เปิดกรุ Skincare 2018 ตัวไหนร่วง ตัวไหนเริ่ด #เครื่องสำอาง2018

สวัสดีค่าสาวๆ วันนี้จะมาเปิดกรุสกินแคร์ทั้งหมดที่ใช้ในปีที่ผ่านมา ตัวไหนจะมงลงได้ไปต่อในปีหน้า ตัวไหนจะร่วง ไปดูกันเลยค่า

เริ่มกันที่หมวด Cleansing Oil ส่วนใหญ่จะใช้ออยล์ล้างในวันที่แต่งหน้าหนักมากๆ เพราะล้างเครื่องสำอางออกได้ค่อนข้างเร็ว

• Three Cleansing Oil : ตัวนี้ถือเป็นที่สุดของ Cleansing Oil ที่เคยใช้มาเลย กลิ่นหอมผ่อนคลาย เนื้อไม่หนัก ไม่อุดตันผิว ล้างเครื่องสำอางได้สะอาดหมดจด ล้างออกแล้วไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลย ใช้ต่อแน่นอนค่ะ

• DHC Deep Cleansing Oil: เนื้อค่อนข้างหนักกว่า Three  ละลายเครื่องสำอางได้ดี แต่ล้างออกแล้วรู้สึกว่าทิ้งความมันไว้บนผิวเล็กน้อย กลิ่นก็เป็นกลิ่นออยล์ปกติเลย ซื้อมาเพราะแพกเกจล้วนๆ ถ้าหมดขวดนี้ คงไม่ซื้อต่อแล้ว เพราะชอบ Three มากกว่าค่ะ

หมวดนี้จะรวมๆ Makeup Remover เนื้อต่างๆไว้ด้วยกันค่ะ

• Corine de Farme Micellar Refreshing Gel: ตัวนี้เป็นเนื้อเจล ตอนทาลงไปรู้สึกเย็นๆผิวดี แต่ไม่ค่อยประทับใจในประสิทธิภาพในการทำความสะอาด คือต้องวนเจลบนหน้าค่อนข้างนาน กว่าจะเครื่องสำอางจะละลายออกมา ใช้แล้วรู้สึกไม่สะอาด เช็ดเครื่องสำอางได้ไม่เกลี้ยง สรุปก็เลยขอเทค่ะ ไม่ใช้ต่อแล้ว

• Bioderma Sensibio H2O: สำหรับ Bioderma ไม่ต้องพูดเยอะ สูตรนี้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เช็ดได้สะอาดมาก ใช้ต่อแน่นอน!
  
  

• Mizumi Smooth Cleansing Water: ชอบมาก เพราะลดแรงเสียดสีของสำลีได้ดี ทำให้เวลาเช็ดลงบนหน้ารู้สึกนุ่มลื่น เช็ดเครื่องสำอางออกได้หมดจด ไม่อุดตัน และปริมาณคุ้มมาก ราคาไม่แพง มีโปร 1 แถม 1 บ่อยๆ ตัวนี้ก็ได้ไปต่อค่ะ 

• Bontcare Double Protection Makeup Remover: ตัวนี้เป็นเนื้อน้ำนม จะใช้ในวันที่แต่งหน้าหนักๆ เพราะช่วยดีท็อกซ์ผิว ดึงสารโลหะหนักต่างๆจากเครื่องสำอางที่อยู่บนผิว และช่วยล้างฝุ่นมลพิษในอากาศที่สัมผัสกับหน้าเรา ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดสิวและริ้วรอย ตัวนี้ละลายเครื่องสำอางได้ดี ไม่ระคายผิว ใช้แล้วรู้สึกผิวหน้านุ่มๆ หมดไปหลายขวดแล้ว และมีตุนไว้แล้วเรียบร้อย

        Cleansing Gel  2 ตัวนี้เป็นลูกรักทั้งคู่เลย จริงๆทั้งปีนี้ใช้แต่ Bontcare Double Protection Cleansing Gel มาตลอดทั้งตอนเช้าและเย็น เพราะล้างได้สะอาด ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเลย ช่วยล้างสิ่งตกค้างจากเครื่องสำอาง และฝุ่นได้ดี แถมยังช่วยปกป้องผิวจากฝุ่นที่จะต้องเจอทั้งวันด้วย เหมาะกับผิวที่เป็นสิวและแพ้ง่ายแบบเรามาก แต่ช่วงหลัง มีโอกาสได้ลอง Fyne Gentle Facial Cleansing Gel ก็ประทับใจมากเหมือนกัน เพราะล้างได้สะอาดเหมือนกัน ไม่มีสารอันตรายที่ทำให้แพ้ เนื้อเจลละเอียดมาก ชอบฟีลลิ่งตอนที่ล้าง มันรู้สึกนุ่มๆ ไม่ค่อยมีฟอง หลังล้างหน้า รู้สีกผิวชุ่มชื้นดี ชอบจนต้องใช้ Fyne ล้างตอนเช้าแทน ส่วนตอนเย็นใช้ Bontcare เหมือนเดิม

