Review ศึกประชัน 5 ลิปมันสายธรรมชาติ กับ สายกึ่งธรรมชาติ🌿
minniedaybook 10 2
สาวคนไหนกำลังหาลิปมันคู่ใจอยู่มาดูนี่ วันนี้มินนี่มารีวิวลิปมัน 5 ตัวค่าา
เริ่มที่ ลิปมันสายธรรมชาติ กันก่อนเลยค่า
1. Burt’s Bees – Beeswax Lip Balm (Vitamin E & Peppermint)
เริ่มที่ ลิปมันสายธรรมชาติ กันก่อนเลยค่า
1. Burt’s Bees – Beeswax Lip Balm (Vitamin E & Peppermint)
ข้อดี: เราชอบBurt’s Bees ตรงตัวลิปมันช่วยบำรุงปากได้ดี รู้สึกปากนุ่ม ชอบกลิ่นมิ้นต์หอมๆด้วย ใช้ตอนกลางคืนตื่นเช้ามาปากยังนุ่ม ใช้มาหลายแท่งแล้ว
ข้อเสีย: มันหนืดไปหน่อย แล้วทาลิปบางครั้งเหมือนมันไม่ติดปาก เลยต้องเน้นทาหลายๆรอบ
คะแนน: 7.5/10
ราคา: 280.-
2. Sierra Bees – Organic cocoa butter lip balm
ข้อเสีย: มันหนืดไปหน่อย แล้วทาลิปบางครั้งเหมือนมันไม่ติดปาก เลยต้องเน้นทาหลายๆรอบ
คะแนน: 7.5/10
ราคา: 280.-
2. Sierra Bees – Organic cocoa butter lip balm
Sierra Bees เป็นลิปมันที่พี่สาวของมินนี่ซื้อมาฝากจากอเมริกา
ข้อดี: ชอบที่มีมาตรฐานรับรองออแกนิค USDA ชอบที่เนื้อมันไม่เหลวและไม่หนืดจนเกินไป บำรุงแล้วปากนุ่ม ราคาไม่แพง
ข้อเสีย: ไม่ชอบกลิ่นของมัน มันกลิ่นคล้ายๆถั่วลิสง หาซื้อในไทยไม่ได้ แล้วไม่ป้องกันรังสี UV
คะแนน: 7/10
ราคา: 4 USD (ประมาณ 140 บาท)
3. Lovella Organics – Rose cupcake lip treatment
ข้อดี: ชอบที่มีมาตรฐานรับรองออแกนิค USDA ชอบที่เนื้อมันไม่เหลวและไม่หนืดจนเกินไป บำรุงแล้วปากนุ่ม ราคาไม่แพง
ข้อเสีย: ไม่ชอบกลิ่นของมัน มันกลิ่นคล้ายๆถั่วลิสง หาซื้อในไทยไม่ได้ แล้วไม่ป้องกันรังสี UV
คะแนน: 7/10
ราคา: 4 USD (ประมาณ 140 บาท)
3. Lovella Organics – Rose cupcake lip treatment
Lovella Organics ตัวนี้เป็นแบรนด์ของไทยค่า
ข้อดี: มีมาตรฐานรับรองออแกนิค USDA หาซื้อได้ง่าย ใครที่ชอบกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ต้องหลงรักเหมือนมินนี่ ที่สำคัญเค้าไม่ได้ใส่น้ำหอมจ้า กลิ่นหอมมาจากน้ำมันดอกกุหลาบ เนื้อของลิปมันไม่เหลวไม่หนืด บำรุงลิปได้ดี รู้สึกชุ่มชื่น แถมป้องกันรังสี UV ด้วย
ข้อเสีย: น่าจะมีหลายกลิ่นให้เลือกมากกว่านี้
คะแนน: 9/10
ราคา: 290.-
ฝั่งลิปมันกึ่งธรรมชาติ
4. ลิปมันเภสัชกร
ข้อดี: มีมาตรฐานรับรองออแกนิค USDA หาซื้อได้ง่าย ใครที่ชอบกลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ต้องหลงรักเหมือนมินนี่ ที่สำคัญเค้าไม่ได้ใส่น้ำหอมจ้า กลิ่นหอมมาจากน้ำมันดอกกุหลาบ เนื้อของลิปมันไม่เหลวไม่หนืด บำรุงลิปได้ดี รู้สึกชุ่มชื่น แถมป้องกันรังสี UV ด้วย
ข้อเสีย: น่าจะมีหลายกลิ่นให้เลือกมากกว่านี้
คะแนน: 9/10
ราคา: 290.-
ฝั่งลิปมันกึ่งธรรมชาติ
4. ลิปมันเภสัชกร
ตัวนี้ก็เป็นลิปมันคลาสสิคอีกตัว
ข้อดี: หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง มีความลื่นและเหลว แต่น้อยกว่าของวาสลีน ชุ่มชื่นเล็กน้อย เราชอบที่มันหาซื้อง่าย
ข้อเสีย: ไม่ชอบกลิ่นเท่าไหร่
คะแนน: 6/10
ราคา: 15.-
5. Vaseline Aloe Vera
ข้อดี: หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง มีความลื่นและเหลว แต่น้อยกว่าของวาสลีน ชุ่มชื่นเล็กน้อย เราชอบที่มันหาซื้อง่าย
ข้อเสีย: ไม่ชอบกลิ่นเท่าไหร่
คะแนน: 6/10
ราคา: 15.-
5. Vaseline Aloe Vera
วาสลีนเป็นลิปมันคลาสสิคที่มีทุกบ้าน ตัวนี้มีสารสะกัดจากอโลเวล่า
ข้อดี: หาซื้อได้ง่าย เนื้อมีความลื่นมากๆเหมือนวาสลีนทั่วไป ไม่มีกลิ่น ให้ความชุ่มชื่นได้ไม่มาก
ข้อเสีย: ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบใช้วาสลีนเท่าไหร่ เพราะเนื้อลิปจะเหลวและหลุดง่าย ทำให้ต้องทาหลายรอบ
คะแนน: 6/10
ราคา: 199.-
สรุปใครคือผู้ชนะ?
ข้อดี: หาซื้อได้ง่าย เนื้อมีความลื่นมากๆเหมือนวาสลีนทั่วไป ไม่มีกลิ่น ให้ความชุ่มชื่นได้ไม่มาก
ข้อเสีย: ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบใช้วาสลีนเท่าไหร่ เพราะเนื้อลิปจะเหลวและหลุดง่าย ทำให้ต้องทาหลายรอบ
คะแนน: 6/10
ราคา: 199.-
สรุปใครคือผู้ชนะ?
สำหรับมินนี่ เลือก Lovella Organics ค่ะ เพราะว่าโดยรวมเนื้อลิปไม่เหลวเกินไปและไม่หนืดเกินไป แถมยังใช้ส่วนผสมออแกนิค เป็น ลิปมันสายธรรมชาติ ในอุดมคติ แล้วมีสารป้องกันแดดที่อันอื่นไม่มี ซึ่งเรามองว่ามันเป็นแบบ Full-option ครบจบในตัวเดียวสำหรับลิปมัน