[EVOHOLIC: Get Braces ชีวิตติดเหล็ก] จัดฟันใครว่าเจ็บ ขีดเส้นใต้เลยว่า "ไม่จริง" by หนูคิส
King of Eugenie 16 3
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่หายหัวไปนาน มีหลายเรื่องที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย หนึ่งในนั้นคือเรื่องการจัดฟัน(Braces) ซึ่งคิสคงได้มาอธิบายเรื่องการจัดฟันแบบลงลึกกันวันหลัง
วันนี้เอาแค่ "ความเจ็บ" มาพูดก่อน เพราะเป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ทำให้คิสไม่ยอมจัดฟันสักที คิดเป็นสิบปี เหมือนโครงการรถไฟฟ้าของรฟม. ยืดยาดราวกับศึกฆ่าล้างแค้นตระกูลหยาง เป็นตำนานในชีวิตระดับซีรีย์เพชรพระอุมา
3 เรื่องคือ
1. เจ็บ เจ็บแบบไหนไม่รู้ แต่คนทุกคนว่ามันเจ็บ
2. โหนกแก้ม สิ่งที่เกลียดที่สุดในหน้าของตัวเองคือที่ราบสูงโบโลเว้นที่พกติดตัวมาแต่กำเนิด หน้าคิสค่อนไปทางจีนปนลาว*
การจัดฟันเค้าว่าจัดแล้วจะดูดีขึ้น แต่คิสมั่นใจเรื่อง cheekbone มาก เพราะเห็นมาหลายเคส ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ของคิสมีต้นทุนเทือกเขาที่ราบสูงมาดีเกินไปแล้ว คิสต้องการทัมใจหนักมากค่ะ
*ไม่มีเจตนาด้านลบหรืออยากก่อพิพาทระหว่างประเทศใดๆ มันผะอืดผะอมระหว่างจีนกับลาวจริงๆ เวียดนาม ญวน ขอม มอญ พม่าอะไรพวกนี้ สืบไปสืบมาก็กลุ่มเดียวกันหมด เรารักกันๆ
3. เหล็กและสียาง lollipop และการเมนเทนด้วยรีเทนเนอร์ตลอดชีวิต
ที่รับไม่ได้เพราะคิสอายุเยอะแล้ว และมองว่าการจัดฟันเป็นการแก้ไขด้านทันตกรรม ถ้าทำตอนเด็กโอเคอยู่ พออายุเยอะ การติดเหล็กทำให้บุคลิกเสีย อาจจะพูดไม่ชัด คุมการออกเสียงลำบาก รอ เรือ ลอ ลิง คำควบกล้ำ และการออกเสียงภาษาจีนก็ยากมาก คิสต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการทำงาน ก็ยิ่งกลัวเรื่องการพูดหนักไปอีก ไหนจะเรื่องเหล็กที่เหมือนเราเป็นผู้ป่วย(perception ของคนที่อยู่รอบตัวคิสไม่ได้มองว่ามันดูน่ารักแบบเด็กไทย คิ้วๆ อิคึ๊๊ อิไต เค้ามองว่าฟันเรามีความผิดปรกติ) และปรกติคนวัยนี้เค้าไม่จัดฟันกันแล้ว จัดกันก็วัยมัธยมต้นกัน ถ้าต้องจัด ก็จัดแบบใส แต่คิสไม่มีปัญญาค่ะ 2 แสน ขอกราบลาาาาาา
*เรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบโลหะและการเตรียมฟัน วิธีการเลือกคุณหมอ ไว้จะมาเล่าให้ฟังวันหลังนะคะทของคิสเลือกแบบสายโหดค่ะ แพงนรกแตก อุดฟันของคิสซี่ละ 2000-4000 ไม่เคยพบเจอมาก่อน มาเจอตอนนี้ละ เตรียมฟันคิสน่าจะหมดไปเกือบ 20k
