จับตามองคดีอาชญากรรมทางเพศที่อาจจะทำให้ Diddy ติดคุกยาว

ภาพเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมแร็พเพอร์ชื่อดังคาโรงแรมอาจจะไม่ใช่เรื่องชวนช็อคโลก เพราะเมื่อไม่นานมานี้ คฤหาสน์หรูสองแห่งของ Sean “Diddy” Combs ก็ถูกบุกค้นหาหลักฐานเพื่อเอาผิดในข้อหา sex trafficking จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ด้านมืดที่ถูกซุกซ่อนไว้ของเจ้าพ่อฮิอปฮอปถูกมองเป็น open secret หรือสิ่งที่รู้ๆกันในกลุ่มคนบันเทิงซะด้วยซ้ำ  เจ้าตัวเองก็ดูมาดมั่นในตัวตนผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง ถึงขนาดเคยพูดจาอย่างคึกคะนองท้าทายอำนาจกฎหมายมาแล้ว และได้สร้าง connection แน่นปึ้กกับคนดังระดับ high profile มายาวนานหลายปี  อย่างไรก็ตาม เมื่อ Diddy ถูกควบคุมตัวเพื่อขึ้นศาลต่อสู้คดีอาญา หลายฝ่ายจึงจับตามองว่า ศิลปินดังที่เคยถูกมองว่าไม่มีใครแตะต้องได้ กำลังจะถูกสาวไส้ออกมาจนประชาชนได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง หรือว่าเขาจะใช้วิธีใดในการพิสูจน์ตัวเองให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหา?

ข้อกล่าวหาการกระทำผิดทางอาญา

อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตตอนใต้ของนิวยอร์กได้ประกาศการจับกุม Diddy และเปิดเผยคำฟ้องไว้ดังนี้

• ทำร้าย ข่มขู่ บีบบังคับผู้หญิงและคนรอบข้างเพื่อเติมเต็มความปรารถนาทางเพศมาตลอดระยะเวลาหลายปี และได้อาศัยลูกจ้าง กำลังเงินและอิทธิพลเพื่อปกปิดการกระทำผิด 

• มีพฤติกรรมทารุณผู้หญิงและคนกลุ่มอื่นซ้ำเป็นแพทเทิร์น ทั้งทางวาจา อารมณ์และร่างกาย เตรียมการเพื่อล่อลวงผู้หญิงเพื่อให้ร่วมกิจกรรมทางเพศกับชายขายบริการ นัดแนะจัดการให้ผู้หญิงเดินสารเครื่องบินมาถึงที่พัก หยิบยื่นยาเสพติดให้พวกเธอและชักจูงใจให้พวกเธอยินยอมด้วยการยื่นเสนอทางด้านการงานและความช่วยเหลือทางการเงิน  ทั้งยังข่มขู่ว่า จะตัดความช่วยเหลือเหล่านี้ไปหากไม่ยินยอม รวมถึงการใช้ความรุนแรง

• ทำร้ายร่างกายผู้หญิงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2009 และเคยเกิดเหตุเมื่อปี 2016 ซึ่งมีพนักงานโรงแรมเป็นพยานรู้เห็นชัดเจน เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาห้ามปราม ก็พยายามติดสินบนเพื่อไม่ให้เผยแพร่เรื่องนี้สู่ภา่ยนอก และไม่ได้ทารุณผู้หญิงเพียงไม่กี่คน แต่ยังลงมือกับลูกจ้าง พยานรู้เห็นเหตุการณ์และผู้อื่น

• ออกคำสั่งให้พนักงานที่ทำงานภายใต้ธุรกิจของตัวเองเพื่ออำนวยความสะดวกในการกระทำทารุณกรรมและการซื้อขายประเวณี ทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย คนงานในบ้าน ผู้ช่วยส่วนตัว พนักงานระดับสูงที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงาน

• ยังมีเรื่องใช้แรงงานบังคับ ลักพาตัว วางเพลิง ติดสินบน และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

