ภารกิจจับแกะชนแกะ! จัดครีมรกแกะแดนออสซี่ 5 ยี่ห้อมาวัดกันตัวตัวไปเลยว่าอันไหนปังที่สุด
piano 16 10
เซย์ฮัลโหลแก่ชาวจีบันทุกๆคนค่า ช่วงนี้ก็จะเข้าหน้าหนาวแล้วอ่ะเนอะ(แม้ว่าฝนจะตกเป็นฟ้ารั่วก็ตามที) ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงประดุจผีเข้าผีออก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยบนใบหน้าของเราคือความแห้งค่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตเราเป็นคนที่ผิวหน้าแห้งมากๆๆๆ แห้งผากประหนึ่งทะเลทรายซาราฮ่าก็ไม่ปาน และด้วยความหน้าแห้งสุดๆเนี่ยแหละที่สร้างปัญหา เพราะมันแห้งจนถึงขั้นเหี่ยวเลยค่ะ! ทั้งที่เราพึ่งอายุยี่สิบต้นๆเรียนจบมาหมาดๆแท้ๆ แต่พอเข้าไปที่ทำงานวันแรกกลับโดนรุ่นพี่ยกมือไหว้ซะงั้นเพราะคิดว่าอายุมากกว่า ไหนจะปัญหายิบย่อยอย่างหน้าเป็นขุยเป็นแผ่น แต่งหน้าไม่ติด บลาๆอีก จนเรารู้สึกว่าเออนี่มันชักจะไม่ไหวแล้วนะ หน้าแห้งๆแบบนี้คงอยู่ร่วมโลกกับเราไม่ได้แล้ว บวกกับอีกไม่นานจะเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ถ้าหน้าหนาวหน้าเราแห้งหนักกว่าเดิมแน่นอน ต้องรีบหาอะไรมาป้องกันไว้ด่วน
ความจริงก่อนหน้านี้เราก็ใช้สารพัดสกินแคร์กับใบหน้ามาพอสมควรนะคะ แต่ด้วยทุนทรัพย์ในฐานะนักเรียนศึกษาที่ยังต้องขอตังค์พ่อแม่กินเลยไม่กล้าซื้ออะไรมาก ซื้อแพงก็กลัวโดนพ่อแม่ด่าว่าไร้สาระ ก็เลยรักษาเยียวยาใบหน้าตัวเองไปตามมีตามเกิด แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ยังแห้งเหมือนเดิมอยู่ดี พอเราได้เริ่มต้นชีวิตทำงาน ก็มีโอกาสพบเจอผู้คนมากขึ้น ก็ได้เพื่อนจากที่ทำงานนี่แหละแนะนำว่าให้ลองใช้ครีมรกแกะดู มันเหมาะกับคนผิวแห้งๆแบบน้องนะ บำรุงหน้าได้ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ บลาๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ซื้อเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นการลองผิดลองถูกของตัวเองครั้งแรกแบบไม่ปรึกษาใครเล้ยยยยย
ด้วยการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างงูๆ ปลาๆ ก็พบว่ารกแกะจากออสเตรเลียเนี่ยดีที่สุดแล้ว นี่ก็เลยจัดไปเลยจ้าาาา กวาดเอาครีมรกแกะเฉพาะที่มาจากออสซี่เท่านั้น แต่พอใช้ไปจริงๆ แล้วเราจึงได้พบว่าครีมรกแกะไม่ใชว่าจะเหมือนกันทุกอันนะ มันมีดีเทลความต่างค่อนข้างเยอะพอสมควร บางอันก็เหมาะกับหน้าเราบางอันก็ไม่เหมาะเลย แต่กว่าจะรู้ตัวก็เสียเงินไปแล้ว จะถอยหลังก็ไม่ได้ ด้วยความไม่อยากให้เสียดายของอ่ะเนอะ เลยจับไอ้ที่ใช้เนี่ยมารีวิวซะเลย 555 มาดูกันเลยดีกว่าว่าครีมรกแกะตัวไหนจะปังที่สุดสำหรับเรา