วันนี้เอาแค่ "ความเจ็บ" มาพูดก่อน เพราะเป็น 1 ใน 3 เรื่องที่ทำให้คิสไม่ยอมจัดฟันสักที คิดเป็นสิบปี เหมือนโครงการรถไฟฟ้าของรฟม. ยืดยาดราวกับศึกฆ่าล้างแค้นตระกูลหยาง เป็นตำนานในชีวิตระดับซีรีย์เพชรพระอุมา
3 เรื่องคือ
1. เจ็บ เจ็บแบบไหนไม่รู้ แต่คนทุกคนว่ามันเจ็บ
2. โหนกแก้ม สิ่งที่เกลียดที่สุดในหน้าของตัวเองคือที่ราบสูงโบโลเว้นที่พกติดตัวมาแต่กำเนิด หน้าคิสค่อนไปทางจีนปนลาว*
การจัดฟันเค้าว่าจัดแล้วจะดูดีขึ้น แต่คิสมั่นใจเรื่อง cheekbone มาก เพราะเห็นมาหลายเคส ซึ่งคนอื่นอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ของคิสมีต้นทุนเทือกเขาที่ราบสูงมาดีเกินไปแล้ว คิสต้องการทัมใจหนักมากค่ะ
*ไม่มีเจตนาด้านลบหรืออยากก่อพิพาทระหว่างประเทศใดๆ มันผะอืดผะอมระหว่างจีนกับลาวจริงๆ เวียดนาม ญวน ขอม มอญ พม่าอะไรพวกนี้ สืบไปสืบมาก็กลุ่มเดียวกันหมด เรารักกันๆ
3. เหล็กและสียาง lollipop และการเมนเทนด้วยรีเทนเนอร์ตลอดชีวิต
ที่รับไม่ได้เพราะคิสอายุเยอะแล้ว และมองว่าการจัดฟันเป็นการแก้ไขด้านทันตกรรม ถ้าทำตอนเด็กโอเคอยู่ พออายุเยอะ การติดเหล็กทำให้บุคลิกเสีย อาจจะพูดไม่ชัด คุมการออกเสียงลำบาก รอ เรือ ลอ ลิง คำควบกล้ำ และการออกเสียงภาษาจีนก็ยากมาก คิสต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการทำงาน ก็ยิ่งกลัวเรื่องการพูดหนักไปอีก ไหนจะเรื่องเหล็กที่เหมือนเราเป็นผู้ป่วย(perception ของคนที่อยู่รอบตัวคิสไม่ได้มองว่ามันดูน่ารักแบบเด็กไทย คิ้วๆ อิคึ๊๊ อิไต เค้ามองว่าฟันเรามีความผิดปรกติ) และปรกติคนวัยนี้เค้าไม่จัดฟันกันแล้ว จัดกันก็วัยมัธยมต้นกัน ถ้าต้องจัด ก็จัดแบบใส แต่คิสไม่มีปัญญาค่ะ 2 แสน ขอกราบลาาาาาา
*เรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบโลหะและการเตรียมฟัน วิธีการเลือกคุณหมอ ไว้จะมาเล่าให้ฟังวันหลังนะคะทของคิสเลือกแบบสายโหดค่ะ แพงนรกแตก อุดฟันของคิสซี่ละ 2000-4000 ไม่เคยพบเจอมาก่อน มาเจอตอนนี้ละ เตรียมฟันคิสน่าจะหมดไปเกือบ 20k
เอาละ ความเจ็บๆ มัวแต่พล่าม
เค้าว่ากันว่าจัดฟันมันเจ็บ คิสจะมาตีแผ่กันค่ะว่ามันเป็นยังไง ลืมไปได้เลยที่เค้าบอกว่าเจ็บ คิสขีดเส้นใต้ตรงนี้ "ไม่จริง" ไม่ต้องกลัวเจ็บเลย
เพราะ.....คิสขอนิยามช่วงต้นของการทุกขกิริยาว่า
"ตึง.... ปวด.... ร้าว"
