นได้ที่ เพจ Proud 2b Mom ทาง facebook ได้แล้วนะคะ

https://www.facebook.com/Proud-2b-Mom-134400227135200/


Proud2bMom

Proud2bMom

https://www.facebook.com/Proud-2b-Mom-134400227135200/

FULL PROFILE