ความจริงก่อนหน้านี้เราก็ใช้สารพัดสกินแคร์กับใบหน้ามาพอสมควรนะคะ แต่ด้วยทุนทรัพย์ในฐานะนักเรียนศึกษาที่ยังต้องขอตังค์พ่อแม่กินเลยไม่กล้าซื้ออะไรมาก ซื้อแพงก็กลัวโดนพ่อแม่ด่าว่าไร้สาระ ก็เลยรักษาเยียวยาใบหน้าตัวเองไปตามมีตามเกิด แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ยังแห้งเหมือนเดิมอยู่ดี พอเราได้เริ่มต้นชีวิตทำงาน ก็มีโอกาสพบเจอผู้คนมากขึ้น ก็ได้เพื่อนจากที่ทำงานนี่แหละแนะนำว่าให้ลองใช้ครีมรกแกะดู มันเหมาะกับคนผิวแห้งๆแบบน้องนะ บำรุงหน้าได้ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ บลาๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ซื้อเลยค่ะ เป็นการเริ่มต้นการลองผิดลองถูกของตัวเองครั้งแรกแบบไม่ปรึกษาใครเล้ยยยยย
ด้วยการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างงูๆ ปลาๆ ก็พบว่ารกแกะจากออสเตรเลียเนี่ยดีที่สุดแล้ว นี่ก็เลยจัดไปเลยจ้าาาา กวาดเอาครีมรกแกะเฉพาะที่มาจากออสซี่เท่านั้น แต่พอใช้ไปจริงๆ แล้วเราจึงได้พบว่าครีมรกแกะไม่ใชว่าจะเหมือนกันทุกอันนะ มันมีดีเทลความต่างค่อนข้างเยอะพอสมควร บางอันก็เหมาะกับหน้าเราบางอันก็ไม่เหมาะเลย แต่กว่าจะรู้ตัวก็เสียเงินไปแล้ว จะถอยหลังก็ไม่ได้ ด้วยความไม่อยากให้เสียดายของอ่ะเนอะ เลยจับไอ้ที่ใช้เนี่ยมารีวิวซะเลย 555 มาดูกันเลยดีกว่าว่าครีมรกแกะตัวไหนจะปังที่สุดสำหรับเรา
1.Rebirth Placenta Anti-Wrinkle Cream (350บาท)
มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันเลยค่า ตัวนี้ใครหลายคนคงจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ส่งตรงจากยี่ห้อรีเบิร์ทที่เขาบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านครีมรกแกะอันดับ 1 ของออสเตรเลียเชียวนะ จากที่อ่านคำโฆษณามาเขาบอกว่าครีมรกแกะตัวนี้เป็นครีมรกแกะสกัดบริสุทธิ์ผสมวิตามินอี มีทั้งสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุกว่า50ชนิด เป็นครีมที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้มีผิวแห้งกร้าน(เช่นเราเป็นต้น) คุณสมบัติก็คือช่วยลดเลือนริ้วรอยหมองคล้ำ ชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้หน้าอ่อนเยาว์ลง และให้ความชุ่มชื้นต่อผิว เป็นครีมทาตอนกลางวันที่สามารถทาได้ทั้งใบหน้าและลำคอเลยค่ะ
เนื้อสัมผัส: ตัวเนื้อครีมออกสีครีมๆ เนื้อค่อนข้างหนัก ข้นจนไปทางหนืดๆ พอทาไปบนผิวแล้วมันวาวๆเหมือนครีมเคลือบผิวเอาไว้ กลิ่นก็หอมดีค่ะ หอมแบบสบู่ แต่เป็นกลิ่นแบบที่รู้ว่าใส่น้ำหอมมา บางคนอาจชอบบางคนก็อาจไม่ชอบ ข้อดี: ความเข้มข้นของครีมทำให้หน้าชุ่มชื้นมาก รู้สึกว่าหน้านุ่มๆชุ่มชื้นขึ้นเด้งขึ้นไม่แห้งไม่ลอกเลย เหมาะเป็นครีมที่เอาไว้ทาตอนฤดูหนาวหรือเวลานั่งในห้องแอร์มากๆ ข้อเสีย: