[Review] โทนเนอร์ AM ที่ใช้หมดไปใน Q1-Q3 ปีนี้ by หนูคิส

21 3
ฮายยยยย ซิสสสสส

วันนี้มาพูดถึง "โทนเนอร์" ที่คิสเอาไว้ใช้สำหรับเช็ดหน้าตอนเช้านะคะ

คิสจะแยกโทนเนอร์สำหรับการใช้งานของเช้า-เย็น ถ้าเป็นช่วงเช้าจะไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ค่อยสนความรู้สึกให้สะอาดดดด อะไรเว่อร์วัง ล้างหน้าด้วยเจล ต่อด้วยโทนเนอร์ธรรมดาๆแบบนี้ แล้วก็ค่อยลงพรีเอสเซนส์, เอสเซนส์, กันแดด ฯลฯ

ปีนี้คิสก็ใช้โทนเนอร์ไปเยอะเหมือนกันค่ะ เยอะจนคิดว่าต่อไปจะเปลี่่ยนไปใช้พวกน้ำมาส์กเช้ามาเช็ดหน้าแทน(แบบน้ำตบลูกเดือยฮาโตมูกิ) ซึ่งคิสก็มีซื้อแล้ว 2 ขวดเรียบร้อย ราคาถูก ได้เยอะ อยากเช็ดเท่าไหร่ก็เช็ดได้ละ ไม่เปลือง

วันนี้มารีวิวแบบสั้นๆ ทั้งหมด 4 ตัวค่ะ อาจจะรีวิวไม่ดีเท่าไหร่เพราะใช้งานหมดเกลี้้ยงไปหมดแล้ว แหะๆ ^^"

1. Thayers Witch Hazel Aloe Vera Formula(Unscented) - 355 ml


ตัวนี้เป็นตัวในตำนานนนนนนนนน นานนนนแสนนนนนนานนนนนนน

ขอยานคางค่ะ เพราะมันนานระดับคุณฟีบี้เลยทีเดียว สตรีผู้มีอิทธิพลต่อคิสมากๆ อะไรที่คุณฟีบี้ว่าดี Thayers, Avalon, น้ำสาเก DIY อะไรก็แล้วแต่ล้วนขายดิบขายดี สาวๆพากันไปซื้อถึงตปท.(เมื่อก่อนไม่โชคดีแบบนี้ หาซื้อของยากมาก)

ตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่คิสสั่งมาใช้ในยุคที่สั่งของ iherb แรกๆจนถึงปัจจุบัน เพราะราคาคำนวณความเสี่ยง ค่าขนส่งทางอากาศ รวมทุกอย่างแล้วก็ยังถูกกว่าที่เมืองไทยขาย ขวดไซส์ 355 ml ราคาราวๆ 300 บาทเท่านั้น ตกแค่มิลละบาท ถูกยิ่งกว่าถูก และใช้ดีซะด้วย เช็ดแล้วรู้สึก soothing สบายผิว ไม่มีผื่น ไม่ระคายเคือง วิธฮาร์เซลก็ช่วยทำให้รู้สึกสบาย เช็ดได้ทั้งเช้าและเย็น ขวดนี้ใช้ได้นานอยู่ค่ะ คิสใช้ได้เป็นเดือนเลย(คิสใช้เปลืองมากนะ สำลีชุ่มๆ 2 ชิ้นเช็ด โทนเนอร์ขวด 100 มิล คิสใช้ได้ราวๆ 2 อาทิตย์หมด)

ราคาน่ารัก และคุณภาพดี คิสอาจจะยังไม่ได้ซื้อต่อในตอนนี้ แต่ก็จะใช้ไปเรื่อยๆนะ ไม่มีเหตุผลให้เลิกใช้

Alcohol-free, Paraben-free, Gluten-free (Made in USA)

