แฟชั่นในอาณาจักรในยุโรปที่ตรงกับช่วงเวลา"บุพเพสันนิวาส"
candy 34 5
ปรากฏการณ์ความโด่งดังของ "บุพเพสันนิวาส" ละครที่สร้างขึ้นจากนวนิยายอ้างอิงประวัติศาสตร์จากรัชสมัยของพระนารายณ์มหาราชนั้นได้สร้างความตื่นตัวให้กับผู้เสพความบันเทิงในเรื่องวัฒนธรรมที่เรืองรองของกรุงศรีอยุธยา การท่องเที่ยวจังหวัดอยุธยาคึกคัก สังคมออนไลน์ได้แบ่งปันความรู้ทางประวัติศาสตร์อย่างมิได้ปรากฏให้เห็นง่ายๆ แม้กระทั่ง How To ใน jeban ยังต้องมีงามสไตล์แม่การะเกด!
แต่คราวนี้เราจะขอชวนไปชมอีกฟากโลก พบกับความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรในยุโรปที่ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชผ่าน Fashion Trend ในศตวรรษที่ 16-17 กันค่ะ
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส
นี่คือรัชสมัยสุริยกษัตริย์ที่พระนามยังคงเลื่องลือมาจนถึงปัจจุบัน หลายคนอาจจะนึกถึงพระราชวังแวร์ซายที่งดงามเพริศแพร้วทุนสร้างมหาศาลจากพระดำริของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่จะสร้างศิลปกรรมอันงดงามให้เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการที่จะสร้างชื่อเสียงให้โลกได้รับรู้ถึงพลานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
ศูนย์รวมราชสำนักมีความอลังการถึงปานนี้ ย่อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกบ้านแขกเมืองที่มาจากราชสำนักต่างประเทศ ก่อนหน้าที่พระเจ้าหลุยส์จะสร้างชื่อเสียงให้กับฝรั่งเศส ศูนย์กลางของแฟชั่นยังอยู่ที่ที่สเปน อีกมหาอำนาจในยุโรปในยุคนั้น แต่เมื่อถึงรัชสมัยของเป็นสุริยกษัตริย์ที่เป็นศูนย์กลางให้ผู้อื่นต้องหมุนตาม ฝรั่งเศสจะต้องเป็นผู้นำทั้งเรื่องเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงแฟชั่นที่เลิศหรู
นี่คือรัชสมัยสุริยกษัตริย์ที่พระนามยังคงเลื่องลือมาจนถึงปัจจุบัน หลายคนอาจจะนึกถึงพระราชวังแวร์ซายที่งดงามเพริศแพร้วทุนสร้างมหาศาลจากพระดำริของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่จะสร้างศิลปกรรมอันงดงามให้เป็นศูนย์กลางการบริหารราชการที่จะสร้างชื่อเสียงให้โลกได้รับรู้ถึงพลานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
ศูนย์รวมราชสำนักมีความอลังการถึงปานนี้ ย่อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกบ้านแขกเมืองที่มาจากราชสำนักต่างประเทศ ก่อนหน้าที่พระเจ้าหลุยส์จะสร้างชื่อเสียงให้กับฝรั่งเศส ศูนย์กลางของแฟชั่นยังอยู่ที่ที่สเปน อีกมหาอำนาจในยุโรปในยุคนั้น แต่เมื่อถึงรัชสมัยของเป็นสุริยกษัตริย์ที่เป็นศูนย์กลางให้ผู้อื่นต้องหมุนตาม ฝรั่งเศสจะต้องเป็นผู้นำทั้งเรื่องเทคโนโลยี ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงแฟชั่นที่เลิศหรู
พระยาโกษาธิบดีเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ณ พระราชวังแวร์ซาย
กษัตริย์ผู้ทำให้เทรนด์วิกเลื่องลือ
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เริ่มมีเกศาบางตั้งแต่ยังทรงหนุ่มแน่นอันเป็นกรรมพันธุ์มาจากพระบิดา พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงเริ่มใช้วิกปกปิดพระเศียรล้านมาก่อน แต่วิกของพระองค์ดูเรียบกว่าสไตล์ของผู้สืบบัลลังก์มาก