แพคเกจจิ้งดูภายนอกไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไร เนื้อครีมข้นทำให้หน้ารู้สึกเหนียวๆไปหน่อย ไม่เหมาะเอาไว้ทาก่อนแต่งหน้าเลยค่ะ แม้ว่าตัวยี่ห้อจะบอกว่าเหมาะทาตอนกลางวัน แต่เราคิดว่าครีมนี้ควรทาตอนกลางคืนจะดีกว่าเพราะเนื้อครีมมันและข้นเกินไปนี่แหละ ความรู้สึกหลังใช้: เนื่องจากมันเป็นครีมที่ข้นมาก เราเลยไม่ค่อยประทับใจความหนืดของตัวนี้เท่าไรค่ะ และสำหรับเรารู้สึกว่าตัวนี้มันไม่ได้ช่วยเรื่องลดริ้วรอยเท่าไรเลย เหมือนทาครีมธรรมดามมากกว่าครีมรกแกะ แต่ราคาไม่แรงเลย และยังช่วยเรื่องความชุ่นชื้นได้โอเค เราเลยเก็บเอาไว้ทาเฉพาะเวลาที่ผิวแห้งมากๆแห้งจัดๆตอนหน้าหนาวประมาณนี้ ให้ผิวมันชื้นๆ
คะแนน:3/5คะแนนแล้วกันค่ะเพราะถูก 5555
คะแนน:3/5คะแนนแล้วกันค่ะเพราะถูก 5555
2.Lavender Placenta Cream (850บาท)
เป็นครีมรกแกะอีกยี่ห้อหนึ่งที่คนมักจะพูดถึงกัน(ที่เลือกซื้ออันนี้มาเพราะอ่านรีวิวคนอื่นมาอีกทีนี่แหละ) ส่วนโฆษณาของเขาก็คือครีมรกแกะตัวนี้มีส่วนผสมของคอลลาเจนและวิตามินอี เป็นครีมที่สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวค่ะ มีคุณสมบัติช่วยบำรุง ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้กระชับ ขาวใส ลดเลือนรอยหมองคล้ำรอยดำรอยสิวต่างๆ เพิ่มความชุ่มชื้น แล้วยังช่วยให้หน้ากระชับเต่งตึงและดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย เป็นครีมที่สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ทาได้ทั้งหน้าและผิวกายเลยจ้า
เนื้อสัมผัส: เนื้อครีมสีขาวเนียนและเข้มข้มค่ะ แต่ให้ความรู้สึกเบาๆไม่หนักเท่าไร กลิ่นหอมในระดับหนึ่ง ส่วนตัวเราชอบกลิ่นนะคะ ข้อดี: ชอบกลิ่นค่ะ 5555 ตัวแพคเกจก็มินิมอลน่ารักมาก นอกจากนี้เนื้อครีมยังเบาบาง ไม่หนักเลย ไม่ได้เหนียวเหมือนตัวแรกที่ใช้ ข้อเสีย: ครีมเนื้อเบาก็จริง แต่ครีมตัวนี้กลับทิ้งความมันไว้บนผิวค่ะ แบบมันๆวาวๆมาเลย เพราะว่าตัวนี้มันผสมน้ำมันปิโตเลียมเอาไว้(ยี่ห้อบอกว่าเป็นแผ่นฟิลม์บางๆเคลือบผิวไม่ให้ความชุ่นชื้นหายไป) แน่นอนว่าเราไม่ชอบเอาซะเลย เวลาใช้ทีต้องคอยซับไอ้ที่มันๆให้ออกจากผิว ยุ่งยากมาก ไม่เหมาะจะใช้เวลารีบๆเลยค่ะ แล้วไอ้สารตัวนี้มันยังทำให้ผิวอุดตันด้วย ไม่โออย่างแรงสำหรับเรา ความรู้สึกหลังใช้: รักความเข้มข้นแต่เบาๆ กลิ่นก็ชอบแพคเกจก็โอเค แต่ไอ้ความมันวาวเหนอะหนะที่ทิ้งไว้บนใบหน้าจนสามารถเอาไปทอดไข่ได้นั้นทำให้เราไม่ปลื้มอย่างแรง แม้มันจะช่วยเรื่องความแห้งบนใบหน้าได้ก็ตาม(แน่ล่ะก็หน้ามันแผลบขนาดนั้น) เหมือนมันไม่ซึมเข้าผิวเลย แค่เคลือบไว้เฉยๆ แอบเสียดายตังค์นิดๆ
คะแนน: 3/5คะแนน
คะแนน: 3/5คะแนน
