[ Review ] 10 Steps ดูแลผิวยามค่ำคืนแบบสาวเกาหลี เยอะม๊ากกก ทาจนเหนื่อย 555
MayPannapat 38 21สวัสดีเพื่อนๆ ชาวจีบันทุกคนค่าา
อย่างที่เรารู้ๆ กันเนาะว่าสาวเกาหลีเนี่ยเค้าผิวดีม๊ากกก ผิวเค้าเนียนละเอียดขาวใสดูเนียนนุ่มสุดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและกรรมพันธุ์ด้วยค่ะ ด้วยความที่ประเทศเกาหลีเนี่ยเค้ามีอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการบำรุงผิวมาก อากาศไม่ได้ร้อนแผดเผาเหมือนบ้านเรา เพราะฉะนั้นสาวๆ เกาหลีเค้าก็เลยมีสเต็ปการบำรุงที่หลายขั้นตอนพอสมควรเลย เอาจริงๆ ก็ไม่เท่าไหร่แค่ 10 สเต็ปเอ๊งงงงงง
เอาล่ะค่ะ! วันนี้เมย์ก็เลยจะมาทั้งรีวิวทั้งเปิดกรุทั้งเปิดเผยเทคนิควิธีดูแลผิวแบบสาวๆ เกาหลีในกระทู้นี้ค่ะ ครบจบในกระทู้เดียวแน่นอน เมย์จะค่อยๆ เริ่มไปทีละสเต็ปพร้อมทั้งรีวิวสกินแคร์ที่ใช้ในแต่ละสเต็ปด้วยค่าา
ก่อนจะเริ่มอ่านกัน เมย์มีสภาพผิวผสม-ขาดน้ำนะคะ หากเพื่อนๆ คนไหนมีสภาพผิวแตกต่างจากเมย์ก็สามารถปรับเปลี่ยนขั้นตอนและสกินแคร์ได้เลยน้าา
Step 1 : Cleansing Oil
ขั้นตอนนี้สำคัญม๊ากกกเพราะเป็นขั้นตอนแรกของการดูแลผิวแบบสาวๆ เกาหลีเลยค่ะ ส่วนใหญ่สาวเกาหลีจะชอบใช้ Cleansing แบบ Oil หรือ Balm ในการล้างเครื่องสำอางเป็นขั้นตอนแรกค่ะ เพราะเครื่องสำอางส่วนใหญ่จะละลายได้ง่ายในน้ำมัน เพราะฉะนั้นสาวๆ เกาหลีก็เลยจะล้างเครื่องสำอางด้วย Oil หรือ Balm เนี่ยเป็นขั้นตอนแรกแล้วต่อด้วย Cleansing แบบ Water เป็นขั้นตอนต่อไปค่ะ เราเรียกการล้างเครื่องสำอางแบบ 2 ขั้นตอนแบบนี้ว่า “Double Cleanse” นั่นเองจ้า
มาทำความรู้จักกัน Double Cleanse กันดีกว่า
Double Cleanse คือการทำความสะอาดผิวแบบ 2 ขั้นตอน โดยเริ่มจากพวก Oil-based ก่อนเพื่อละลายพวกเครื่องสำอางหรือครีมกันแดดออกจากผิวเราก่อน จากนั้นก็ตามด้วยพวก Water-based เพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้าง เช่น เศษสิ่งสกปรก เหงื่อ หรือเครื่องสำอางที่ยังหลงเหลืออยู่ ทั้ง 2 ขั้นตอนนี้จะทำให้เราทำความสะอาดผิวได้แบบหมดจดจริงๆ ซึ่งเมย์ลองทำแล้วได้ผลดีมากในแง่ของสิวอุดตันค่ะ สิวอุดตันขึ้นมาน้อยมากๆ ผิวหน้าสะอาดมากกกเหมือนผิวได้หายใจเลยค่ะ
Smooth E Extra Sensitive Serum Cleanser : เป็น Cleansing Oil นี่แหละค่ะถึงแม้ชื่อนางจะเป็น Serum ก็ตาม 555 ตัวนี้ใช้ง่ายค่ะ เหมาะกับผิวแพ้ง่ายด้วย เราก็นวดๆ จนเมคอัพละลายออกหมด จากนั้นก็แตะๆ น้ำมานวดๆ ต่อจะทำให้ Oil เปลี่ยนเป็นน้ำนมจ้า ใครที่กลัวว่าล้างแล้วหน้าจะมันมั้ยหายห่วงได้เลยค่ะ เพราะตัวนี้เค้าไม่ทิ้งความมันน้าา เข้าตาไม่แสบ แต่เวลาล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วตาชอบขุ่นๆ มัวๆ ซักพักก็หายเป็นปกติค่ะ