สรุปแล้วแบ่งเป็น 3 ข้อกล่าวหา นั่นคือ ค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณี ขู่กรรโชก และเป็นธุระจัดหาหรือพาไปเพื่อค้าประเวณี อัยการยังเรียกร้องให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการกระทำของศิลปินฮิปฮอปชื่อดังและพยานออกมาให้ข้อมูลในการสืบสวนครั้งนี้ด้วย

ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายวิเคราะห์ว่า หาก Diddy ถูกพิพากษาให้มีความผิดจริง เขาอาจจะได้รับโทษจำคุกถึง 15 ปี ในขณะนี้ ผู้พิพากษายังปฏิเสธการให้ประกันตัวแม้จะขอยื่นเงินประกันสูงถึง 50 ล้านดอลลาร์! และยังถูกฟ้องร้องคดีแพ่งจากจากหลายคนที่กล่าวหาเขาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศอีกด้วย

จากเจ้าภาพจัด party ระดับตำนานของวงการก้าวสู่สถานกักกันผู้ต้องหา

ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและซื้อขายประเวณีนั้นอาจจะสร้างความสงสัยให้กับขาวเน็ทจำนวนไม่น้อย เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา Diddy มีชื่อเสียงลั่นวงการในด้านการทุ่มเงินจัด party ที่หลุดโลกบ้าคลั่งในระดับที่คนดังบอกกันปากต่อปากว่า อย่าได้พลาดโอกาส! หากใครไม่ได้รับคำเชื้อเชิญ อาจจะสื่อได้ว่า ยังไม่โด่งดังเข้าตาเจ้าภาพหรือบาดหมางเป็นคู่อริกัน เจ้าตัวอาจจะประสบความสำเร็จในงานดนตรีฮิปฮอป แต่ชื่อเสียงเรื่องการจัด party นั้นคงเส้นคงวา คนดังที่เคยได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์เหนือความคาดหมายก็เคยออกมาแชร์ให้โลกได้รู้ถึงด้านฉาวโฉ่ของ  party แบบฉบับ  Diddy มาแล้ว

• Khloe Kardashian บอกว่า แขกครึ่งค่อนงานโชว์ก้นเปลือยกันไม่แคร์สายตาใคร

• Ashton Kutcher เล่าว่า เขาเคยได้พบเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ในงานที่่แรงจนไม่สามารถพูดออกสื่อได้ มันกลายมาเป็นความทรงจำสุดพิลึกพิลั่น

• Usher อธิบายอ้อมๆว่า ถึงจะเข้าร่วม party เพื่อเรียนรู้ lifestyle แปลกใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่ได้เห็นในงาน แม้ว่าเขายังไม่ได้เห็นทุกอย่างแบบหมดเปลือก แต่มันก็บ้าคลั่งมาก (ในช่วงวัยรุ่น เขาเคยอาศัยกับ Diddy อยู่เป็นปีก่อนจะแจ้งเกิดจนโด่งดัง) และยืนยันว่า เขาไม่มีทางอนุญาตให้ลูกๆไปร่วม party ของแร็พเพอร์ดังอย่างเด็ดขาด

 

กระทั่งตัว Diddy เอยก็ยังโอ่แบบไม่เกรงกลัวในบทสัมภาษณ์ปี 1999 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจออกคำสั่งให้เขาหยุดจัด party สักที แต่เขาไม่มีทางจะเลิก ถึงจะถูกจับกุม เขาจะมุ่งมั่นสร้างความสนุกเมามันใน party ต่อไป