Ingredients: Purified Water, Certified Organic Witch Hazel Ext Blend (Hamamelis Virginiana Extract (Witch Hazel*), Aloe Barbadensis Leaf Juice (Filet of Aloe Vera*)), Glycerin, Phenoxyethanol, Citric Acid, Citrus Grandis (Grapefruit) Seed Extract

*Denotes Certified Organic Ingredient

2. Etude House Moistful Collagen Facial Toner - 200 ml


โทนเนอร์สัญชาติเกาหลีจากแบรนด์ระดับแมสที่คิสก็ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนีงจะใช้สกินแคร์ของแบรนด์นี้เลย เพราะคิสกลัวแพ้มากกกกก กอไก่ล้านตัวค่ะ แล้วอะไรๆของเกาหลีมันดูอยู่ในม่านหมอกของคิสตลอดเวลา(เว้นพวกแบรนด์สกินแคร์แท้ๆ)

ตัวนี้เห็นว่าเป็นโทนเนอร์ที่ใช้เช็ดหน้าแป่บๆ และใช้เปลืองอยู่แล้วเลยลองเสี่ยงสักครั้ง ปรากฏว่าชอบเลยทีเดียว คิดไม่ผิดที่เสี่ยงซื้อมาลองค่ะ เนื้อจะมีเทกเจอร์คล้ายๆเจลๆเหมือนเป็นเนื้อโลชั่นน้ำตบสายญี่ปุ่น ให้ความชุ่มชื้นและมีกลิ่นหอมกำลังดีไม่ฉุนจมูก คิสเป็นคนผิวมันนะคะ ปาดตัวนี้แล้วรู้สึกว่าไม่ต้องตามด้วยมอสเจอไรเซอร์เลยยังได้ค่ะ ทาเอสเซนส์บำรุงแล้วทากันแดด แต่งหน้าได้เลย

ตัวนี้มีแอลกอฮอล์ก็จริงแต่ไม่ฉุน ไม่ระคายผิวเลย  ก็จำได้ว่าชอบเลยละ คิสไม่เน้นการเช็ดโทนเนอร์ให้ทำความสะอาดผิวซ้ำ secondary cleanser รุนแรงสำหรับโทนเนอร์เช้าอยู่แล้วเลยชอบฟิลลิ่งนี้ค่ะ ซื้อซ้ำแน่นอนอีกเหมือนกัน

ตัวนี้ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้แล้วนะ รู้แต่ไม่แพงเลย อีทูดี้คัมแบครอบสองคิสแฮปปี้กับราคามากๆค่ะ


Water, Hydrolyzed Collagen, Adansonia Digitata Fruit Extract, Butylene Glycol, Alcohol, Glycerin, Betaine, Adansonia Digitata Seed Oil, Glyceryl Polymethacrylate, Bis-Peg-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/Vp Copolymer, Ethylhexylglycerin, Carbomer, Potassium Hydroxide, Poloxamer 407, Peg-60 Hydrogenated Castor Oil, Peg/Ppg-17/6 Copolymer, Phytantriol, Hydroxyethylcellulose, Disodium Edta, Phenoxyethanol, Fragrance

3. Chica Y Chico Skin Texture Toner - 200 ml


พอโทนเนอร์ของน้องเอ๊ดธู๊ดหมดคิสก็หาเรื่องใส่ตัวทันทีกับแบรนด์สายเกาหลี ส่วนใหญ่คิสจะเลือกแบรนด์ที่เน้นเรื่องสกินแคร์เป็นหลัก acwell, mizon, corsx ที่แน่ใจว่าค่อนข้าง expert มาสายนี้จริงๆ

ตัวนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ คิสอ่านรีวิวมาเยอะมากๆก่อนจะสั่งราคาก็น่ารัก ไม่ถูกไม่แพง 6xx บาท เป็นโทนเนอร์สายบำรุงที่เป็นการหมักจากกลุ่มสมุนไพรต่างๆกับสาร Niacinamide ที่ดีต่อผิว คิสใช้แรกๆไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ ก็คิดว่าดีที่ไม่แพ้ ใช้ไปสักพักรู้สึกว่าผิว bright แบบโกลว์ๆสวย โกลว์นี้ไม่ได้แบบเจโลนะ คือผิวมันดูแข็งแรง healthy แต่งหน้าแล้วแป้งติดผิว หน้าดูไม่โทรม แต่ไม่ได้ทำให้ขาวขึ้นอะไรแบบนั้น

เนื้อเป็นโลชั่นแบบใสๆไม่มีสี เนื้อก็ runny แต่ไม่ถึงจะเหลวเป็นน้ำ ปาดแล้วไม่ตึงหน้าเลย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ อ่อนมากกกก คิสชอบกลิ่นอ่อนๆค่ะ รู้สึกสบายผิวมากๆ เป็นอีกตัวที่อยากจะซื้อซ้ำๆๆๆๆวนไปตลอด แต่ควรพักบ้างสัก 3 เดือนค่อยวนกลับมาใช้ใหม่ อยากให้มันผลัดกันทำงานค่ะ ผิวจะได้สะดุ้งเรื่อยๆ ไม่ชินจนเกินไป

สิ่งนึงที่ชอบมากๆสำหรับตัวนี้คือขวดเป็นแบบปิดทึบค่ะ เหมาะกับโทนเนอร์ที่มีสารบำรุงผิว คิสชอบแบบนี้มากกว่าพวกแพคเกจที่เป็นแบบใส ไม่อยากให้โดนแสงแล้วเสื่อมสภาพเร็ว / ข้อเสียก็หมดเร็วค่ะ 55 คิสใช้สลับกันไปกับน้ำเกลือเลย กลัวจะใช้หมดเร็วเกิน แต่ก็หมดไปแล้วนะ ^^

Ingredients:

Water, Butylene Glycol, Betaine, Glycerin, Beta-Glucan, Niacinamide, Lactobacillus/Soybean Extract Ferment Filtrate, Lactobacillus/Phaseolus Radiatus Seed Ferment Filtrate, Saccharomyces/Coix Lacryma-Jobi Ma-yuen Seed Ferment Filtrate, Lactobacillus/Rice Ferment Filtrate, Saccharomyces/Barley Seed Ferment Filtrate/ Origanum Vulgare Leaf Extract, Mentha Viridis (Spearmint) Leaf Extract, Melissa Officinalis Leaf Extract, Monarda Didyma Leaf Extract, Ocimum Basilicum (Basil) Leaf Extract, Salvia Officinalis (Sage) Leaf Extract, Portulaca Olearacea Extract, Plantago Asiatica Extract, Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Extract, Panthenol, Allantoin, Sodium Hyaluronate, Sodium Polyacrylate, Dipotassium Glycyrrhizate, Adenosine, Bacopa Monniera Extract, PEG-8, Hydroxyethylcellulose, Ascorbic Acid, Zanthoxylum Piperitum Fruit Extract, Pulsatilla Koreana Extract, Usnea Barbata (Lichen) Extract.


4. Skincel Liquid Skin Toner - 120 ml


ตัวนี้ก็เป็นอีกแบรนด์ของเกาหลีอีกเหมือนกัน หม่ามี๊ให้คิสมาบอกว่าเป็นแบรนด์ราคาแพงของที่นั่น(ใครอยู่เกาหลีบอกทีว่ามันมีแบรนด์นี้จริงๆป่าว 55 คิสไม่เห็นรู้จักเลย)

ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ที่ปริมาณน้อยที่สุด แต่คิสกลับใช้งานนานที่สุดเลยก่อนจะหมด เพราะเนื้อมันไม่เหมือนโทนเนอร์เลย ไม่เหมือนโลชั่นน้ำของญี่ปุ่นด้วย เนื้อจะชุ่มชื้นกว่าไปอีกราวๆ 3 เท่าได้ แต่ก็ยังไม่ถึงเป็นอิมัลชั่น คิสว่าอาจจะเป็นเพราะเป็นโทนเนอร์สูตรที่ทำขึ้นมาให้เหมาะกับสภาวะอากาศของเค้า

