เปิดกรุเครื่องสำอาง & Skin Care ครั้งแรก !! #เครื่องสำอาง2018

30 1
สวัสดีค่ะสาวๆ ชาวจีบัน วันนี้เราจะมารีวิวเครื่องสำอาง และ skin care ที่ใช้อยู่เป็นประจำนะคะ ชิ้นไหนชอบ ชิ้นไหนเท มาดูกันเล้ยยยย
เริ่มกันที่ตัวแรก Biotherm Life Plankton Essence เจ้าตัวนี้คือฮอตฮิตติดลมบนมากก แต่... มันไม่โอเคกับหน้าเราเลยค่ะ TT ด้วยความที่เราผิวมัน มันก็เลยยิ่งทำให้หน้าเหนอะหนะ (แต่ก็พยายามใช้จนหมดด้วยความเสียดายเงิน555) พอใช้จนหมดก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก ก็เลยขอจบกันแค่นี้ค่าา 
ตัวที่สอง คือ Garnier Skin Active Soothing Facial Mist หรือสเปรย์ฉีดหน้านั่นเองง ตัวนี้น่าจะยังไม่มีขายในไทย แต่เราฝากซื้อจากอเมริกา ตัวสเปรย์เป็นกลิ่นกุหลาบเบาๆ ทางแบรนด์เคลมว่าใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และใช้ฉีดก่อนแต่งหน้าได้ด้วยย ใช้แล้วโอเคเลยทีเดียว ฉีดแล้วสดชื่น ทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้น  สำหรับตัวนี้ ให้ผ่านค่าา
ตัวต่อมาคือ Argan Oil 100% เป็นของฝากจาก Morocco เราใช้ทาหน้าตอนก่อนนอน ทำให้หน้าชุ่มชื่น ไม่เหนอะ ทาสักพักก็จะซึมเข้าผิวหน้า ไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น พอใช้ไปสักพักรู้สึกว่าผิวเนียนขึ้นด้วยนะเออ แต่กลิ่นจะออกธรรมชาติมาก ก็ต้องยอมล่ะเนอะ  ตัวนี้ก็ให้ผ่านจ้าา แต่ปัญหาคือถ้าหมดแล้วจะซื้อที่หนายยย TT 
สำหรับตัวนี้คงคุ้นตากันดี Hada Labo Gokujyun Premium Hydrating Lotion นั่นเองง เราสอยไซส์มินิจากเซเว่นมาลองใช้ เพราะอ่านเจอรีวิวว่าช่วยกู้หน้าโทรมๆได้ ปรากฏว่า มันจริงค่ะคุณผู้ชม วันไหนรู้สึกหน้าล้า เราก็โปะๆตัวนี้ก่อนนอน ตื่นมาก็หายโทรมไปเลยย แต่จะไม่ใช้ทุกวันนะ เพราะเนื้อค่อนข้างหนัก เดี๋ยวจะไปตีกับ argan oil 555 สรุปคือ ผ่านจ้าา
ตัวนี้ก็น่าจะคุ้นตากันดี สำหรับ Hada Labo Retinol Lifting and  Firming Lotion ขวดสีแดงแรงฤทธิ์ แต่... มันไม่เวิร์คสำหรับเราค่ะ มันเหนียวเหนอะหนะมาก เหมือนจะมีสิวอุดตันขึ้นด้วย ก็เลยหยุดใช้และวางกองไว้ที่เดิม สำหรับตัวนี้ ขอบายค่าาา
มาที่อายครีมกันบ้างดีกว่า ตัวนี้คือออ The Ordinary Caffeine Solution 5% ชื่อก็บอกแล้วว่ามีสารสกัดจากคาเฟอีน ซึ่งช่วยลดความบวมคล้ำ หลังจากลองใช้มาสักพัก มันก็สามารถช่วยได้จริงๆนะเออ เวลานอนดึกๆก็โปะตัวนี้บริเวณใต้ตา ทำให้ตาไม่บวม ไม่คล้ำขึ้น แต่เราขอบตาดำมาแต่เด็กแล้ว มันก็เลยไม่หายไปซะทีเดียว แต่รวมๆถือว่าผ่านจ้าาา 
มาดูฝั่งเครื่องสำอางกันบ้างงง เริ่มที่ตัวแรก รองพื้น Lancome Teint Idole Ultra Wear ตัวนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่ไหมคะ คือมันดียยย์ ทาแล้วหน้าผ่อง ควบคุมความมัน ติดทนตลอดทั้งวันจริงๆ แต่.. มันมีกลิ่นน้ำหอมนะคะ ถ้าใครแพ้น้ำหอมอาจจะต้องขอผ่านนะ อ้อ ข้อเสียอีกอย่างคือ ราคาแรงค่ะ TT นอกนั้นเลิศหมด ก็เลยได้ไปต่อจ้าา