แต่ Diddy ก็ยังรักษาชื่อเสียงจ้าพ่อฮิปฮอปผู้กว้างขวางที่เพื่อนฝูงคนดังรักใคร่มายาวนานโดยที่ไม่เคยถูกแจ้งข้อหาเรืื่องทารุณทางเพศและข้อหาซื้อขายประเวณี คนภายนอกอาจจะมองว่า ไม่ว่าบรรยากาศในงานบ้าระห่ำขนาดไหน ก็อาจจะไม่ถือเป็นเรื่องล้ำเส้น หากไม่มีการบีบบังคับและผู้เยาว์มาเกี่ยวข้อง ตราบใดที่แขกร่วมงานเปิดไฟเขียว consent ถึงจะถูกครหาว่า เป็น party มั่วเซ็กซ์ ก็จะรอดจากการถูกตั้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่

แต่คำถามสำคัญก็คือ หากมีเหยื่อที่ถูกล่อลวง วางยา ขืนใจให้ทำในสิ่งที่พวกเค้าไม่ต้องการใน party ล่ะ?

การจับกุมและตั้งข้อหาทางอาญากับ Diddy มีจุดเริ่มต้นจากการยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์หลายคน ทั้งผู้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนและคนที่กล้าออกมาให้ข้อมูลกับสื่อ หนึ่งในนั้นคือ Adria Sheri English อดีตแดนเซอร์ที่ถูกว่าจ้างให้ไปเต้นอะโกโก้ใน party ที่ Hampton ย้อนไปในยุค 2000s (อีเวนทุดขาวที่สร้างชื่อให้กับ Diddy) แต่แทนที่จะได้ทำงาน entertain แขกในงานจากลีลาการเต้นเย้ายวนใจ แต่กลับถูกบังคับให้มีเซ็กซ์กับแขกในงาน และมีความเป็นไปได้ว่า นักเต้นคนอื่นๆจะถูกมอมยาจนไม่ให้มีสติพอจะเอาตัวรอด และยังมีคนอื่นที่ให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน

ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ถูกฟ้องแพ่ง หลังจากถูกจับกุม Diddy ขึ้นศาลเพื่อให้การไม่ยอมรับสารภาพผิดในทุกข้อกล่าวหา แต่ชาวเน็ทจำนวนมากเชื่อว่า ความน่าเชื่อถือของเขาพังทลายลงไปนับตั้งแต่ที่ Cassie อดีตคนรักที่คบหายาวนานหลายปีออกมาแฉว่า ถูกแร็พเพอรฺ์ดังทำทารุณจนบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ จากการตกเป็นเหยื่อความรุนแรง เธอถูกทุบตีอย่างหนักหน่วง ถูกบังคับให้มีเซ็กซ์กับชายขายบริการในขณะที่เขาเป็นฝ่ายนั่งชม และยังเคยข่มขืนเธอเพื่อแก้แค้นที่เธอคิดตีจาก แม้ว่าในช่วงแรกในการเปิดเผยเรื่องราววิตถารชวนช็อคนั้น ผู้คนยังตั้งข้อสงสัยในตัวฝ่ายหญิง เพราะเธอตกลงยินยอมรับค่าชดเชยเพื่อถอนฟ้องอย่างรวดเร็ว ประกอบกับทนายจากฝั่ง Diddy ที่สาดโคลนให้เธอดูเหมือนกับสาวนักขุดทองที่พยายามสูบเลือดสูบเนื้อคนเคยรักกัน แต่เมื่อมีการปล่อยวีดีโอสุดสะเทือนใจเผยวินาทีที่ Diddy วิ่งไล่กระทืบ Cassie ในขณะวิ่งหนีเอาตัวรอดและลากเธอกลับเข้าห้อง ก็เป็นหลักฐานแน่นหนายืนยันว่า Diddy คือ abuser อย่างแท้จริง และทำให้ผู้คนหันมาตระหนักว่า Cassie ไม่น่าจะเป็นเหยื่อเพียงรายเดียวที่ถูกเขากระทำย่ำยี

ฉาวคนเดียวไม่พอ กระทบไปถึงเพื่อนร่วมวงการ

นับตั้งแต่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นคฤหาสน์หรูสองแห่งของ Diddy  นำสู่การจับกุมตัวส่งผู้ต้องหาไปคุมขังในศูนย์กักกัน Brooklyn’s Metropolitan ก็เกิดกระแสข่าวลือตามมาหลายอย่าง พร้อมกับพลังการขุดคุ้ยของนักสืบออนไลน์ที่พยายามหาความเชื่อมโยงว่า นี่จะเป็นคดีกระชากหน้ากากชายทรงอิทธิพลดังกรณี Jeffrey Epstein และ Harvey Weinstein หรือไม่!