ในการติดเครื่องมือความรู้สึกที่ได้จะเสริมสร้างรสชาติชีวิตของเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เรียกว่าได้รับครบทุกรสชาติ คิสว่ามันไม่ควรนิยามว่าเจ็บ เรียกว่า" ปวด" น่าจะใกล้เคียงสุด แลดูไม่น่ากลัวใช่มั๊ยคะ มาค่ะ
- ติดครั้งแรก คุณหมออาจจะติดบน หรือล่าง ด้านใดด้านหนึ่งก่อนขึ้นอยู่กับแพทย์ และบางท่านอาจจะติดพร้อมกัน บางท่านเลือกติดก่อนถอนก็มี จริงๆควรถอนให้เรียบร้อยก่อนติด แต่เดาเอาเองว่าหมออาจจะกลัวคนไข้เปลี่ยนใจรึป่าวไม่ทราบ
- ติดแบรคเกต โอริง อาจจะมีติดเชนดึงฟันเลย(ของคิสดึงเลย หมอบอกว่าติดแบบใจดีให้ ยางแค่ 2 เส้น) ตอนติด 1-2 แรก คุณจะรู้สึกชิลมาก จนอยากจะขอให้หมอช่วยดึงๆแบบจัดหนักได้เลย เพราะมันก็แค่เพื่อนใหม่ ที่ทำให้ปากห้อยแค่นั้น ขำๆค่ะ
- ผ่านไป 2 ชั่วโมง คุณจะเริ่มตึงๆ เหมือนมีอะไรแปลกปลอมเข้าสู่ระบบฟันและปาก ฟันกับเหงือกจะเริ่มตึงๆนิดๆ คุณจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า นี่คือ welcome drink จากเพื่อนใหม่
- ผ่านไปครึ่งวัน คุณจะเริ่มรำคาญเล็กน้อย แต่มันไม่รู้สึกทรมานใดๆ นอนอาจจะงงๆหน่อย แต่ก็หลับสบายแน่นอน
- เช้าวันต่อมา ฟันและเหงือกคุณจะเริ่มปวด ฟันคุณจะแยกส่วนบนและล่างแบบอัตโนมัติ เพราะการกระทบกันเบาๆมีผลเทียบเท่าการเดินสะดุดหัวเตียงไม้สักทอง(ใครโดนมาก่อนจะเข้าใจว่ามันร้องไม่ออก ต้องนั่งพับเพียบลงกับพื้นอย่างสงบ)
- ตอนล้างหน้าคุณจะเพิ่งรู้ว่าการล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวจริงๆเป็นแบบไหน แค่ลูบผ่านผิวหนังก็ปวดสะเทือนไปถึงด้านใน รวมถึงตอนเช็ดโทนเนอร์ ใครชอบเช็ดแรงๆ คุณจะได้ปรับพฤติกรรมในวันนี้แล้วค่ะ
- การกินอาหารวันถัดมา คุณจะเข้าใจความหมายของคำว่า "รวดร้าว" เพราะฟันจะทำหน้าที่ในการกัดและบดไม่ได้ ทำได้คืออมให้สสารละลายกลายเป็นของเหลวและ... ให้มันไหลไป.... ลอยลงสู่ทะเล.... หายไป....
- วันที่สาม ความปวดจะเบาบาง ความร้าวยังเจือปน แต่ที่แน่ๆคือคุณจะเริ่มเข้าใจว่าทำไมหมอถึงให้ ointment คุณมามากมายนัก เพราะแบรคเกตจะเพิ่งเริ่มเสียดสีกับรอบริมฝีปากคุณจนรู้สึก... กำลังจะเป็นแผลข้างในปาก
- ขอแนะนำอย่างสูงที่สุดให้หาขี้ผึ้ง ลิปมัน อะไรก็ได้ที่บีบง่าย หัวตัด พร้อมละเลงรอบๆปากด้านในรอไว้ เพราะถ้าแผลมา ศรัทธาจะบังเกิดจนคุณอาจจะต้องคิดว่า ทำบุญตักบาตรหน่อยดีมั๊ย ทุกข์นี้จะได้เจือจางลงไป
เค้าว่ากันว่าจัดฟันมันเจ็บ คิสจะมาตีแผ่กันค่ะว่ามันเป็นยังไง ลืมไปได้เลยที่เค้าบอกว่าเจ็บ คิสขีดเส้นใต้ตรงนี้ "ไม่จริง" ไม่ต้องกลัวเจ็บเลย