Bifesta Milky Cleansing Liquid : ตัวนี้ไม่ใช่ Cleansing Oil นะคะ แต่เมย์ซื้อมาเพราะอยากลอง บวกกับเมย์ไม่อยากใช้ Cleansing Water บ่อยๆ (คืออยากเช็ดแค่รอบเดียวพอ เพราะเช็ดมากๆ แล้วกลัวผิวระคายเคือง) สรุปคือตัวนี้เอาเมคอัพหนักๆ ออกไม่ค่อยเวิร์คสำหรับเมย์ แต่ถ้าแต่งเบาๆ แค่กันแดดแป้งฝุ่นเขียนคิ้วพวกนี้ก็ล้างออกดีนะคะ แต่ระวังอย่าให้เข้าตาเชียว แสบมากกก
Step 2 : Cleansing Water
จากที่เราล้างเมคอัพด้วย Cleansing Oil กันแล้วก็จะต่อด้วย Cleansing Water เพื่อเช็ดสิ่งสกปรกหลงเหลือค่ะ เมย์สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าหลังจากล้างด้วย Oil แล้วมันก็ยังมีบางจุดบางส่วนที่ยังมีเมคอัพหลงเหลืออยู่ เพราะฉะนั้นเมย์จะเก็บรายละเอียดที่เหลือด้วยการเช็ด Cleansing Water จ้าา
Faith in Face Truly Waterly Cleansing Water : ตัวนี้น่าจะเป็นที่รู้จักของสาวๆ จีบันกันอยู่แล้ว เป็นคลีนซิ่งถูกและดีที่ใช้ดีม๊ากกก ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ เช็ดแล้วสะอาดแถมไม่ทิ้งความเหนอะบนผิวด้วย เมย์ใช้มานานแล้วก็ยังไม่หมดซักที 555
Mizumi Eye&Lip Aqua-Touch Remover : ตัวนี้เมย์ชอบมากๆ เพราะเค้าเช็ดตาแล้วไม่แสบไม่ระคายเคือง เช็ดปากแล้วไม่ขมลิ้น เช็ดสะอาดมากด้วย ราคาไม่แพง แถมชอบมีโปรที่วัตสันบ่อยๆ เลิฟฟฟ
ข้อควรระวัง : เมย์อยากให้เพื่อนๆ ชาวจีบันใส่ใจกับการล้างเครื่องสำอางมากๆ ค่ะ ให้เวลากับการทำความสะอาดผิวหน้าเรานานๆ หน่อย โดยเฉพาะกับ “ตา” เราค่ะ เพราะมีช่วงนึงที่เมย์ละเลยไปหน่อย ทำความสะอาดแบบลวกๆ ผลคือเกือบเป็นตากุ้งยิงเลยค่ะ ฮืออ
Step 3 : Face Wash
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการทำความสะอาดผิวที่ทุกคนคงจะทำกันเป็นประจำอยู่แล้วเนาะ เพราะฉะนั้นเมย์จะข้ามไปเลย ไม่ต้องอธิบายมาก ขอแค่เพื่อนๆ เลือกโฟมหรือเจลล้างหน้าให้เหมาะกับผิวตัวเองเนาะ
Dr.Somchai Acne Double Whip Foam : โฟม ดร.สมชายหลอดนี้เปลี่ยนความคิดเมย์ที่มีต่อ ดร.สมชายมากก เพราะเมย์เคยใช้โฟมรุ่นอื่นของ ดร.สมชายแล้วผิวแห้งตึง แต่ตัวนี้คือล้างแล้วหน้าไม่แห้งเลย สะอาดมาก บีบนิดเดียวก็ตีวิปโฟมได้เยอะมากๆ เมย์ใช้หลอดที่ 2 แล้วว (ขอบคุณพี่เจมส์ Jamse_Badbitch ที่ป้ายยาน้องมา 555)