 

      รักพี่เสียดายน้องแบบนี้ ขอเก็บเธอไว้ทั้งสองคนละกันค่ะ 555

           หมวดโทนเนอร์ ช่วงครึ่งปีแรก โทนเนอร์ที่ใช้ประจำ คือ Etude House Soon Jung pH5.5 Relief Toner ใช้ดีมาก ไม่มีกลิ่นอะไรเลย เหมือนใช้น้ำเปล่าเช็ด แต่ทำให้สิวผดและผิวที่แดงๆลดลงแบบเห็นได้ชัด ไม่มีข้อเสียอะไร แต่หมดแล้วยังไม่ได้ซื้อต่อ เพราะอยากลองตัวอื่นบ้าง จนโค้งสุดท้าย ได้ซื้อ Acqua Alle Rose Tonico Rinfrescante มาลอง กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนๆ รู้สึกผ่อนคลายมาก เช็ดได้สะอาด รู้สึกสิวอุดตันลดลง ลดการอักเสบของผิวได้ดี ไม่ทำให้ผิวแห้ง ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย แต่ข้อเสียคือ ฝาขวดกว้างมาก ต้องค่อยๆเท ไม่งั้นหกกระจายจ้า นี่ก็เทหกไปเยอะ จนใกล้จะหมดแล้ว 5555 

        หมวดน้ำตบ ใช้สลับๆกันไป เพราะมีหลายตัว

• Biotherm Life Plankton Essence: ตัวนี้เป็นสูตรดั้งเดิม ใช้แล้วหน้าเหนียวมาก ซึมยาก บางวันก็รู้สึกว่าดี ตื่นมาผิวฟูๆ บางวันใช้แล้วรู้สึกว่าแพ้ ตื่นมาแล้วสิวอุดตันขึ้น แต่ก็ใช้จนใกล้จะหมดขวดแล้ว

• Biotherm Life Plankton Clear Essence: สูตรใหม่ เนื้อบางเบา ซึมง่ายกว่าสูตรเดิมมาก แต่ไม่ค่อยเห็นผลอะไรชัดเจน

• Origins Mega-Mushroom Relief & Resilience Treatment Lotion: ชื่อยาวมากกก แต่ดีมากกกเช่นกัน 5555 ตัวนี้ประทับใจมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ กลิ่นหอมสมุนไพร ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเวลาใช้ ส่วนประกอบปลอดภัยเป็นธรรมชาติ หลังใช้ครั้งแรก ผิวที่แดงๆลดลงมาก สิวที่เป็นผดๆก็ลดลง ตั้งแค่ใช้น้ำตบมา รู้สึกตัวนี้ใช้ถูกกับหน้าที่สุด มงต้องลงตัวนี้ ใช้ต่อแน่นอน!

• Innisfree Green Tea Seed Skin: ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นดี ไม่แพ้ แต่ไม่ได้เห็นผลอะไรชัดเจน ซึมค่อนข้างยาก ถ้าหมดคงไม่ใช้ต่อค่ะ

        สรุปในหมวดนี้ ที่ได้ไปต่อมีแค่ตัวเดียว คือ น้ำตบเห็ด Origins Mega-Mushroom Relief & Resilience Treatment Lotion ค่าา

        Serum เป็นหมวดที่ต้องใช้ต่อยกเซ็ทเลย เพราะแต่ละตัวมีดีไม่เหมือนกัน 

• Fyne BHA Clarifying Serum: ตัวนี้ขาดไม่ได้เลย ตั้งแต่ใช้มา สิวอุดตันลดลงมาก เวลาสิวขึ้นก็แห้งเร็วมาก ไม่ทิ้งรอยไว้ และยังทำให้รอยแดงจางลงอีกด้วย ปกติเราเป็นคนผิวอุดตันง่ายมาก ไม่ได้แต่งหน้าทุกวัน เช็ดหน้าสะอาดมาก แต่สิวอุดตันก็ยังขึ้นบ้าง แต่ตัวนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวไม่อุดตันง่ายเหมือนที่ผ่านมา สิวอุดตันที่มีอยู่ค่อยๆแห้งและหลุดไปเอง แถมรู้สึกว่ารูขุมขนกระชับขึ้นนิดนึง ผิวใสขึ้น ตัวนี้จะลงเป็นตัวแรกเลยหลังใช้โทนเนอร์ เพราะซึมง่ายมาก ใช้แค่ครั้งละ 2-3 หยดเพราะมันเข้มข้นมากจริงๆ

