วันเดียว เดินเที่ยวให้ทั่ว || วัดเซ็นโซจิ - อาซะกุสะ

19 2
สวัสดีค่ะทุกคน ผ่านมาครึ่งปีแล้ว มีใครไปเติมพลังชีวิตให้ตัวเองด้วยการเที่ยวพักผ่อนในรอบครึ่งปีบ้างคะ?  เมื่อต้นเดือนมิถุนาที่ผ่านมา เรากับเพื่อนๆ นัดกันโ̶ด̶ด̶ง̶า̶น̶  ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมา ทริปนี้ไปเติมพลังชีวิตด้วยการติ่ง กิน และเที่ยว

วันนี้เราจะมาพาทุกคนไปเดินเที่ยวกับเราที่ วัดเซ็นโซจิ ที่ย่านอะซะกุสะ วัดชื่อดังที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า วัดอาซากุสะ หรือ วัดโคมแดง นั่นเองค่ะ

สำหรับโซนช็อปปิ้ง เราจะขอละไว้ไม่พูดถึง เพราะคิดว่าหลายๆ คนเค้ารีวิวเอาไว้แล้วว่า ถนนนากามิเซะมีร้านขนมชื่อดัง ร้านขนมอร่อย หรือร้านของฝากเก๋ๆ อยู่ตรงไหนบ้าง เพราะทริปนี้เราได้ช็อปปิ้งน้อยมาก แทบไม่ได้ซื้อของฝากเลยด้วยซ้ำ (เน้นเสียเงินกับการติ่งซะมาก ฮาาาา) 

แต่เดี๋ยวเราจะพาเดินชมรอบๆ วัด  พาไปดูบรรยากาศและศาลเจ้าที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งมีพื้นที่สวยๆ บรรยากาศสงบๆ เอาไว้ถ่ายรูปหรือนั่งพักหลังจากการเดินช็อปปิ้งด้วยค่ะ
เนื่องจากทั้งเราและพี่ที่ไปด้วยกัน ไม่มีใครเคยไปเที่ยวโซนนี้เลย
ก็เลย.. หลงทางค่ะ แหะๆ หลงตั้งแต่ขบวนรถไฟ หาทางออกไม่เจอ พอได้จนท.ช่วยบอกทางออก ก็เดินวนไปวนมาที่เดิมอยู่นาน  เลยไปพักรับลมเย็นๆ ข้างแม่น้ำสุมิดะกันแป๊บนึง ก่อนจะเดินผ่านหน้าวัดเซ็นโซจิ ที่แม้จะเป็นเวลาสี่โมงกว่า อากาศก็ร้อน แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะอยู่เลย ทุกคนรอคิวถ่ายรูปกับโคมแดงเต็มไปหมด เรากับพี่เลยเลือกจะไปเชคอินที่โรงแรมก่อน

พออาบน้ำเปลี่ยนชุด เราก็ตั้งใจว่าจะไปหาของกินกันค่ะ แต่...
อยากไปถ่ายรูปกับโคมแดงที่วัดกันก่อน ก็เลยเดินกันเพลินเลย
เพราะข้างในวัด ตอนที่เขาเปิดไฟคือสวยมาก คนก็น้อยกว่าช่วงกลางวัน
ลองมาดูบรรยากาศตอนกลางคืนกันค่ะ

เดินเล่นเพลินๆ ไปเกือบสองชั่วโมง เริ่มหิวกันแล้ว
แต่ร้านค้าส่วนใหญ่ก็ปิดไปแล้ว เหลือแต่ร้านอาหารแบบที่ขายเบียร์ไปด้วย
เราไปกันผู้หญิงสองคน เลยกะว่าจะซื้อของกินไปทานที่โรงแรมดีกว่า
โชคดีไปเจอดองกี้โฮเต้ เลยได้แวะชอปปิ้งนิดหน่อย
กับข้าวปั้นก้อนใหญ่จากร้านแถวๆ นั้น
เราซื้อไซส์เล็ก ราคา 200เยนมาทาน ก้อนใหญ่เท่าฝ่ามือผู้ชาย
แถมอัดข้าวมาแน่นมากๆ กินได้แค่ครึ่งเดียวก็อิ่มจนจุกเลยค่ะ
อาหารมื้อแรกของวัน มื้อแรกของทริปนี้ถือเป็นอันจบ วันแรกในญี่ปุ่นก็มีแค่นี้เอง