3.Joliena Plus Moisturizing Placenta Cream (1290บาท)
หรูหราพารากอนกันเลยทีเดียวสำหรับครีมโจลิน่า(หรือจะเรียกสั้นๆว่าครีมเอมี่) จัดเป็นครีมรกแกะมาแรงที่นำเข้าตรงมาจากออสเตรเลียอีกตัวเช่นกัน ตัวนี้ค่อนข้างจะไฮโซกว่าตัวอื่นนิดหนึ่ง เหมาะสำหรับสาวๆรุ่นใหม่ที่มีปัญหาผิวแห้งและมีริ้วรอย โดยมีส่วนผสมจากธรรมชาติถึง7อย่าง ทั้งรกแกะ น้ำแตงกวา ผงไข่มุก สารต้านอนุมูลอิสระ เมล็ดองุ่น น้ำมันขนแกะ และก็วิตามินอี ซึ่งทางยี่ห้อได้โฆษณาไว้ว่าตัวครีมนั้นมีโมเลกุลเล็กกว่าผิวหนังของคนเรา ทำให้ซึมเข้าถึงในชั้นผิวหนังได้ง่าย ช่วยคืนความอ่อนเยาว์บนใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ แล้วยังมีมอยเจอไรเซอร์ช่วยบำรุง นอกจากนี้ยังอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายด้วยนะ
เนื้อสัมผัส: ตัวเนื้อครีมเป็นครีมเจลสีเขียวอ่อนๆ กลิ่นหอมอ่อนๆไม่แรงไม่ฉุน ครีมเนื้อไม่หนักเลยค่ะ ไม่เข้มไม่หนืดเหมือนยี่ห้ออื่นที่ใช้ เบาบางมาก
ข้อดี: เนื้อครีมเบามากๆๆๆ แบบทาปุ๊ปซึมปั๊ปไม่ทิ้งความมันความเหนียวเอาไว้เลย ซึมไวสมกับที่เคลมเอาไว้จริงๆ แอบแปลกใจเพราะปกติครีมรกแกะที่เคยใช้มันมักจะข้นๆไม่ก็ซึมยาก แต่ไม่ใช่กับยี่ห้อนี้เลยค่ะ นอกจากซึมไวแล้วหลังทายังรู้สึกได้ทันทีเลยว่าหน้าเรามันนุ่มขึ้นทันตาเห็น
ข้อเสีย: จริงๆตัวยี่ห้อครีมนี้เคลมว่าเหมาะกับผู้หญิงอายุ20-30 แต่เราว่าแพคเกจมันดูหรูแบบเชยๆไปหน่อย ดูตอนแรกไม่คิดว่าเป็นครีมรกแกะ คิดว่าครีมแตงกวาเพราะมันเขียวไปหมด 5555 ถ้าดูภายนอกแล้วไม่เหมาะกับสาวๆวัยเราเท่าไร คือสาวๆส่วนใหญ่ก็ชอบอะไรที่มันน่ารักจุ๊บจิ๊บอะเนอะ
ความรู้สึกหลังใช้: เพราะด้วยความที่ครีมมันมีโมเลกุลเล็กซึมไว พอทาแล้วมันเลยรู้สึกถึงผลลัพธ์ได้ทันทีเลยว่าหน้าเรามันนุ่มชุ่มชื้นอิ่มน้ำขึ้น ใช้ต่อไปสักอาทิตย์ก็รู้เลยว่าผิวหน้าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ไม่แห้งผาก หน้าไม่คันไม่ลอก แต่งหน้าก็ติดทนขึ้น พวกริ้วรอยความเหี่ยวที่เคยมีก็จางหายลงไปเยอะ(ปลื้มตรงนี้เพราะเรามีปัญหาเรื่องริ้วรอยอยู่แล้ว) ผิวหน้าขาวขึ้น กระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำจางลง อีกอย่างที่ชอบคือความอ่อนโยนค่ะ ใช้ทาตรงไหนก็ได้ไม่ระคายเคืองเลย ส่วนตัวเราชอบเอามาใช้ทารอบๆดวงตาด้วย ลดพวกรอยคล้ำกับริ้วรอยใต้ตาได้ กลายเป็นครีมที่เราจะต้องใช้ตลอดขาดไม่ได้ไปแล้ว
คะแนน: 4.5/5คะแนน
คะแนน: 4.5/5คะแนน
4.Catherine Placenta Cream With Collagen & Vitamin E (600บาท)