• Innisfree Green Tea Seed Serum: ใช้แล้วผิวชุ่มชื้นดีมาก จะใช้ตอนเช้า เพราะซึมลงผิวง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน

• Estee Lauder Advanced Night Repair: วันไหนนอนดึก ปาร์ตี้หนัก แต่งหน้าหนัก คืนนั้นใช้ไปเลยค่ะ ตื่นมาผิวฟูเหมือนนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ แต่ถ้าใช้ทุกวันต่อเนื่องปกติ จะรู้สึกเฉยๆ ก็เลยเก็บไว้วันที่ต้องการฟื้นฟูผิวหนักๆ จะเห็นผลได้ดีกว่า

• Shiseido Ultimune Power Infusing Concentrate: ตัวนี้ใช้ตอนกลางคืน ซึมได้ดี ให้ความชุ่มชื้นดี ไม่อุดตันผิว รู้สึกใช้แล้วผิวแข็งแรงขึ้น  ผิวนุ่มขึ้น

             Etude House Soon Jung 10-Free Moist Emulsion เป็นตัวเดียวที่ใช้ เพราะซื้อคู่มากับ Etude House Soon Jung pH 5.5 Relief Toner ตัวนี้ทาบ้างไม่ทาบ้าง เพราะลืมใช้ ก็เลยเห็นได้ว่าใช้ หรือไม่ใช้ ก็ไม่ต่างกัน สรุปถ้าหมด ก็คงไม่ซื้อต่อแล้วค่า

      หมวด Moisturizer ปกติจะไม่ใช้ Moisturizer ที่เป็นเนื้อครีมหนักๆ เพราะเสี่ยงต่อการอุดตันผิว ทั้ง 3 ตัว จะเป็นเนื้อเจลที่ซึมง่ายหมดเลย

• Kiehl's Ultra Facial Oil-Free Gel Cream: ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นดีมาก ทาแล้วไม่ทิ้งความมันไว้เลย ไม่แพ้ ไม่อุดตัน ทาก่อนแต่งหน้าได้ ไม่ทำให้เครื่องสำอางเป็นคราบ เพราะเกลี่ยง่าย ซึมไว ข้อเสียอย่างเดียว คือแพง ถ้าเทียบกับปริมาณสำหรับ Moisturizer ที่ให้แค่ความชุ่มชื้นอย่างเดียว

• Beauty Cottage Green Pea Concentrated Aqua Hydrating Day & Night: ตัวนี้เคยใช้้ต่อเนื่องเมื่อหลายปีมาแล้ว หลังจากหันไปลองใช้ตัวอื่นๆ ก็ต้องกลับมาใช้อีก เพราะผลลัพธ์ใกล้เคียงกับ Kiehl's ตัวด้านบนมากในเรื่องของความชุ่มชื้น ซึมไว ทาแล้วรู้สึกเย็นผิว ผ่อนคลายดี มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เลยไม่แน่ใจว่ามีส่วนผสมของน้ำหอมมั้ย แต่เราใช้ได้ ไม่แพ้อะไร ที่สำคัญตัวนี้ราคาถูกกว่า Kiehl's เยอะมากกก เลยคิดว่าจะใช้ไปต่อเนื่อง

• HATOMUGI Skin Conditioning Gel: เป็นเนื้อเจลเหมือนทุกตัว ทาแล้วเย็นสบายผิวดี เหมือนจะซึมไว แต่พอซึมแล้วทิ้งความมันไว้บนผิว ก็เลยไม่ชอบเลย กระปุกใหญ่มาก คิดว่าจะเก็บไว้ใช้ทาตัวแทน 

       Eye Cream จะใช้แค่ตอนกลางคืน เพราะทาตอนกลางวันแล้วรู้สึกเป็นคราบ ทุกตัวยังไม่เห็นผลเรื่องริ้วรอยใหญ่ๆ เพราะยังไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ แต่ที่เป็นปัญหาหลัก คือ รอยคล้ำใต้ตาเนื่องจากภูมิแพ้

• Estee Lauder Advanced Night Repair Eye: ตัวนี้ใช้แล้ว ตื่นมาริ้วรอยเล็กๆใต้ตาตื้นขึ้น แต่รอยดำไม่หาย