เดี๋ยวไปตะลุยต่อช่วงเช้ากันค่ะ
ช่วงเช้า เรากับพี่ที่มาด้วยกัน แยกกันที่หน้าวัด
พี่เค้าแยกไปดูคอนเสิร์ต ส่วนเราอยู่ที่วัดรอเพื่อนอีกคนตามมาสมทบ
จังหวะนี่แหละที่เราจะใช้เวลาช่วงเช้าเดินสำรวจให้ทั่วบริเวณวัด
และ.. ไปซื้อเครื่องรางกัน!!

แต่!!  ก่อนอื่น เราไปไหว้พระ ขอพรกันก่อนดีกว่า
ไหว้พระขอพรเสร็จแล้ว  ไหนลองมาดูดวงเราสักหน่อย
ว่าดีระดับไหน ด้วยการ.. เสี่ยงเซียมซี

สำหรับใครที่มาไม่ทันตอนวัดเปิดทำการ
แต่อยากเสี่ยงเซียมซี  ที่ด้านนอกตัวศาล
ตรงข้ามกับซุ้มขายเครื่องราง จะมีซุ้มเซียมซีตั้งอยู่
สามารถเซียมซีตรงนั้นก็ได้ค่ะ
ตอนที่เราไปช่วงค่ำๆ ที่วัดปิดแล้ว เราก็เห็นมีคนมาเซียมซีอยู่ตรงนั้นบ้างประปราย

อ้อ! เราหยิบกระปุกเซียมซีจากหน้าตู้ไหน เราก็หาคำทำทายจากตู้นั้นได้เลยนะคะ
ไม่ต้องเดินหาไกลๆ 

และสำหรับคนที่ตั้งใจมาซื้อเครื่องราง (คุณคือพวกเดียวกับเรา) 5555
ไม่ว่าจะซื้อก่อน หรือซื้อหลังจากไหว้พระ  ก็ทำแบบเดียวกับที่เราทำก็ได้นะคะ
ไม่เคยเห็นคนอื่นรีวิวว่าทำแบบนี้แล้วจะขลังมากขึ้น แต่เราเห็นคนญี่ปุ่น-นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ เขาทำกัน เราก็เลยทำบ้าง
ซึ่ง... ก็คิดว่ามันได้ผลดีนะคะ 5555  ใครจะลองดู ก็ไม่เสียหายนะ

จริงๆ แล้วเครื่องรางทุกชิ้นของทางวัด (ที่ขายในเค้าท์เตอร์)
เค้าก็ผ่านพิธีจุดธูปสวดมนต์มาแล้ว  เราแค่เห็นคนอื่นเขาทำ เราก็เลยทำตามเท่านั้นเอง 555
จบมิชชั่นปลุกเสกเครื่องราง 5555
แต่!!  อย่าเพิ่งรีบเดินออกจากวัดกันค่ะ
ในบริเวณวัดเซ็นโซจิ ยังมีอีกหลายโซนที่เรายังไม่ได้ไปเดินดูกันเลย
พร้อมกับมิชชั่นต่อไปของเรา......

 ไปตามหาศาลจิ้งจอก ฮิกานอินาริ กันต่อเถอะ

ศาลฮิกานอินาริ เป็นศาลขนาดเล็ก อยู่ในเขตเดียวกับศาลเจ้าอะซะกุสะ (Asakusa Shrine)  ที่อยู่ติดกับประตู Nitenmon  ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของวัดเซ็นโซจิ

เป็นศาลเล็กๆ ไม่กว้างมาก แต่จุดน่ารักของศาลแห่งนี้คือ  คิสึเนะ หรือ คุณจิ้งจอกผู้ส่งสาสน์ให้แก่เทพเจ้าอินาริ  เป็นตุ๊กตาจิ้งจอกคู่ (ตัวผู้+ตัวเมีย) ที่วางอยู่ในศาลไม้อยู่ราวๆ 100ตัว