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เริ่มมีเกศาบางตั้งแต่ยังทรงหนุ่มแน่นอันเป็นกรรมพันธุ์มาจากพระบิดา พระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงเริ่มใช้วิกปกปิดพระเศียรล้านมาก่อน แต่วิกของพระองค์ดูเรียบกว่าสไตล์ของผู้สืบบัลลังก์มาก
แต่พระเจ้าหลุยส์ได้ไปไกลกว่าการสวมวิกปกปิดเกศาที่ร่วงหล่นจนบางก่อนวัย วิกของพระองค์นั้นโดดเด่นที่ volume มองเห็นได้แต่ไกล และทรงทำให้เทรนด์นี้ขจรขจายเป็นที่นิยมในหมู่บุรุษชนชั้นผู้ดีทั้งในราชสำนักฝรั่งเศสและอังกฤษ
อลัน ริคแมนผู้สวมบทบาทเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในหนัง A Little Chaos
ว่ากันว่าด้วยพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่ แต่พระองค์มีส่วนสูงเพียง 163 ซ.ม. รองเท้าส้นสูงจึงเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมบุคลิกอันสง่างาม มีเพียงคนของพระองค์ในราชสำนักเท่านั้นที่สามารถใส่รองเท้าส้นสูงที่มีสีแดงได้ เนื่องจากสีแดงคือสิ่งที่แสดงถึงความมั่งคั่งของชนชั้นสูงเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำเป็นสีย้อมนั้นมีราคาแพง เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรลงเบื้องล่างก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ใดเป็นข้าบริวาร
นักประวัติศาสตร์ผู้หนึ่งแนะว่ารองเท้าส้นสูงยังเป็นเครื่องหมายแบ่งแยกชนชั้น เพราะผู้ดีมีสกุลย่อมไม่จำเป็นต้องเยื้องย่างไปในในพื้นผิวสกปรกมีดินโคลนเหมือนกับสามัญชนที่ต้องใช้แรงงาน และยังแสดงความห้าวหาญของผู้ชายที่พร้อมจะเหยียบย่ำศัตรูด้วยส้นรองเท้าเสมอ (อืมมมมม)
เพราะเป็นช่วงเวลาที่ฟูเฟื่องเรืองรองของฝรั่งเศส จึงมีการสร้างหนังซีรีย์เรื่องราวของกษัตริย์ผู้เป็น trendsetter มาแล้วหลายครั้งค่ะ ที่ร้อนแรงในตอนนี้คือซีรีย์เรื่อง Versailles ที่นำเสนอเรื่องกามารมณ์และการแก่งแย่งชิงดีในราชสำนักแบบถึงลูกถึงคน ถ่ายทำกันในแวร์ซายจริงๆ ลองมาชมแฟชั่นในซีรีย์กับภาพวาดจากประวัติศาสตร์กันเลยค่ะ ซีรีย์เรื่องนี้ผู้ดูแลคอสตูมเป็นทีมจากฝรั่งเศสค่ะ
ทีมงานตัดสินใจไม่ให้พระเอกใส่วิกฟูฟ่อง ถึงจะมีการเล่าขานว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เกศาบางตั้งแต่ยังทรงหนุ่มแน่น แต่แคแรคเตอร์บนจอที่เป็นกษัตริย์หนุ่มหล่อเหลาและไม่ได้ผมหยิกฟูตั้งเหมือนกับภาพวาดจากประวัติศาสตร์อาจจะสร้างแรงดึงดูดให้กับผู้ชมในยุคปัจจุบันมากกว่า
ราชินีเทเรซ่าแห่งสเปน ดังที่ทราบกันนะคะว่าราชวงศ์ยุโรปในสมัยกก่อนนั้นมีการอภิเษกการเมืองมานานหลายร้อยปี เป็นสาเหตุให้คิงและควีนต่างก็เป็นเครือญาติกัน การอภิเษกกับเจ้าหญิงสเปนนั้นเกิดขึ้นตามประสงค์ในการยุติสงครามของฝรั่งเศสและสเปน หลายคนมองราชินีเทเรซ่าว่าเป็นชายาเอกที่อาภัพเพราะต้องรับรู้เรื่องราวการนอกใจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับบ้านเล็กมากมายตลอดชีวิตของพระองค์
*ภาพทรงเกศาในภาพวาดด้านบนนั้นเป็นที่นิยมในสเปน และมีความเปลี่ยนแปลงหลังจากก้าวขึ้นตำแหน่งราชินีแห่งฝรั่งเศสดังภาพล่าง
*ภาพทรงเกศาในภาพวาดด้านบนนั้นเป็นที่นิยมในสเปน และมีความเปลี่ยนแปลงหลังจากก้าวขึ้นตำแหน่งราชินีแห่งฝรั่งเศสดังภาพล่าง
ทรงผมที่นิยมในยุคนั้นมีการดัดม้วนเกล้าให้ดูซับซ้อน แต่หาได้เน้นความพองฟูเหมือนกับวิกของสุภาพบุรุษ
ภาพการส่งตัวเจ้าหญิงเทเรซ่าสู่ฝรั่งเศสเพื่อการอภิเษกตามพันธะสัญญา