มาดูฝั่ง drug store กันบ้าง สำหรับตัวนี้คือ Loreal True Match ตัวดังนั่นเอง เห็นไหมว่าใช้มาจนจะหมดขวดแล้ว แต่.. เราคงต้องห่างกันสักพักหลังจากหมดขวด ถามว่าดีไหม มันดีนะ ทาแล้วหน้าเนียนผ่อง ใสๆ แต่มันหลุดง่ายมากเลยยย อาจเพราะเราผิวมันด้วย ปกติเราจะใช้ทาตอนทำงานในห้องแอร์ ก็จะอยู่ได้เกือบทั้งวันนะ แต่ถ้าออกไปข้างนอกเจอแดดเจอลมเมื่อไหร่ก็ไปแล้วววว

เอาเป็นว่าถ้าหมดขวดนี้คงลองอย่างอื่นดูบ้างเนอะ
มากันที่ concealer บ้าง ตัวแรกคือ Nars ขาประจำของสาวๆหลายคน เราเพิ่งได้ลองใช้ตอนปีนี้เองหลังจากเล็งอยู่นาน เพราะราคาแรงอยู่ แต่หลังจากลองแล้ว รักเลยค่ะคุณขา มันดีจริงๆ!! เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงฮิต ทั้งปกปิดรอยสิว รอยคล้ำใต้ตา กริบมากก แต่เนื้ออาจจะแห้งนิดหน่อย ถือว่ารับได้เพราะไม่แตกระแหง ไม่แคร็ก เอาเป็นว่าผ่านนนน
ตัวต่อมา The Saem Tip Concealer ฝั่งเกาหลีก็มาจ้า ตัวนี้เคยมีคนเคลมว่าเป็นตัวตายตัวแทนของ Nars เลยนะเออ หลังจากลองใช้แล้ว มันดีจริงๆค่ะ ปกปิดกริบ ไม่แห้ง ไม่แคร็ก อาจจะยังไม่ทนเท่าน้อง Nars นะคะ แต่ด้วยราคาที่ต่างกันลิบลับแล้ว เราก็พอหยวนๆให้ได้ 555 ราคาของเจ้าตัวนี้อยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาท (เราซื้อจากร้านพรีออเดอร์) เอาเป็นว่าถ้าใครอยากลองก็ซื้อมาใช้ได้แบบไม่ต้องเสียดายเนอะ 
ตัวนี้คือออ Rimmel Wake Me Up Concealer จากฝั่งอังกฤษค่าา ตัวนี้ทางแบรนด์เคลมว่า Anti- Fatigue หรือช่วยต่อต้านความเหนื่อยล้าด้วยนะเออ สำหรับเราพอใช้กับใต้ตาแล้วรู้สึกว่ามันก็สว่างๆขึ้นนะ แต่ไม่ปกปิดเท่าไหร่ แถมเนื้อค่อนข้างเหลว เลยอาจจะทำให้ติดไม่ทน ก็เลยตั้งใจว่าจะใช้แบบขำๆ ถ้าหมดคงไม่ซื้อต่อแล้วจ้าา 
มาที่ดวงตากันบ้าง เริ่มกันที่ Maybelline the HyperCurl Volum' Express Waterproof มาสคาร่าตัวนี้ถือว่าเบสิคมากกก หลายๆคนคงมีไว้ติดบ้าน ซึ่งมันดีจริงๆค่ะ ขนตาเด้ง หนาขึ้น ไม่แพนด้า แถมราคาก็น่ารัก (ร้อยกว่าบาท) ไม่มีอะไรจะติ ก็ให้ไปต่อเลยยยย
นึกขึ้นได้ว่าลืมถ่ายตัวนี้ในรูปหมู่ แต่ขอแทรกหน่อยละกัน เจ้า Canmake Quick Lash Curler สี Transparent จริงๆตั้งใจจะซื้อสีดำ ตอนนั้นรีบเลยไม่ทันดูเลยหยิบผิด แต่พอลองใช้ก็รักเลย คือมันดีอะ เราใช้ปัดขนตาหลังจากดัดขนตาเสร็จ ขนตานี่เด้งขึ้นมาเลย บางวันแอบขี้เกียจก็ปัดแค่ตัวนี้ตัวเดียวจบ เด้งๆ .. แต่ถ้าปัดตามด้วย Maybelline ตัวบน ก็จะยิ่งเด้ง ยิ่งหนา ขนตายาวไปอีกจ้า สรุปคือ ผ่าน ผ่าน ผ่านนน