Oam’s Soap Moonlight Honey Drop : ตัวนี้เป็นสบู่สำหรับล้างหน้าค่ะ เป็นแบรนด์ของแม่โอปอล์ของเรานั่นเองง เมย์ชอบตรงที่มันหอมน้ำผึ้งมากกก ล้างแล้วหน้าไม่แห้งตึง ที่สำคัญคือสบู่ละลายช้าค่ะ ใช้ได้ยาวๆ ไปเลย 555
Step 4 : Exfoliate
ขั้นตอนนี้เมย์แนะนำให้ทำแค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งพอค่ะ ไม่งั้นผิวหน้าเราจะได้รับการรบกวนมากเกินไป ขั้นตอนนี้จะทำให้ผิวเราได้กำจัดเซลล์ผิวที่ตายออกไป ทำให้ไม่มีสิ่งตกค้างแบบจริงๆ 555
St.Ives Blackhead Clearing Green Tea Scrub : ถ้าใครกำลังหาสครับเม็ดละเอียดสำหรับขัดสิวเสี้ยนเมย์ขอแนะนำตัวนี้เลยค่าา คือทุกคนนน เม็ดสครับเค้าละเอียดมากจริงๆ ขัดสิวเสี้ยนทีคือจมูกเนียนไปเลย สครับหน้าก็เนียนนุ่มไม่บาดผิวเลย ราคาประมาณ 199 บาทหลอดใหญ่ใช้ได้นานมากเว่อร์ ไปตำเถอะ!
Step 5 : Toner
ขั้นตอนนี้เมย์เห็นสาวๆ เกาหลีทำกันเยอะมาก (จากการสำรวจในซีรี่ส์ที่เมย์ดูเอง 555) การเช็ดโทนเนอร์ก็เป็นขั้นตอนการทำความสะอาดผิวอีกขั้นตอนนึงเลยนะเออ เป็นเตรียมความพร้อมของผิวและปรับสมดุลค่า pH ของผิวเราไปในตัวด้วยค่ะ แน่นอนว่าเมย์ไม่เคยขาดการเช็ดโทนเนอร์เลยซักครั้งเดียว ไม่เช็ดแล้วรู้สึกผิวไม่ค่อยสดชื่น 555
Mamonde Rose Water Toner : ใครที่สาวกกลิ่นกุหลาบเมย์ขอแนะนำตัวนี้เลยจริงๆ เพราะตัวนี้เค้าใช้น้ำกุหลาบสกัดเพียวๆ ตั้ง 90.89% ไปเลยจ้าา กลิ่นกุหลาบชัดเจนมากกก จริงๆ เมย์ไม่ชอบกลิ่นกุหลาบแหละ แต่ของเค้าใช้ดีจริงๆ เช็ดแล้วหน้าชุ่มชื้นมาก ใครชอบกลิ่นกุหลาบคงฟินน่าดู 555
Mamonde Aqua Peel Toner : ตัวนี้เน้นผลัดเซลล์ผิวค่ะ แต่เมย์ก็เฉยๆ นะ แอบรู้สึกไม่ดีตอนเช็ดใกล้ๆ ตาด้วย เพราะมันแสบตานิดๆ อะ ฮืออ หมดขวดนี้คงไม่ซื้อต่อแล้วว
Boots Simply Sensitive Gentle Toner : ตัวนี้เกิดมาเพื่อเป็นโทนเนอร์จริงๆ ค่ะ คือเช็ดเพื่อทำความสะอาดผิวแค่นั้นเลย 555 แต่เมย์ชอบนะ เพราะเค้าไม่ทิ้งความเหนอะไว้บนผิว ซึมไวอีกด้วย เกิดมาเพื่อเอาไว้เช็ดเลยจริงๆ
Etude House Soon Jung pH 5.5 Relief Toner : ตัวนี้ซื้อมาเพราะเห็นว่าเหมาะกับผิวแพ้ง่ายและอยากฟื้นฟูผิว ตัวนี้เหมือนเป็นตัวท็อปๆ ในไลน์นี้ด้วย ปรากฏว่าเราใช้แล้วก็เฉยๆ นะ ชอบตัว Emulsion กับ Balm มากกว่า ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ใสๆ มาก เหมือนน้ำเปล่าเลย ไม่หนืดไม่อะไรทั้งนั้น 555 เป็นสิวก็ใช้ได้เพราะนางอ่อนโยนมากกกก ช่วงไหนผิวมีปัญหาก็หยิบมาใช้เลยจ้าา