ตัวนี้ก็ไฮโซไม่แพ้กันสำหรับครีมรกแกะแคทเธอรีน แน่นอนว่าจุดเด่นที่ถูกนำเสนอของครีมตัวนี้คือความหน้าใสหน้าเด้งอ่อนเยาว์กว่าวัย แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างจากตัวอื่นก็คือโฆษณาที่ทางแบรนด์บอกไว้ว่าครีมรกแกะของเขาอ่อนโยนมากๆเพราะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ สามารถใช้ได้ทั้ง Day Cream,Night Cream และ Eye Cream รวมไปถึงเอามาทาตัวก็ได้หมดในกระปุกเดียวเท่านั้น! แล้วยังเหมาะกับทุกสภาพผิว แม้แต่คนผิวมันหรือผิวแพ้ง่ายก็ใช้ของเขาได้นะ โอ้โห้เรียกได้ว่าครบเครื่องเว่อ ถ้าเปรียบเป็นผู้ชายก็คงเป็นผู้ชายประเภทหล่อรวยแถมยังโสดอีกต่างหาก ซึ่งคุณสมบัติของมันช่างเชิญชวนให้ซื้อมาใช้ซะเหลือเกิน คนรักสวยรักงามอย่างเราจะไม่ซื้อมาลองได้ไง
เนื้อสัมผัส: เป็นเนื้อครีมเจลสีขาวค่ะ เหมือนจะบางเบาแต่ก็สัมผัสหนักอยู่นะ หลังทาจะรู้สึกหนึบๆเหนียวๆนิดหน่อย แต่ซึมเร็วเลยไม่เหนียวนานนัก ข้อดี: เราว่าข้อดีที่เด่นมากๆของยี่ห้อนี้คือกลิ่นเลยค่ะ กลิ่นหอมแบบที่ชอบเลยค่ะ เป็นกลิ่นที่ไม่ฉุน หอมละมุนแบบแป้งเด็ก เรียกว่าลืมลาเวนเดอร์ไปเลยอ่ะ 555 ตัวเนื้อครีมก็ซึมซาบได้โอเคเลยค่ะไม่ทิ้งความมันความเหนียวค้างไว้บนผิวนาน อีกอย่างคือยี่ห้อนี้ใส่รกแกะมาให้เยอะมากๆ คุ้มค่าราคาสุดๆ ข้อเสีย: ความหนึบและเหนียวตอนทาค่ะ ให้ความรู้สึกหยึยๆยังไงไม่รู้ตอนทาบนผิว อีกอย่างคือความมันไม่ค้างบนผิวแต่ค้างบนมือแทน ทาทีไรรู้สึกมือมันทุกที 555 ความรู้สึกหลังใช้:ใช้แล้วผิวนุ่มขึ้นค่ะ หน้าเต่งตึงเด้งดีเว่อ ตัวครีมซึมไวในระดับหนึ่ง(แต่ไม่เท่าโจลิน่า) กลิ่นก็หอมน่าประทับใจมาก แต่ไม่ชอบสัมผัสเวลาทาบนผิว+ทาแล้วมือมันมากๆ (อาจเพราะว่าใส่รกแกะเยอะด้วยมั้งเลยมันๆหน่อย) ครีมตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนสูงอายุมากกว่า แต่เทียบข้อดีข้อเสียแล้วเราก็ยังชอบครีมตัวนี้อยู่นะ
คะแนน: 4/5คะแนน
คะแนน: 4/5คะแนน
5.Careline Placenta Cream With Collagen & Vitamin E (290บาท)
เป็นอีกหนึ่งครีมรกแกะยอดฮิตที่คนพูดถึงในอินเทอร์เน็ตเยอะอยู่เหมือนกัน สารภาพเลยว่าตอนแรกแยกไม่ออกด้วยว่าCarelineกับCatherineมันต่างกันยังไง เพราะมันคล้ายกันตั้งแต่ชื่อ ส่วนผสม ยันตัวแพคเกจจิ้ง(ต่างกันแค่สีกับฟ้อนและก็ราคาเท่านั้น) คุณสมบัติเลยไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ก็ช่วยในเรื่องความอ่อนเยาว์ ปรับสภาพ+ฟื้นฟูผิวหน้าให้สดใสเรียบเนียนไร้ริ้วรอย ก็ต้องลองแล้วล่ะว่าดีจริงอย่างที่เคลมมั้ย
