ดื่มด่ำความคลาสสิคในร้านอาหารอายุกว่า 100 ปีที่ Shiseido Parlour
fateye_slim 8 2สวัสดีค่ะสาวๆ :)
วันนี้เราจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันล่ะ! ในร้านอาหารเก่าแก่กว่าร้อยปีในกลาง Ginza ที่รับรองว่าถ้าพูดชื่อแล้ว สาวๆ จะต้องงง!! เพราะร้านนี้คือ...
SHISEIDO PARLOUR
ใช่ค่ะ Shiseido เดียวกันกับที่สาวๆ รู้จักนั่นแหละ!!
THE HISTORY
มา เดี๋ยวจะเล่าประวัติสั้นๆ ให้ฟัง จะได้รู้ว่าทำไมที่นี่ถึงน่าสนใจ และทำไมเราถึงต้องพามา
ตึก SHISEIDO PARLOUR นี้ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1902 ค่ะ เป็นตึกสูงสีแดงสวยสะดุดตาอยู่ในย่าน Ginza ใจกลางกรุงโตเกียว โดยเดิมทีขายแค่น้ำโซดาและไอศกรีม ซึ่งก็ถือว่าเก๋ไก๋มากกก เพราะเป็นร้านแรกในญี่ปุ่นที่มีเครื่องผลิตโซดาเอง!! และจากนั้นต่อมาในปี 1928 ก็เริ่มเปิดส่วนของร้านอาหารจริงจังค่ะ
และถ้าสาวๆ สงสัยว่าเกี่ยวกับแบรนด์บิวตี้เก่าแก่ยังไง ก็ต้องเล่าว่า ก่อนจะมาเป็นแบรนด์ skincare อันโด่งดังของญี่ปุ่น SHISEIDO มีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านขายยาใน Ginza นี่แหละค่ะ จากนั้นคุณ Arinobu Fukuhara เจ้าของในยุคนั้น จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ยาให้เป็นผลิตภัณฑ์ประทินผิว และตามมาด้วยเครื่องสำอางอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ :)
THE BUILDING & INTERIOR
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าตึกเนี้ย เก่าแก่ของจริง และยังเปิดบริการมาอย่างยาวนานเป็นร้อยปี โดยแบ่งส่วนหลักๆ เป็นดังนี้ค่ะ
ชั้น 1 - SHISEIDO PARLOUR SHOP
ชั้น 3 - SHISEIDO PARLOUR / SALON DE CAFÉ (ชั้นสีแดง)
ชั้น 4 & 5 - SHISEIDO PARLOUR RESTAURANT (ชั้นสีเหลือง)
**จริงๆ ตึกนี้มีถึง 11 ชั้นด้วยกัน และยังมีอีก 3 ส่วนที่เราไม่ได้ไปเยี่ยม อย่างเช่น FARO SHISEIDO และ BARS งั้นเราข้ามไปละกันน้าาาาา
ชั้น 1 - SHISEIDO PARLOUR SHOP
ชั้น 3 - SHISEIDO PARLOUR / SALON DE CAFÉ (ชั้นสีแดง)
ชั้น 4 & 5 - SHISEIDO PARLOUR RESTAURANT (ชั้นสีเหลือง)
**จริงๆ ตึกนี้มีถึง 11 ชั้นด้วยกัน และยังมีอีก 3 ส่วนที่เราไม่ได้ไปเยี่ยม อย่างเช่น FARO SHISEIDO และ BARS งั้นเราข้ามไปละกันน้าาาาา
GOD IS IN THE DETAILS
และแน่นอนว่า ในความญี่ปุ่นนั้น เราคาดหวังเรื่องความละเอียดละออได้เลย เพราะการตกแต่งร้านนั้นถึงแม้ว่าจะเรียบง่าย คลาสสิค แต่ทั้งผ้าปูโต๊ะ แก้วน้ำ จานชาม ต่างก็มี logo ของ SHISEIDO ที่เป็นรูปดอกคามิลเลีย (Hana Tsubaki) และลายลูกน้ำอันอ่อนช้อยซ่อนอยู่อย่างสวยงามเลยล่ะ :)
LUNCH SET
ในวันที่ไป เราเตรียมหิ้วท้องกันไปกินเต็มที่ค่ะ!! เลยได้ลองทั้งทานเซ็ตอาหารกลางวัน และขนมเลยยยยย
มาพูดถึงอาหารกันก่อน ต้องบอกว่าจุดเด่นของที่นี่ เค้าอยู่ที่ "Croquettes" (คร็อกเกะ) ค่ะ แต่อย่างว่า คนกินดุอย่างเรา สั่ง lunch set เลยดีกว่า จะได้ทานหลายอย่าง! โดยเซ็ตของเราได้ทานหลายอย่างเลยค่ะทั้งซุปฟักทอง ปลาย่าง คร็อกเกะ และตบท้ายด้วยข้าวแกะกระหรี่เนื้อ พร้อมสลัด
ปิดท้ายฟินๆ ด้วยกาแฟ อ่าาาาาา อิ่มจนลืมสวยไปเลย!!