Step 6 : Essence
ขั้นตอนนี้จะใช้เป็นเอสเซ้นส์น้ำตบหรือเฟิร์สเซรั่มอะไรก็ได้ค่ะ หรือใครที่มีแค่เซรั่มก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลยจ้า
The Face Shop The Therapy First Serum : ตัวนี้เป็นเฟิร์สเซรั่มที่มีส่วนผสมของน้ำผสมผสานกับน้ำมันได้อย่างลงตัวมาก เมย์จะลงตัวนี้ก่อนลงน้ำตบตัวอื่นเลย บางทีก็ลงตัวนี้หลายๆ รอบใช้เป็นน้ำตบไปเลย คือเนื้อเค้าเหลวๆ เหมือนน้ำเลย ส่องดูดีๆ จะเห็นอนุภาคน้ำมันหยดเล็กมากๆ กระจายตัวอยู่ แต่ซึมลงผิวง่ายไม่ทิ้งความมันหรือเหนอะผิว และฟินิชที่ได้คือผิวฉ่ำเนียนๆ ลื่นๆ เหมือนเราลงออยล์บำรุงผิวเลย เมย์ชอบตัวนี้ตรงที่เค้าทำให้ผิวฟูเด้งไม่แห้งกร้าน ขวดใหญ่มากกกก (130 mL) ใช้กันยาวๆ ไป ที่เห็นในรูปคืออีกนิดจะหมดแล้วจ้า กดออกมายากแล้ว 555
Mizumi Marine Sugar White Essence : ตัวนี้เป็นเอสเซ้นส์ออกใหม่จาก Mizumi เลยจ้าา เมย์ไปซื้อตั้งแต่เค้าวางขายวันแรกๆ เลย 555 เมย์ชอบส่วนผสม 4% Niacinamide ของเค้ามากๆ ส่วนตัวผิวเมย์ถูกกับส่วนผสมตัวนี้ตัวนี้ เป็นเอสเซ้นส์ใสๆ หนืดนิดหน่อย ให้ความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีมากเลยนะเห็นใสๆ แบบนี้ ใช้มาเป็นเดือนแล้วผิวชุ่มชื้นและไบรท์ขึ้นดีมาก ปกติผิวเมย์จะหมองง่าย แต่ตัวนี้ช่วยทำให้ผิวมันสว่างขึ้น ไม่ใช่ขาวขึ้นนะ งงมั้ย ฮือ 555
Y2S Get Beauty Complete Essence : เมย์เรียงลำดับในรูปผิดค่ะทุกคน 555 ที่จริงเมย์จะลงตัวนี้ก่อน Mizumi นะ เพราะตัวนี้ซึมไวกว่า แถมเป็นเอสเซ้นส์ที่ช่วยปลอบประโลมผิวด้วย ใครเป็นสิวตัวนี้ก็ใช้ได้นะคะ เพราะไม่ไปรบกวนผิว ช่วยให้บรรเทาอาการอักเสบของสิวได้แบบเบาๆ ด้วย
Step 7 : Serum
ขั้นตอนนี้เมย์จะลงก็ต่อเมื่อมีปัญหาผิวที่ต้องการบำรุงแบบเข้มข้น เช่น ผิวหมองคล้ำ เป็นสิวอะไรแบบนี้ แต่ถ้าช่วงไหนผิวปกติดีเมย์จะไปเน้นสกินแคร์ที่เติมความชุ่มชื้นที่มากกว่าอย่าง Emulsion หรือ Cream ไปเลย ไม่ก็หาเซรั่มที่เน้นเติมน้ำให้ผิวแบบเต็มๆ ไปเลย ฟังก์ชั่นไม่ต้องเยอะขอแค่ตรงจุดก็พอ 555
Nowso Madonna Lily Whitening & Ant-spot Concentrated Serum : ชื่อยาวมาก 555 ตัวนี้เน้นเรื่องให้ผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำค่ะ สำหรับเมย์เห็นผลเรื่องผิวกระจ่างใสและลดจุดด่างดำได้นิดหน่อย เหมือนผิวเราขาวขึ้นแล้วรอยดำจากสิวมันก็จางตาม 555