• Meishoku Placenta Whitening Eye Cream: หวังไว้มากว่าจะทำให้รอยคล้ำหายไป เพราะชื่อก็บอกเลยว่าเป็น Whitening แต่ใช้แล้วรอยคล้ำไม่จางเลย แถมใช้แล้ว ตื่นมาใต้ตารู้สึกบวมตุ่ยๆแปลกๆ ก็เลยไม่ได้ใช้อีกเลย

• Himalaya Under Eye Cream: ตัวนี้เป็นม้ามืดมาก ลองซื้อมาใช้จากรุ่นพี่ที่รู้จักเพราะเห็นว่าถูกดี ปรากฎว่าให้ผลลัพธ์เรื่องลดรอยคล้ำใต้ตาได้ดีมาก ประทับใจที่สุด ตัวนี้ให้ไปต่อแน่นอน หลอดนึงใช้ได้นานมาก และราคาถูกสุดๆด้วย

       Sleeping Mask ตัวเดียวที่ใช้มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มหาลัย คือ Laneige Water Sleeping Mask ใช้หมดไปกี่กระปุกแล้วนับไม่ถ้วนจริงๆ และยังคงจะใช้ต่อไป ถ้ายังหาตัวแทนไม่ได้ ทาแล้วเย็นสบายผิวมาก ยิ่งเอาไปแช่ตู้เย็นแล้วมาทา จะเย็นสุดๆ ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น ตื่นมาผิวฟูเนียน ใช้กลางคืนก่อนวันที่ต้องแต่งหน้าหนักๆ จะทำให้แต่งหน้าติดทนได้ดีขึ้น เพราะผิวชุ่มชื้นมาก

  หมวด Lip Care

•  Lucas' Papaw Ointment: หลอดนึงใช้ได้นานมาก เพราะใช้ครั้งละนิดเดียวก็ทาทั่วทั้งปากแล้ว จะทาทิ้งไว้ตอนแต่งหน้าก่อนทาลิป จะทำให้ทาลิปได้ง่ายขึ้น

• Laneige Lip Sleeping Mask: ตัวนี้ใช้โบกไปเลยหนาๆก่อนนอน ตื่นมาปากเนียนนุ่มเลย ใช้เป็นกระปุกที่ 2 แล้ว อีกนานกว่าจะหมด แต่ใช้ต่อเนื่องแน่นอน

• DHC Lip Cream: ตัวนี้ซื้อเพราะแพกเกจเลย ลาย Disney น่ารักมาก เลยซื้อมาหลายแท่ง แต่ไม่ได้สวยแต่รูป ตัวลิปก็ใช้ดีมาก ชุ่มชื้นดี พกไว้ใช้ระหว่างวันตลอด รู้สึกคิดถูกมากที่ซื้อมาเยอะ

ดูแลกันทั้งผิวหน้าและริมฝีปากแล้ว อีกอย่างที่ต้องดูแลกันคือ ขนตา ก็ต้องใช้ Serumบำรุงกันบ้าง ทั้ง 2 ตัวที่ใช้อยู่ ใช้ได้ดีทั้งคู่ ใช้แล้วรู้สึกขนตาหนาขึ้นนิดหน่อย ยาวขึ้น เห็นได้ชัดโดยเฉพาะขนตาล่าง ที่สำคัญรู้สึกว่าทำให้ขนตาแข็งแรงขึ้น ไม่ค่อยร่วง

          มาถึงหมวดสุดท้ายแล้ว ครีมกันแดด ที่ใช้ทุกวันปกติเลย คือ Bontcare Double Protection Sun Filter เป็นเนื้อครีมที่ไม่มันเลย ทาแล้วไม่เป็นคราบ แถมช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น กันแดดได้ดี และช่วยปกป้องมลภาวะ ที่สำคัญไม่อุดตันผิว ไ่ม่ทำใหเกิดสิว ส่วนอีกตัว 11 Village Factory Hydra Sun Fluid เพิ่งซื้อมาลองใช้ไม่นาน เพราะอ่านรีวิวจากใน Jeban นี่แหละ โดนป้ายยาไปซื้อมาลองตามทันที 5555 ตัวนี้เป็นเนื้อน้ำ แต่ไม่ได้เหลวจนเกินไป เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ และบางเบามาก ไม่มีสี ทาแล้วผิวชุ่มชื้นดี ถือว่าสอบผ่านค่าา

       และนี่ก็คือสกินแคร์ทั้งหมดที่ใช้ในปีนี้ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆที่กำลังเริ่มมองหาสกินแคร์ใหม่ๆมาใช้ในปีหน้ากันนะคะ อาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่เราใช้จริงและตั้งใจรีวิวทุกตัวค่ะ ถือเป็นการเปิดกรุครั้งแรกเลย ยังไงช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ^^