Diddy ไม่ได้ตกเป็นจำเลยสังคมเพียงผู้เดียว แต่เหล่าเพื่อนร่วมวงการ โดยเฉพาะชุมชนศิลปินฮอปและอาร์แอนด์บีก็ถูกเพ่งเล็งไปด้วย ชาวเน็ทหลายคนไม่พอใจเมื่อเห็นเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกันกับ Diddy ไม่ออกมา call out หรือแสดงจุดยืนต่อต้านอาชญากรรมทางเพศ และยังโจมตีว่า ท่าทีนิ่งเฉยจากคนในวงการนี้ไม่ต่างจากการแสดงพลังเงียบเพื่อปกป้องพวกพ้องของตัวเอง ทั้งๆที่พวกเค้าน่าจะรู้ลึกรู้ดีถึงเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง party อื้อฉาวและการทารุณกรรม Cassie ที่ว่ากันว่า คนวงในต่างก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็ยังคบค้าสมาคมกันได้อย่างสนิทใจ

เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายหันมาเล่นงาน Diddy ก็เริ่มมีผู้ออกมาแชร์ประสบการณ์ย่ำแย่ที่ต้องรับมือกับพฤติกรรมจอมบงการและใช้ความรุนแรงของ Diddy บางคนก็เคยออกปากเตือนมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้สังคมกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก

• Kimora Lee นางแบบลูกครึ่งที่มีชื่อเสียงในยุค 90s เคยเล่าว่า Diddy เคยขู่จะทำร้ายเธอทั้งๆที่เธอกำลังตั้งครรภ์

• Danyel Smith อดีตบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Vibe เขียนบทความลง The New York Times เมื่อไม่นานมานี้ว่า เพียงเพราะมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องหน้าปกนิตยสาร เขาถึงกับข่มขู่ว่า จะรอดูศพเธอถูกยัดท้ายรถ หากเธอไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง จนเธอต้องทำใจดีสู้เสือ โต้กลับไปว่า เธอจะโทรหาทนายและเขาจะต้องเข้าคุกถ้าไม่ยอมถอนคำพูด เธอยังเคยเห็น Diddy ตะคอกใส่ Kim Porter แม่ของลูกที่รักๆเลิกๆกันมาหลายครั้ง(ปัจจุบัน Kim เสียชีวิตไปแล้ว)

• Azalia Banks เล่าว่า Diddy เคยทุบตี Cassie อย่างหนักจนสภาพของเธอย่ำแย่ไม่สามารถปรากฏตัวภายนอกได้ จึงส่งตัวเธอไปเก็บตัวที่ฮาวายเป็นเดือนจนกว่าบาดแผลจะหาย

• Wendy Williams อดีตพิธีกรรายการข่าวเม้าชื่อดังเคยพูดถึงประเด็นการใช้ความรุนแรงของ Diddy มาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้ชื่อของเธอกลายเป็นกระแสจากเสียงชื่นชมของชาวเน็ทที่เชื่อว่า เธอมีความกล้าจะต่อกรกับชายทรงอิทธิพลแห่งวงการฮิปฮอป

หนึ่งในกระแสข่าวลือที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือความเชื่อมโยงของเจ้าพ่อฮิปฮอปกับ Justine Bieber ซุปตาร์หนุ่มวัย 30 ที่เพิ่งจะต้อนรับลูกชายตัวน้อยเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ย้อนไปเมื่อ Justin ยังเป็นผู้เยาว์วัยเพียง 15 ปีได้ทำความรู้จักกับ Diddy และคงไว้ซึ่งมิตรภาพมาอีกหลายปี