Eucerin Pro Acne Solution Super Serum : ตัวนี้เมย์เคยรีวิวไปแล้ววว ช่วงนี้เมย์ไม่ค่อยได้ใช้เพราะสิวไม่ค่อยขึ้นแล้ว เย่ 555 เมย์จะใช้ช่วงที่เริ่มเป็นสิวเยอะๆ ใช้ยาวๆ เพราะนางช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ดี ทาตอนกลางวันก็ได้เพราะไม่ทำให้หน้ามัน ทาแล้วรู้สึกผิวลื่นๆ เหมือนมีแป้งเคลือบ แต่กลิ่นน้ำหอมแรงมากนะจ๊ะ
Step 8 : Mask
มาถึงพระเอกของกระทู้นี้แล้ววว สาวๆ เกาหลีเท่าที่เมย์รู้มาคือเค้ามาสก์หน้าทุกวันเลยนะ ไม่ก็เกือบทุกวันเลย เพราะเค้าถือว่าเป็นการบำรุงแบบล้ำลึก เมย์ก็ทำตามเค้าไปนั่นแหละ 555 ปรากฏว่าผิวดีขึ้นมากๆ แบบมากจริงๆ มาสก์หน้าไม่ต้องแพงขอแค่ขยันทำบ่อยๆ เรื่องจริงนะเมย์ซื้อมาสก์หน้าแผ่นละไม่กี่บาท (29 บาทของ The Saem) มาสก์ทุกวันจนผิวเด้งอิ่มน้ำผิวดีขั้นสุด 555
ส่วนมาสก์สูตรที่เมย์แนะนำเลยคือสูตรที่เติมความชุ่มชื้น เพราะสูตรนี้สามารถมาสก์ได้ทุกวัน ใครชอบแบรนด์ไหนก็จัดไปได้เลย แต่ถ้าสูตรเพื่อผิวกระจ่างใสหรือสำหรับแก้ปัญหาสิวนี่เมย์แนะนำว่าให้มาสก์แค่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งพอ เพราะสูตรพวกนี้มักจะทำให้ผิวระคายเคืองง่ายกว่า นานๆ ครั้งมาสก์ทีก็พอ 555
ในรูปเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เมย์หยิบมาถ่ายรูป แบรนด์ที่เมย์ชอบใช้ก็คือ Skindom, Dr.Gloderm, My Beauty Diary, Barrier Repair, Scinic, Mentholatum, Watsons, The Saem, Skindigm, Mediheal เยอะม๊ากกกกก นี่ยังมีที่นึกไม่ออกอีกนะ 55555 ที่เมย์ชอบแบรนด์เหล่านี้เพราะเนื้อมาสก์เค้าไม่ค่อยทิ้งความเหนอะ สามารถลง Emulsion หรือ Cream ต่อได้ชิลๆ ใครชอบเหมือนเมย์ก็จัดเลยฮะ ไม่ผิดหวังแน่นอน
Step 9 : Eye Cream
ขั้นตอนนี้ใครจะลงก่อนหรือหลังมาสก์ก็ได้จ้า ใครชอบแบรนด์ไหนก็จัดไปอย่าให้เสีย ผิวหน้าเด้งแล้วอย่าปล่อยให้ผิวรอบดวงตาเหี่ยวน้า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจนะจ๊ะ อิอิ
Clinique All About Eyes : ตัวนี้เมย์ซื้อขนาดทดลองมาเพราะขนาดจริงราคาแอบเอาเรื่องอยู่ แถมเราใช้แค่นิดเดียวเอง ปรากฏว่าประปุกนี้ (7 mL) ใช้ได้เกือบ 4 เดือนเลยทีเดียว เนื้อครีมนุ่มลื่นมาก ใต้ตาชุ่มชื้นไม่ทิ้งความมัน ทาตอนเช้าก็ไม่ทำให้คอนซีลเลอร์ปิดแพนด้าไหล แต่ไม่ค่อยช่วยเรื่องรอยคล้ำรอยช้ำน้าา
Step 10 : Moisturizer
ขั้นตอนนี้ตอนแรกเมย์ก็กลัวว่าหน้ามันจะเยิ้มไปมั้ยนะ มาสก์แล้วยังต้องทาครีมต่ออีกหรอ ซึ่งไม่เป็นความจริงค่ะถ้าเราเลือกครีมให้เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง เลือกเนื้อที่ไม่ต้องหนักมากแต่สามารถช่วยเก็บความชุ่มชื้นของผิวได้ ขั้นตอนนี้เมย์ชอบใช้ Emulsion มากกว่า Cream เพราะเนื้อเบากว่า ตื่นมาหน้าเด้งฟูมาก