เพราะ.....คิสขอนิยามช่วงต้นของการทุกขกิริยาว่า
"ตึง.... ปวด.... ร้าว"
ในการติดเครื่องมือความรู้สึกที่ได้จะเสริมสร้างรสชาติชีวิตของเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เรียกว่าได้รับครบทุกรสชาติ คิสว่ามันไม่ควรนิยามว่าเจ็บ เรียกว่า" ปวด" น่าจะใกล้เคียงสุด แลดูไม่น่ากลัวใช่มั๊ยคะ มาค่ะ
- ติดครั้งแรก คุณหมออาจจะติดบน หรือล่าง ด้านใดด้านหนึ่งก่อนขึ้นอยู่กับแพทย์ และบางท่านอาจจะติดพร้อมกัน บางท่านเลือกติดก่อนถอนก็มี จริงๆควรถอนให้เรียบร้อยก่อนติด แต่เดาเอาเองว่าหมออาจจะกลัวคนไข้เปลี่ยนใจรึป่าวไม่ทราบ
- ติดแบรคเกต โอริง อาจจะมีติดเชนดึงฟันเลย(ของคิสดึงเลย หมอบอกว่าติดแบบใจดีให้ ยางแค่ 2 เส้น) ตอนติด 1-2 แรก คุณจะรู้สึกชิลมาก จนอยากจะขอให้หมอช่วยดึงๆแบบจัดหนักได้เลย เพราะมันก็แค่เพื่อนใหม่ ที่ทำให้ปากห้อยแค่นั้น ขำๆค่ะ
- ผ่านไป 2 ชั่วโมง คุณจะเริ่มตึงๆ เหมือนมีอะไรแปลกปลอมเข้าสู่ระบบฟันและปาก ฟันกับเหงือกจะเริ่มตึงๆนิดๆ คุณจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า นี่คือ welcome drink จากเพื่อนใหม่
- ผ่านไปครึ่งวัน คุณจะเริ่มรำคาญเล็กน้อย แต่มันไม่รู้สึกทรมานใดๆ นอนอาจจะงงๆหน่อย แต่ก็หลับสบายแน่นอน
- เช้าวันต่อมา ฟันและเหงือกคุณจะเริ่มปวด ฟันคุณจะแยกส่วนบนและล่างแบบอัตโนมัติ เพราะการกระทบกันเบาๆมีผลเทียบเท่าการเดินสะดุดหัวเตียงไม้สักทอง(ใครโดนมาก่อนจะเข้าใจว่ามันร้องไม่ออก ต้องนั่งพับเพียบลงกับพื้นอย่างสงบ)
- ตอนล้างหน้าคุณจะเพิ่งรู้ว่าการล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวจริงๆเป็นแบบไหน แค่ลูบผ่านผิวหนังก็ปวดสะเทือนไปถึงด้านใน รวมถึงตอนเช็ดโทนเนอร์ ใครชอบเช็ดแรงๆ คุณจะได้ปรับพฤติกรรมในวันนี้แล้วค่ะ
- การกินอาหารวันถัดมา คุณจะเข้าใจความหมายของคำว่า "รวดร้าว" เพราะฟันจะทำหน้าที่ในการกัดและบดไม่ได้ ทำได้คืออมให้สสารละลายกลายเป็นของเหลวและ... ให้มันไหลไป.... ลอยลงสู่ทะเล.... หายไป....
- วันที่สาม ความปวดจะเบาบาง ความร้าวยังเจือปน แต่ที่แน่ๆคือคุณจะเริ่มเข้าใจว่าทำไมหมอถึงให้ ointment คุณมามากมายนัก เพราะแบรคเกตจะเพิ่งเริ่มเสียดสีกับรอบริมฝีปากคุณจนรู้สึก... กำลังจะเป็นแผลข้างในปาก
- ขอแนะนำอย่างสูงที่สุดให้หาขี้ผึ้ง ลิปมัน อะไรก็ได้ที่บีบง่าย หัวตัด พร้อมละเลงรอบๆปากด้านในรอไว้ เพราะถ้าแผลมา ศรัทธาจะบังเกิดจนคุณอาจจะต้องคิดว่า ทำบุญตักบาตรหน่อยดีมั๊ย ทุกข์นี้จะได้เจือจางลงไป