**ราคาของเซ็ตอาหาร อยู่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 yen นะคะ
THE SWEETS
มาต่อกันที่ขนมหวานอันเป็น a must มากๆ ของการมาเยี่ยมตึกนี้
สิ่งที่ขาดไมได้ "ต้องสั่ง" ย้ำ! ต้องสั่ง!! คือน้ำ Soda ยังไงล่ะ!! เพราะเป็นเมนูที่มีมายาวนานกว่าร้อยปี ได้ทานแล้วพูดเลยว่าอร่อยจริงๆ ค่ะ >,< ส่วนขนมอื่นๆ ที่ได้ลองก็เช่น Strawberry Parfet อันนี้อร่อยพอตัว แต่ส่วนสตอบี้นั้น ฉ่ำ อร่อยมาก!!! ขนม Monblanc อันนี้ส่วนตัวน่าจะไม่ถูกปากเราเอง ไม่ใช่ที่นี่ไม่อร่อยนะ แต่ไปกินที่ไหนก็ไม่อินเลยจริงๆ >,< Fruits Sandwish อันนี้แค่เนื้อผลไม้ในครีมสดก็อร่อยมากๆๆๆ แล้วค่ะ
สุดท้ายแอบหิว เลยตบท้ายด้วยของคาวสักหน่อย เป็น Sandwish กุ้ง เอ้า อันนี้อร่อยเริ่ด ต้องลอง!!
THE SHOP
สุดท้าย กลับลงมาที่ชั้น 1 หาซื้อขนมติดไม้ติดมือมาฝากคนที่เมืองไทยสักหน่อย เพราะเค้ามีทั้งขนมแบบใส่กล่องสวยงามตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่น ที่เด็ดก็ Cheesecake ที่เค้าว่าหมดเร็วตลอด หรือเอาจริงๆ ซื้ออะไรสักอย่างกลับมาเป็นที่ระลึกก็ได้นะคะ เพราะกล่องสวยน่าเก็บมากกกกก
หรือถ้าใครยังทานเค้กไม่หนำใจ เค้ามีเค้กที่ทำสดๆ ทุกวัน อันนี้เราไม่ได้มีโอกาสลอง แต่เห็นแล้วทำตาปริบๆ ในความสวยและน่าทานเลยค่ะ โดยเฉพาะเค้กสีน้ำตาลฉ่ำวาวในตู้ก้อนนั้น อยากลองมากกก น้ำตาจะไหล!
หรือถ้าใครยังทานเค้กไม่หนำใจ เค้ามีเค้กที่ทำสดๆ ทุกวัน อันนี้เราไม่ได้มีโอกาสลอง แต่เห็นแล้วทำตาปริบๆ ในความสวยและน่าทานเลยค่ะ โดยเฉพาะเค้กสีน้ำตาลฉ่ำวาวในตู้ก้อนนั้น อยากลองมากกก น้ำตาจะไหล!
และนั่นก็คือการพาทัวร์ SHISEIDO PARLOUR ตึกสีแดงโดดเด่น ใจกลางย่าน Ginza ตำนานน้ำโซดาและร้านอาหารเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมากว่าร้อยปี
**TIPS** หากมีโอกาสได้ทานอาหาร ให้ลองไปช่วงกลางวันดูนะคะ เพราะแสงแดดที่เข้ามาในร้านดีงาม ถ่ายรูปสวยมากกกกกก อิอิ
ถ้าสาวๆ ได้มีโอกาสมาแถวนี้ ขอให้ลองเดินเข้าไปดูค่ะ รับรองว่าถึงจะไม่ได้ทานอาหาร หรือทานขนม แต่ก็ต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาแน่นอน :)
**TIPS** หากมีโอกาสได้ทานอาหาร ให้ลองไปช่วงกลางวันดูนะคะ เพราะแสงแดดที่เข้ามาในร้านดีงาม ถ่ายรูปสวยมากกกกกก อิอิ