แต่ถ้าหลังมาสก์หน้าแล้วยังมีเหนอะๆ ที่ผิวก็สามารถใช้ Toner เช็ดมาสก์ส่วนเกินออกก่อนก็ได้นะคะ ซึ่งเมย์ชอบใช้น้ำตบลูกเดือย (Hatomugi Skin Conditioner Lotion) เช็ดเพราะตัวนี้ซึมลงผิวไวไม่ทิ้งความเหนอะ ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นด้วย
Etude House Soon Jung 5-Panthenoside Cica Balm : ตัวนี้เมย์เอาไว้ลงตัวสุดท้ายเลย ลงเฉพาะจุดที่มีผิวระคายเคือง เช่น ผื่น ผิวแห้ง ผิวลอกขุย จุดที่เพิ่งกดสิวมา ผิวแดงๆ แม้กระทั่งสิว 555 ตัวนี้จะได้ผลดีมากกับผิวที่เพิ่งกดสิวมาแล้วผิวแดง โบกคืนนึงผิวไม่อักเสบเพิ่ม รอยแดงหาย หน้าผากเมย์แอบมีสิวผดเบาๆ อยู่ก็หายไปเยอะเลย ตรงข้างปีกจมูกที่ชอบแดงระคายเคืองตอนนี้ก็ดีขึ้นมาก ไม่แสบไม่แดงง่ายแล้ว บาล์มตัวนี้ถือเป็นของอเนกประสงค์ที่ควรมีติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้เลยยย
Etude House Soon Jung 10-Free Moist Emulsion : มาถึงตัวที่เมย์กำลังอินม๊ากกกกในตอนนี้ 555 ใครที่กำลังหา Emulsion เนื้อเบาๆ ซึมง่ายและใช้ง่ายเมย์ขอแนะนำตัวนี้เลยยย เน้นเติมความชุ่มชื้นอย่างเดียว เหมือนเนื้อเค้าจะหนักนะแต่ความจริงคือซึมไวมาก ไม่ทิ้งความเหนอะ ทาตอนเช้ายังไม่ไหลเลย ที่สำคัญอ่อนโยนมากๆ ผิวแพ้ง่ายต้องเลิฟฟฟ ไลน์นี้ผลิตมาเพื่อผิวแพ้ง่ายจริงๆ อ่อนโยนทุกตัวเลย
Provamed Sensitive Moisture Cream : ตัวนี้เน้นสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายมากแล้วอยากฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น ตัวนี้เมย์เคยรีวิวไปเมื่อนานมากแล้ว เมย์เคยใช้หลังรักษาสิวจนสิวเริ่มหาย หลังจากนั้นสิวขึ้นน้อยมาก บางเดือนแทบไม่ขึ้นเลย (สิวอักเสบและสิวแบบบวมแดงน้า สิวอุดตันมีมาบ้างเพราะล้างหน้าไม่สะอาดจ้า) เนื้อครีมบางเบาซึมไว ผิวมันก็ใช้ได้ คนที่เป็นสิวจากสารอันตรายก็สามารถใช้ได้จ้า (เค้าเคลมมางี้เลย) ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่เมย์ติดโต๊ะเครื่องแป้งแล้วสบายใจ 555
Special Items
แถมให้อีกหน่อย เป็นสกินแคร์เฉพาะจุดที่เมย์ใช้อยู่ในปัจจุบันนะคะ มีอันอื่นอีกแต่เลือกมาแค่นี้เพราะช่วงนี้ใช้พวกนี้บ่อย 555