สำหรับราคาตุ๊กตาจิ้งจอก อยู่ที่คู่ละ 1,500 เยน ใครสนใจก็ซื้อได้นะคะ ส่วนเรา..เหมาเครื่องรางจิ้งจอกของศาลเจ้านี้จนหมดกระเป๋า เพราะว่าเครื่องรางจิ้งจอกของที่นี่น่ารักจริงๆ + มีแต่คนจะเอาเจ้าตัวนี้เป็นของฝาก  55555
ส่วนราคาเครื่องราง มีแต่ 500 เยนขึ้นไปจนถึง 2,000 เยน

ปล.เค้าห้ามถ่ายรูปเครื่องรางที่วางอยู่ด้านหน้าซุ้ม เลยไม่มีรูปถ่ายให้ดูนะคะ
แต่เครื่องรางของญี่ปุ่นน่ารักมากๆๆๆ อยากได้หลายชิ้นเลย น่ารักไปหมดเลย

ปล.2 สร้อยข้อมือที่ศาลนี้ก็น่ารักค่ะ เป็นสร้อยสีทอง จี้เป็นเงื่อนแบบญี่ปุ่น
ราคา2,000  ความหมายมีหลายอย่าง แต่ตอนนั้นเหลือแบบเดียวคือ wish come true ซึ่งไม่ใช่แบบที่เราอยากได้ เลยไม่ได้ซื้อมา... มานึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว T^T
ได้เครื่องรางครบตามที่บ้านเราสั่งมาแล้ว
เราแวะนั่งทานเบนโตะเติมพลังกันเสร็จแล้วก็เดินเตร่ไปอีกฝั่งของวัดเซนโซจิบ้าง
ฝั่งขวามือของวัด ก็จะมีศาลเจ้าอีก 2-3 แห่ง เช่น ศาลเจ้าโยโกโดะ (Yogodo) ศาลเจ้ายาคุชิโดะ (Yakushido)  ศาลเจ้าอะวะชิมะโดะ (Awashimado)  ซึ่งบริเวณศาลเจ้าตรงนี้ ยิ่งเ̶งี̶ย̶บ̶เ̶ห̶ง̶า̶  เงียบสงบกว่าบริเวณอื่นๆ ซะอีก เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ กระจุกตัวอยู่กันบริเวณวัดเสียมากกว่า

ที่ศาลเจ้าYogodo ด้านในห้ามถ่ายรูป เราเลยไม่มีรูปถ่ายด้านในศาลมาฝาก
มีแค่บรรยากาศด้านนอกที่จะมีศาลไม้เล็กๆ และรูปปั้นแบบต่างๆ อยู่ในสวน

ส่วนที่ศาลAwashimado ยิ่งเงียบสงบมากๆ แทบไม่มีคนเดินเลย
แม้จะมีเครื่องรางขาย แต่ไม่มีคำแปลบอกค่ะ เราเลยไม่ได้เข้าไปดู
แค่เดินข้ามถนน ไปนั่งเล่นในสวนใกล้ๆ  ซึ่งมีรูปปั้นต่างๆ อยู่ด้านใน
ต้นไฮเดรนเยียในสวนก็กำลังบานสะพรั่ง สาวๆ ที่เช่าชุดยูกะตะก็ไปถ่ายรูปมุมนั้นหลายกลุ่ม  ยังมีต้นบ๊วยที่ติดผลแล้ว ลูกบ๊วยสดๆ นี่กลิ่นหอมมากๆ เลยค่ะ  เราแอบหยิบลูกที่หล่นพื้นมาดมดู หอมติดมือมาก แต่ไม่ได้เก็บมาด้วย ดมเสร็จก็วางไว้ที่เดิม 55555

ในโซนของเจดีย์สูงห้าชั้น วันที่เราไป เค้าปิดทำการปรับปรุงบริเวณรอบๆ เลยไม่ได้เดินเข้าไปดูในโซนนั้น  แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคราวหน้าไปใหม่ จะเดินให้ทั่วกว่านี้เลยค่ะ
** เพิ่งมารู้ตัวว่ากระทู้ยาวมาก 5555**

**** ไว้ครั้งหน้าจะมารีวิวศาลเจ้าเมจิบ้างนะคะ***


k.yujeen

k.yujeen

มือใหม่หัดเล่นนะคะ ♥

FULL PROFILE