เนื้อสัมผัส:ข้นมากกกกก น่าจะข้นที่สุดในบรรดาครีมรกแกะที่เคยใช้มา ทั้งข้นทั้งมันสุดๆ ใช้ทีนี่เหนียวเหนอะไปหมด ซึ่งแน่นอนว่าข้นๆแบบนี้ต้องซึมช้าแน่นอน โชคดีที่เราหน้าแห้งเลยพอจะใช้ได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ตอนเช้าๆนะคะ ไม่งั้นได้หน้ามันแผลบออกจากบ้านแน่ๆ 555 ข้อดี:ราคาถูกค่ะ และกลิ่นก็หอมถูกใจด้วย เราว่ากลิ่นมันคล้ายกับCatherineเลย กลิ่นมันออกแป้งเด็กเหมือนกัน(ซึ่งเราชอบมาก เพราะส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นหอมแบบครีมๆเท่าไร มันฉุนสำหรับเรา) ข้อเสีย:ความเข้มข้นของเนื้อครีมนี่แหละ ใช้แล้วทั้งมันและเหนียวเหนอะไปหมด แถมยังซึมช้าด้วย ทาแล้วรู้สึกไม่สบายหน้าเลย ความรู้สึกหลังใช้:ใช้ตัวนี้แล้วหนักหน้ามากค่ะ แถมยังสิวขึ้นอีกต่างหากT^T ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ชอบคือกลิ่นนี่แหละค่ะ นอกนั้นไม่ผ่านสำหรับเรา
คะแนน:2/5คะแนน ให้1คะแนนสำหรับราคา และอีก1สำหรับกลิ่นค่ะ
คะแนน:2/5คะแนน ให้1คะแนนสำหรับราคา และอีก1สำหรับกลิ่นค่ะ
หลังจากทดลองใช้มาทั้ง5ตัวแล้ว ได้เวลาจับแกะทั้งหลายมาชนกันตัวตัวไปเลยดีกว่าว่าอันไหนมีข้อดีตรงไหนกันบ้าง
ให้ความชุ่มชื้น: Joliena,Catherine,Lavender,Careline,Rebirth
ลดเลือนริ้วรอย: Joliena,Catherine,Careline,Lavender,Rebirth
แพคเกจจิ้ง: Lavender,Catherine,Joliena,Rebirth,Careline
ยกกระชับผิว: Joliena,Catherine,Careline,Rebirth,Lavender
อ่อนโยนไม่ระคายเคือง: Joliena,Catherine,Careline,Lavender,Rebirth
กลิ่นหอม: Catherine,Careline,Joliena,Lavender,Rebirth
ความเข้มข้น: Catherine,Careline,Joliena,Rebirth,Lavender
ซึมซาบไว: Joliena,Catherine,Lavender,Rebirth,Careline
ลดเลือนริ้วรอย: Joliena,Catherine,Careline,Lavender,Rebirth
แพคเกจจิ้ง: Lavender,Catherine,Joliena,Rebirth,Careline
ยกกระชับผิว: Joliena,Catherine,Careline,Rebirth,Lavender
อ่อนโยนไม่ระคายเคือง: Joliena,Catherine,Careline,Lavender,Rebirth
กลิ่นหอม: Catherine,Careline,Joliena,Lavender,Rebirth
ความเข้มข้น: Catherine,Careline,Joliena,Rebirth,Lavender
ซึมซาบไว: Joliena,Catherine,Lavender,Rebirth,Careline
ก็จบไปแล้วนะคะสำหรับรีวิวจับแกะชนแกะของเรา ถ้าให้เรียงลำดับความชอบแบบสรุปเลย แน่นอนว่าอันดับ1คือ Joliena Plus Moisturizing Placenta Cream ส่วนอันดับต่อมาก็คือ Catherine Placenta Cream With Collagen & Vitamin E,Lavender,Rebirth และอันดับสุดท้ายก็คือ Careline Placenta Cream With Collagen & Vitamin E นี่แหละค่ะ แต่อย่างที่บอกนะคะว่าเป็นการรีวิวจากผิวของเรา ความรู้สึกของเรา ยังไงทางที่ดีที่สุดคือ ลองด้วยตัวเองค่ะ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกันแน่นอน
ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามกระทู้นี้ถึงจนจบด้วยน้า หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเลือกหาซื้อครีมรกแกะกันนะคะ