Puricas Dragon’s Blood Scar Gel : ตัวนี้ใช้เป็นตัวลดรอยดำรอยแดงจากสิว ซึ่งตัวนี้ดีตรงที่สามารถทาแผลสดได้ด้วย เพราะเค้ามีส่วนผสมจากดราก้อนบลัดที่ช่วยสมานแผลสมานผิวได้ ไม่ต้องรอให้แผลแห้งก็ทาตัวนี้ไปได้เลย ไม่ทำให้แสบแผลด้วย ส่วนรอยดำจากสิวเมย์ใช้ประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลชัดเจน แต่ยังไม่หายไปหมดนะ ต้องหมั่นทาเรื่อยๆ
Mederma Intense Gel : ตัวนี้ทุกคนคงเคยเห็นอยู่แล้วเพราะนางฮิตมากๆ 555 สำหรับเมย์มันก็มีข้อดีข้อเสียอยู่น้าา ข้อดีคือนางลดรอยดำจากสิวได้ไว (กว่าตัวบนนิดหน่อย) แต่ข้อเสียคือเมย์ทาแล้วมันคันยิบๆ ที่ผิวอะ พอแห้งแล้วนางเซ็ตตัวเหมือนฟิล์มเคลือบเลยทำให้เป็นขุยลอกออกง่าย ราคาค่อนข้างสูงเลยทำใจใช้ไปเรื่อยๆ 555
Provemed Acne Retinol-A Gel : สำหรับสิวอุดตันจ้าตัวนี้ต้องใช้เวลาหน่อยนะ สิวอุดตันเค้าดื้อ ออกยาก 555
Provamed Acne Spot Gel : ส่วนตัวนี้สำหรับสิวอักเสบจ้า ตัวนี้ตัวนี้ซึมไวแต่แอบทิ้งคราบขาวๆ เหมือนแป้งเคลือบไว้นิดนึง
ใน ที่ สุด ก็ จบ แล้ววว !!
ช่วยดีใจกับเมย์หน่อย 555 กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เมย์ตั้งใจมากๆ เพราะทำแล้วเห็นผลจริงอะไรจริง ทั้งหมด 10 ขั้นตอนนี่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เป็นการบำรุงผิวที่ลงทุนกับเวลามาก ไม่ตั้งใจจริงไม่กี่วันคงเลิกแล้วอะ เพราะนานจริงอะไรจริง 55555 เอาล่ะเพื่อนๆ จีบันก็คงสงสัยแล้วว่าปัจจุบันผิวเมย์เป็นอย่างไรรร
เปิดตัวภาพปัจจุบันค่าา!
อาจจะไม่ได้ใสกิ๊งงงงเหมือนผิวเด็ก แต่เป็นผิวที่มีความชุ่มชื้นและแข็งแรงไม่ระคายเคืองง่ายก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับเมย์แล้ว จากที่เมย์บำรุงผิว 10 สเต็ปมาประมาณเกือบๆ 2 เดือนน้านนนน ปรากฏว่าผิวเมย์ดีขึ้นมากๆ รูขุมขนกระชับขึ้นแบบสังเกตเห็นได้ชัด ผิวไม่แห้งไม่ลอก ไม่มีผื่นขึ้น ที่สำคัญคือสิวขึ้นน้อยลงจนเกือบจะไม่ขึ้นแล้วจ้าา 555 (แต่พวกสิวฮอร์โมนก็มีมาบ้าง เพราะควบคุมไม่ได้ค่ะ ฮืออ)
ใครที่ขี้เกียจทำครบ 10 ขั้นตอน (แบบว่าไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น) ก็สามารถลดขั้นตอนได้นะคะ ตอนนี้ผิวลงแป้งอะไรก็ดูดีไปหม๊ดดด ทาแล้วแป้งติดผิวดีมาก ระหว่างวันหน้าเมย์ก็มันเหมือนเดิมนะคะ แต่ไม่เยอะเท่าเมื่อก่อน แล้วมันเป็นความมันที่ไม่เยิ้มอะ หน้าดูโกลวๆ งงมั้ย 555 ส่วนรูขุมขนเมย์ไม่ได้ใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดรูขุมขนเลย แต่เมย์บำรุงให้ผิวชุ่มชื้นมากๆ ก็สามารถทำให้รูขุมขนเล็กลงไปแบบไม่รู้ตัวเลย
สำหรับวันนี้เมย์ขอตัวลาไปก่อนนะคะ
บ๊ายบายค่าา