Madame de Montespan ชู้รักออกหน้าออกตาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้มีบุตรนอกสมรสด้วยกันถึง 7 คน
มีนักประวัติศาสตร์บางคนยืนยันว่า คิงอาบน้ำค่ะ เป็นการอาบในอ่างเตอร์กิชแบบในซีรี่ย์ จะอาบด้วยเหตุผลทางสุขภาพและอาบตอนทำอย่างว่ากับสารพัดชายาน้อย แต่คนในสมัยนั้นจะมีความเชื่อเรื่องการไม่อาบน้ำ เข้าใจว่าจะไปเปิดรูขุมขนให้โรคเข้าร่างกาย ถ้าเหม็นโฉ่ก็น่าจะเหม็นกันหมด คิงจึงใช้แอลกอฮอล์ถูผิว เปลี่ยนชั้นในบ่อยๆ แต่ไม่ถึงกับไม่อาบเลย ส่วนเรื่องน้ำหอมนั้นใช้เยอะในช่วงหนุ่ม ๆ แต่พออายุมากจะลดลงมากเพราะปวดเศียรจากกลิ่นหรือแพ้
อีกเรื่องที่นักประวัติศาสตร์บางคนคิดว่าคิงไม่ได้สกปรกนั่นคือ พระชนมายุอายุยืนยาวมากถ้าเทียบกับคนอื่นที่ติดเชื้อนิดหน่อยก็ลามจนตาย ทรงมีทายาทเป็นสิบๆ คน แต่อยู่โตเป็นผู้ใหญ่ไม่กี่คน เป็นโรคอ่อนแอทั้งนั้น เรื่องที่ว่าตัวเหม็นจนคนทนไม่ได้นี่ต้องรวมเชื้อโรคไว้เยอะไม่น่าจะอายุยืน อาจจะเป็น myth ก็ได้ค่ะ
นี่คิอ Hortense Mancini หลานสาวคนใหญ่คนโตฝรั่งเศสที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่งามที่สุดในยุคสมัยนั้นของยุโรปและกลายเป็นชู้รักของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ เรื่องเมคอัพยังไม่นิยมแพร่หลายเพราะเคยถือว่าการแต่งหน้าของผู้หญิงคือรูปแบบแห่งการหลอกลวง เมื่อสามารถปรุงแต่งให้สวยด้วยเมคอัพได้ก็สามารถโกหกปลิ้นปล้อนคนอื่นได้ง่ายดายและยังเป็นหนทางไปสู่การนอกใจสามี
beauty standard ในตอนนั้นคือคลั่งขาวแบบเอาเป็นเอาตาย จะเอาอะไรประหลาดๆมาทาหน้าให้ดูขาวไร้สีเลือด จากไข่ขาวไปสู่ผงที่เต็มไปด้วยสารพิษ ยิ่งขาวเท่าใด ยิ่งดูชั้นสูงมากเท่านั้น ผิวแทนและร่างกายที่มีกล้ามเนื้อกำยำคือสิ่งต้องห้ามเพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของสามัญชนที่ต้องปากกัดตีนถีบใช้แรงงานท่ามกลางแดด
beauty standard ในตอนนั้นคือคลั่งขาวแบบเอาเป็นเอาตาย จะเอาอะไรประหลาดๆมาทาหน้าให้ดูขาวไร้สีเลือด จากไข่ขาวไปสู่ผงที่เต็มไปด้วยสารพิษ ยิ่งขาวเท่าใด ยิ่งดูชั้นสูงมากเท่านั้น ผิวแทนและร่างกายที่มีกล้ามเนื้อกำยำคือสิ่งต้องห้ามเพราะนั่นคือสัญลักษณ์ของสามัญชนที่ต้องปากกัดตีนถีบใช้แรงงานท่ามกลางแดด
ความงามในอุดมคติคือ หน้าอิ่มเอิบรูปไข่ มีไลน์คางสองชั้นจางๆ ตากลมโต ปากเล็ก มีลักยิ้มบุ๋มที่คางหรือแก้มได้คือคะแนนบวก
เรื่องความขาวคือสุดยอดแห่งความงามจนเรียกได้ว่าหน้าตาอาจไม่ดีก็ไม่เป็นไร ขอให้ขาวเผือกเอาไว้ก่อน ไม่งั้นไม่ใช่ผู้ดีที่แท้จริง แนวคิดนี้เยอะไปถึงการพยายามทำให้ผิวขาวใสมากที่สุดจนมองเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงิน มาดามทั้งหลายจะหาวิธีอวดเส้นเลือดตามข้อมือของตน ดังที่เราได้เห็นตามภาพวาดเหมือนค่ะ
จะให้บรรยายการโพสก็คงจะประมาณว่า...เป็นไงล่ะ ตะลึงกับเส้นเลือดของชั้นแล้วสิท่า!
ส่วนรูปร่างนั้น ไม่นิยมผอมค่ะ จะต้องมีส่วนเว้าโค้ง ช่วงเอวเล็กแต่มีพุงหน่อยๆ เพื่อแสดงฐานะสมบูรณ์พูนสุขไม่อดอยากข้าวปลาอาหาร ดังเช่นฝั่งของผู้ชายที่อาจจะใส่แผ่นเสริมในเสื้อหน้าเพื่อให้ดูท้วมนิดๆ เพื่อจะได้มีหน้ามีตาว่ารวยจริงไม่ได้ขี้เหนียวเรื่องปากท้อง หน้าอกไม่ใหญ่สะบึมแต่ก็ไม่เล็กเกินไป สะโพกกลมกลึง ว่ากันว่าผู้หญิงผอมๆ นั้นจะไม่ถูกใจพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นัก