แต่เมื่อ Diddy ตกเป็นผู้ต้องหาอาชญากรรมทางเพศ ชาวเน็ทหลายคนเริ่มค้นหาข้อมูลหลักฐานที่จะมายืนยันข่าวลือน่าแพร่สะพัดว่า มีความเป็นไปได้ที่ Diddy อาจจะเคยล่วงเกินหรือชักจูง Justin ที่ยังอายุน้อยให้เดินสู่ทางผิดจนเสียผู้เสียคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กส์หรือยาเสพติด โดยเฉพาะวีดีโอที่ Diddy ชักชวน Justin ให้มาแฮงค์เอาท์ด้วยกันเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และพูดจาเป็นนัยๆว่า ขอสิทธิ์ทำตัวเป็นผู้ปกครองพา Justin ไปทำสิ่งที่ไม่สามารถเปิดเผยกับใครได้ แต่มันเป็นกิจกรรมที่เด็กหนุ่มวัย 15 ใฝ่ฝันถึงและตั้งใจจะมันกันให้สุดเหวี่ยง

วีดีโอนี้ถึงทำให้ชาวเน็ทรู้สึกอึดอัดใจไปถึงขั้นสยอง เนื่องจากข่าวลือจากคนวงในที่พูดตรงกันว่า Diddy ปกปิดรสนิยมทางเพศแบบ Bisexual ไว้ และหนึ่งในผู้ที่ฟ้องร้องในคดีล่วงละเมิดทางเพศก็คือโพรดิวเซอร์ชายที่เคยร่วมงานกัน

ชื่อของ Justin Bieber ยังถูกจับมาพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวของ Diddy ยิ่งกว่าเดิม เมื่อมีการเปิดเผยว่า Kim Porter คนรักเก่าที่เสียชีวิตไปแล้วของ Diddy ซุ่มเขียนหนังสือเผยเส้นทางชีวิตของเธอ ซึ่งมีเนื้อหาเปิดโปงพฤติกรรมย่ำแย่ของแร็พเพอร์ดัง และผู้ที่นำต้นฉบับมาเปิดเผยคือโพรดิวเซอร์ดนตรีที่ร่วมกันเขียนชีวประวัติ เขาอ้างว่า ก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไปก็ทิ้งไฟล์ต้นฉบับไว้กับเพื่อน เปิดโอกาสให้คนนอกได้รับรู้ถึงข้อกล่าวหารุนแรงว่า แม้ Diddy จะมีลูกกับ Kim ถึง 3 คน แต่ก็ใช้ความรุนแรงทำร้ายเธอทั้งทางวาจาและร่างกาย เธอยังค้นพบกับความลับชวนช็อคว่า เขาชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กหนุ่ม เธอเคยเห็นเขาเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับแร็พเพอร์หนุ่มที่มีผลงานฮิตติดชาร์ท และเคยเห็น sex tape ที่บันทึกกิจกรรมทางเพศของ Diddy กับแร็พเพอร์หนุ่มในสังกัดของเขาและนักร้องเพลงพ็อพวัย 18 อีกด้วย

แม้จะไม่มีหลักฐานว่า ต้นฉบับของหนังสือชีวประวัตินี้คือผลงานการเขียนของ Kim ที่แท้จริง หรือว่าผู้ที่นำเนื้อหาดังกล่าวมาตีแผ่ฉวยโอกาสโหนดราม่าเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว แต่มันได้กลายเป็นหนังสือที่มียอดขายสูงสุดใน Amazon ไปแล้ว และยังทำให้ชาวเน็ทวิจารณ์เกรียวกราวถึงข่าวลือว่า Justin อาจจะเป็นหนึ่งในเหยื่อ grooming จากน้ำมือแร็พเพอร์วัยรุ่นราวคราวพ่อ แม้ Justin จะยังไม่ให้คอมเมนท์ใดๆกับข่าวลือนี้ แต่แฟนๆก็แห่ไปส่งข้อความแสดงความเห็นอกเห็นใจเขาทาง Instagram กันล้นหลามเลยทีเดียว

