ผิวผสมของฉัน...กับ 5 สกินแคร์ดีต่อใจ ใช้แล้วดี้ดี

อัพเดทสกินแคร์กันหน่อยดีกว่า สำหรับช่วงหน้าร้อนที่กำลังเข้าหน้าฝนแบบนี้ อากาศแปรปรวนมาก ส่งผลต่อสภาพผิวหน้าของเราเหมือนกันค่ะ  ด้วยความที่ปกติแล้วเราเป็นคนผิวผสมค่อนไปทางแห้ง แต่พออากาศเปลี่ยนช่วง T-Zone ก็จะมันขึ้น อีกทั้งความสิววว สิวอุดตัน สิวผดๆ มาเลยต้องหาครีมที่เหมาะกับปัญหาผิวในช่วงนี้

งานนี้เราเลยอยากจะมาอัพเดทสกินแคร์ที่ใช้ในช่วงนี้สำหรับคนที่มีปัญหาแบบเดียวกันคือเป็นสาวผิวผสมผิวโดยรวมแห้งและช่งทีโซนมัน ทำให้เลือกสกินแคร์ยากมาก  เอาตั้งแต่สเต็ปการล้างหน้าไปจนครีมต่างๆ กันเลยว่ามีอะไรกันบ้าง  อะไรดี อะไรโดนเลือกมาให้แล้วกับ ‘ 5 สกินแคร์ดีต่อใจ ใช้แล้วดี้ดี '

ขั้นตอนการล้างหน้าตอนนี้เราเปลี่ยนมาใช้เจ้าตัวนี้ In Two Minds Cleanser ของ Aesop ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ของแบรนด์นี้ล่ะ จริงๆ ชอบตั้งแต่แพ็กเกจจิ้งละที่เป็นขวดแก้วดูแน่นหนาดี และก็มีฝาสองแบบ สามารถเปลี่ยนจากหัวปั้มมาเป็นฝาปิดธรรมดา พกพาไปเที่ยวด้วยได้     พูดถึงเรื่องการล้างหน้าเคยเป็นกันบ้างไหมแบบล้างหน้าแล้วผิวเอี๊ยด ฮ่าา คือมันแห้งจนผิวตึงเกินไป หรือบางทีมันก็รู้สึกว่าความมันยังอยู่บนใบหน้ามากเกินไป  เจ้าตัวนี้เป็นความลงตัวที่อยู่ตรงกลาง คือรู้สึกว่าหน้าสะอาดแต่ไม่แห้งผาก เนื้อเป็นแบบเจลและมีส่วนผสมของซาลิไซลิค เอสิค หรือว่าเจ้า BHA ช่วยลอกเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยนได้ ส่งผลให้เรารู้สึกว่าพวกสิวอุดตันที่ช่วงนี้มีเยอะน้อยลงนะ    ตอนเช้าใช้แค่ 1 ปั้มพอ ส่วนตอนเย็นใช้ 2 ปั้มค่ะ วิธีใช้ก็ทำมือให้เปียก กดเจลล้างหน้าลงมา ถูให้เกิดฟอง ก่อนนวดให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ซัก 2-3 นาทีให้ซาลิไซลิค เอสิดทำงานจ้าา

น้ำตบอันเลื่องชื่อลือชาจาก Biotherm ก็ต้องเป็นเจ้าตัว Life plankton สิคะ  ดังมาเนิ่นนานด้วยความพิเศษของแพลงก์ตอนที่จะช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าวัน เพราะเจ้าแพลงก์ตอนนี้ สกัดมาจากน้ำพุร้อนของเทือกเขาพีเรนีสในประเทศฝรั่งเศส และมีการวิจัยมาว่ามีดีเอ็นเอใกล้เคียงกับมนุษย์เราถึง 80% เลยล่ะทำให้เข้ากับผิวมนุษย์ได้ดี    ที่เราชอบก็คือกลิ่นมันจะออกแนวสดชื่นๆ อ่ะ แต่ว่าเวลาใช้ต้องเขย่าขวดก่อนนะไม่งั้นแพลงก์ตอนจะนอนก้นขวดแยกตัวเป็นชั้น ถ้าเห็นว่าน้ำกลายเป็นขาวขุ่นๆ ก็เป็นอันใช้ได้  เทออกมากประมาณขนาดเท่าเหรียญสิบ แล้วก็ตบๆๆ ไปเลยยย (เบาๆ นะจ๊ะ ) เอาให้รู้สึกว่าน้ำตบซึมซาบเข้าสู่ผิว 