ซึ่งพอมาใช้กับผิวคนไทย คิสกลายเป็นกดแค่ 2 ปั๊มก็พอใช้งานแล้วค่ะ ไม่ต้องใช้เยอะ แต่ต้องใช้สำลีดีมากๆ ตัวนี้คิสใช้กับสำลีตัวแพงเลยจะเนื้อบางไม่กินเนื้อผลิตภัณฑ์มาก แต่กลับเช็ดได้ดีทั้งหน้า

พอเช็ดแล้วรู้สึกว่าผิว hydrated ดีมากถึงมากที่สุด แต่ไม่เหนอะหนะ กลิ่นค่อนข้างฉุนพอสมควรค่ะ ไม่ใช่กลิ่นแอลกอฮอล์ เป็นกลิ่นเหมือนสมุนไพรอะไรสักอย่าง หอมดีค่ะ แต่ไม่เหมือนกับ sulwhasoo นะ กลิ่นคนละสไตล์ค่ะ sulwhasoo หอมอโรม่ากว่ามากๆ

ตัวนี้เช็ดแล้วคิสรู้สึกว่าไม่อยากลงอะไรต่อเลย คือไม่อยากจะแต่งหน้าต่อด้วย เหมือนเราได้รับการบำรุงผิวดีๆแล้วก็ไม่อยากลงอะไรต่อให้โดน disturb กันจนงง แต่ชีวิตเราก็ต้องออกจากบ้านใช่ปะคะ 5555 ก็คือต้องลงเอสเซนส์ คงอะไรเพิ่มอยู่ดีละ แค่โทนเนอร์เช็ดแล้วรู้สึกว่ามันบำรุงผิวเราดีในระดับนึงแล้ว

ถ้าให้เทียบ คิสว่าถ้าเราใช้อิมัลชั่นมาเช็ดหน้าก็น่าจะได้ฟิลลิ่งประมาณๆเดียวกัน

ถามว่าซื้อต่อมั๊ย ตอบเลยว่า...ไม่ เพราะไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนค่ะ และเดาว่าราคาน่าจะสูงด้วย แพคเกจ หัวปั๊มทุกอย่างทำมาดีมากๆ ไม่มีงอแง แข็งแรง sturdy มากๆ

ปล.ส่วนผสมไม่มีนะคะ หาไม่เจอ คิดว่าคงต้องไปเซริชแบบฮันกึลเอา

หมดแล้วค่ะ สำหรับโทนเนอร์ที่คิสใช้แล้วปลาบปลื้มมากๆในช่วงปีนี้


คืนนี้คิสเตรียมเปิดขวดใหม่ใช้งานแล้วค่ะ หลังจากทยอยๆขนพวกของใช้จิ๋วๆออกมาใช้จนหมดไปเยอะมากๆ อยู่ในตู้เย็นกันมานาน ได้จังหวะเก็บกวาดเลยค่ะ 55


ใช้ของจิ๋วๆหมดไปเยอะก็เจอที่ชอบหลายตัวเลย Estee micro essence , Clinique 1.0, Mamonde rosewater, Kiku Sake, Kiehl's Calendula, Aesop b&tea คงจะได้ทำการบ้านและทยอยอุดหนุนแต่ละตัวตามกำลังทรัพย์นะ


หวังว่าสาวจะถูกใจกับรีวิวนี้นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

^_____^


King of Eugenie

King of Eugenie

คิสรู้คุณรู้โลกรู้ ของดีโลกต้องรู้ :)

Line ID: kingofeugenie
FB: fb.me/911beaute

FULL PROFILE