ขณะนี้ เหตุการณ์ที่เข้าข่ายการล่าแม่มดได้แพร่หลายในโลกออนไลน์ เมื่อชาวเน็ทได้นำเสนอภาพ party ที่ถูกเรียกว่า 'Freak Off' ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากอัยการที่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนว่า Diddy จะจัดงาน Freak Off ลากยาวหลายวัน และมีการซื้อบริการทางเพศ การใช้ยาเสพติดที่ Diddy จัดหาให้เพื่อควบคุมไม่ให้เหยื่อขัดขืน และยังกล่าวหาว่า Diddy ได้บันทึกภาพที่สร้างความอับอายและกระทบต่อจิตใจเหยื่อเพื่อใช้ข่มขู่ในภายหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงภาพถ่ายและวีดีโอเหล่านั้นจากการบุกตรวจค้นบ้านสองแห่งของแร็พเพอร์ชื่อดังเมื่อหลายเดือนก่อนนั่นเอง

มีเสียงวิจารณ์กระหึ่มว่า เซเลบระดับ top ที่ได้รับเชิญมาร่วมสนุกใน party ของ Diddy ย่อมรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องบัดสีและการกระทำผิดทางกฏหมายสารพัดในงาน บางคนอาจจะเพิกเฉย และบางคนก็เข้าร่วมปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองไปด้วย ข่าวใหญ่ครั้งนี้จึงทำให้ชาวเน็ทหันมาขุดคุ้ยจับผิดพระเอกสาย party อย่าง Leonardo DiCaprio ที่เจ้าภาพผู้อื้อฉาวเคยยกให้เขาเป็นแขกคนโปรด

การล่ารายชื่อของแขกชื่อดังที่ร่วมสนุกสุดเหวี่ยงใน Freak Off ทำให้เกิดคาดเดากันว่า อาจจะมีคนที่รู้สึกร้อนๆหนาวๆกับความหวาดระแวง เนื่องจากการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดแร็พเพอร์ชื่อดังจะทำให้ถูกเปิดโปงไปด้วย เนื่องจากหลักฐานที่อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือระบุตัวตนของผู้เกี่ยวหรือร่วมกระทำผิด

กระแสข่าวร้อนแรงถึงกับทำให้ Meek Mill  ออกมาประกาศว่า ขอทุ่มเงินแสนดอลลาร์เพื่อจ้างทีมนักสืบช่วยหาหลักฐานในการเคลียร์ชื่อเขาออกจากข่าวลือเรื่องเขามีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศกับ Diddy และต้องการจะรู้ให้แน่ชัดว่า ใครคือตัวการเบื้องหลังในการใส่ร้ายป้ายสีผ่านสื่อ

มีรายงานจาก TMZ ว่า Netflix ได้ตกลงซื้อสารคดีเปิดโปง Diddy เพื่อลง streaming ในอีกไม่นานนี้ ซึ่งผู้สร้างผลงานไม่ใช่ใครอื่นไกล เขาคือ 50 Cent คู่อริที่ได้โอกาสรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มผู้กล่าวหา Diddy การการกระทำผิดทางเพศ และสื่อชื่อดังอย่าง Rolling Stone ที่เคยส่งสกุ๊ปเจาะลึกพฤติกรรมของแร็พเพอร์ผู้อื้อฉาวย้อนไปตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รวมถึงข้อมูลเด็ดจากอดีตผู้ร่วมงานว่า เคยเห็น Diddy ทำร้ายร่างกายพนักงานหญิงในบริษัทและอีกหลายข้อกล่าวหาเรื่องความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศ


หรือว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสาวไส้ผู้กระทำผิดที่มีชื่อเสียงในวงการดังที่เกิดขึ้นในความเคลื่อนไหว MeToo เมื่อหลายปีก่อนก็เป็นได้