ถ้าจะพูดถึงแบรนด์ที่เน้นเรื่องความเป็นธรรมชาตืก็ต้อง Innisfree เนี่ยแหละ แน่นอนว่าก็ต้องให้เขาเลยกับตัวฮิตติดลมบนอย่าง Green Tea Seed Serum ขวดนี้เป็นรุ่นใหม่ที่เขาว่าเข้มข้นขึ้น 3.5 เท่า ไปอี้กก เจ้าตัวนี้แน่นอนว่าสารสกัดหลักๆ ก็คือชาเขียวจากเกาะเชจู ซึ่งเป็นพันธุ์ที่พัฒนามาเพื่อผิวขาดน้ำโดยเฉพาะ เติมน้ำกันอย่างล้ำลึก  เจ้าตัวนี้จะเป็นน้ำสีขาวขุ่นๆ ลื่นๆ คือทาแล้วก็ซึมเข้าหน้าไปเลย เหมาะสำหรับวันรีบๆ อยากทากันตายขี้เกียจทาหลายตัวก็จัดตัวนี้ไปได้ และด้วยความที่มันซึมเร็วก็เลยโอเคกับผิวผสมด้วย ไม่ได้ทำให้หน้ามันไป   จุดเด่นอีกอย่างของแบรนด์นี้ก็คือเรื่องความเป็นธรรมชาติ ไม่มีสารสกัดที่เป็นอันตรายต่อผิวใช้แล้วไม่แพ้แน่นอนค่ะ 

อีกตัวที่จะใช้สลับกันกับ Innisfree ก็คือ Jurlique herbal recovery with naturadiance PB 18+ เนื่องด้วยเราอายุเข้าเลข 3 แล้วก็ต้องมีการดูแลเรื่องริ้วรอยกันบ้าง เซรั่มตัวนี้นางจะช่วยเรื่องของ Anti - Aging ค่ะ เรื่องริ้วรอย ความแก่ เราจะไม่แพ้ต่อมัน! เจ้าเซรั่มตัวนี้มีส่วนผสมจากสารสกัดมากกว่า 18 ชนิดรวมถึงกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อลดริ้วรอยโดยเฉพาะเลย เติมอิลาสติกบนใบหน้าทำให้หน้าดูเด้งๆ ขึ้นเหมือนผิวสาวๆ กลิ่นก็หอมสดชื่นสไตล์หอมดอกไม้ ใช้ประมาน 1-2 ปั้มก็พอค่ะ  

แต่นแต้นนนน มาถึงอีกตัวที่ภูมิใจน้ำเสนอ Aesop In Two Minds Hydrator  ให้คะแนนที่ความหอมก่อนเลยจากสารสกัดของมะพร้าวทาแล้วสบาย อโรม่าดี้ดี ราวกับอยู่ในสปาเราใช้ตัวนี้แทนครีมไปเลยด้วยความที่เนื้อสัมผัสมันข้นแต่ไม่หนืดขนาดครีมคือมันจะเป็นเนื้อฟลูอิดเบาสบาย (Light-weight) ทำให้ทาง่ายมากๆ  ไม่เหนอะหนะ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นตรงกลางระหว่างโลชั่น กับ ครีมทั่วไปนั้นแหละเจ้าตัวนี้นอกจากเรื่องความชุ่มชื่นแล้วยังช่วยควบคุมความมันด้วย เขามี แอนดิโรบา ซี๊ด ออยล์ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่จำเป็นของผิว จึงช่วยบำรุงและให้ความชุ่มชื้นได้โดยไม่ทิ้งความมันและที่พีคสุด อินเทรนด์สุดก็คือสารสกัดจาก อะซาอิ เบอร์รี่ สุดยอดผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ได้รับการขนานนามว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากกกก เตะความแก่ออกไป สาวใสตลอดกาลกันค่ะ 

About This Look!

ก่อนใช้ผิวแห้ง ดูไม่สดชื่น ออกแห้งๆหน่อย VS หลังใช้ผิวก็จะดูอิ่มขึ้น สดชื่น แต่ก็ไม่มันสามารถแต่งหน้าต่อได้เลย