มาต่อที่ eyeliner กันบ้าง ตัวโปรดของเราตอนนี้ก็คือออ Eve Miracle Sharp Liner เราซื้อจากร้านเครื่องสำอางตรงหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขาแนะนำว่าตัวนี้ดีจริง ราคาแค่ 180 บาท ตอนแรกก็ไม่กล้าลอง แต่เห็นว่าผลิตที่เกาหลีด้วย ก็เลยเอามาลองดู พอลองใช้ก็ดีจริงๆค่ะ เส้นคมกริบ สีดำชัด ติดทนนานมากกกทั้งวัน เราใช้มาสองแท่งแล้ว ให้ผ่านไปเลยค่าาา
อีกชิ้นที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งตา (ลืมใส่ในรูปหมู่อีกแล้ว TT) นั่นก็คือออ Naked Palette ตัวดังนั่นเองจ้า ตัวนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก และเชื่อว่าสาวๆหลายคนต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้งแน่นอน เป็นอายแชโดว์ที่เราใช้ในวันรีบๆ ไม่ต้องคิดเยอะ ปาดๆทาๆไปก็สวยอะ หู้วว มันดีจริงๆค่า ใช้แต่งลุคไหนก็รอด!! แต่ว่า.. นางเลิกผลิตแล้วววว นี่คือข้อเสียข้อเดียวของนาง แต่พี่ให้ผ่านเด้อออ
นี่ก็เป็นอายแชโดว์พาเลทอีกอันที่เราชอบมากๆ สำหรับ Anastasia Beverly Hills รุ่น Soft Glam ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ สำหรับโทนสี เนื้อสี ความติดทน ให้ผ่านแบบ 100/10 ไปเลยอะ แต่งได้ทุกลุคอีกเช่นเคย อ้อ ส่วนตัวเราแอบเล็งพาเลทรุ่น Norvina ตัวใหม่ไว้ด้วยนะ ตัวนั้นก็สีสวยมากกก ได้ยินว่าปีหน้า Sephora จะเอาเข้ามาขายในไทยแล้ว เตรียมเก็บเงินรัวๆจ้าาา
มาที่หมวดปากกันบ้าง เราเป็นคนบ้าลิปมันมาก เวลาไปเที่ยวหรือไปทำงานต่างประเทศก็ชอบซื้อมาตุนๆ จริงๆมีมากกว่าสองอัน แต่ยังไม่ได้เปิดใช้ เลยรีวิวแค่สองตัวนี้ก่อนนะคะ

ตัวแรก Blistex Deep Renewal ตัวนี้ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่นขึ้น เนื้อนุ่ม ทาแล้วมีกลิ่นหอมๆ พกไปเมืองหนาวก็ช่วยให้ริมฝีปากไม่แห้ง ทาแล้วปากไม่ดำ ราคาประมาณร้อยกว่าบาท เราให้ผ่านนนจ้าา 
ตัวต่อมา Palmer's Cocoa Butter Formula กลิ่น Original ตัวนี้เราซื้อตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ ยังไม่เห็นในไทย พอเปิดมาจะมีกลิ่นหอมๆ คล้ายช็อกโกแลต น่ากินมาก แต่แต่แต่.. เราน่าจะแพ้ค่ะ หลังจากลองใช้ครั้งแรก รู้สึกแสบๆริมฝีปาก เลยเช็ดออก และลองใหม่อีกครั้งวันถัดมา ปรากฏว่ายังแสบเหมือนเดิม เลยต้องโบกมือลากันเพียงแค่นี้ TT
มีตา มีรองพื้นแล้ว จะขาดปากไปได้ยังไงเนอะ เริ่มกันที่ น้อง Nyx Lingerie เบอร์ 12 หรือสี Exotic นั่นเอง สีนี้คือสวยมากกก เป็นสีแดงที่เราชอบมากๆ ไม่สด ไม่แปร๊ด ออกแดงก่ำๆ ทาแล้วหน้าสว่างขึ้นมาทันที ความติดทนก็ถือว่าสมควร อาจต้องเติมระหว่างวัน แต่เราโอเคค่ะ ให้ผ่านนน
ตัวต่อมาก็ยังเป็นน้อง Nyx แต่เป็นสีโทนนู้ดอ่อนๆ เบอร์ 8 สี Bedtime Flirt ตัวนี้เหมาะกับเวลาแต่งตาเข้มๆ เพราะสีอ่อนมาก ออกชมพูๆนู้ดๆ แต่เราใช้แล้วเหมือนคนป่วยมากกว่า 5555 ถามว่าสีสวยไหม สวยยย แต่มันไม่เหมาะกับเราอะเนอะ ก็เลยต้องบ๊ายบายยย
ตัวถัดมาเป็นลิปของ Colourpop จำชื่อรุ่นไม่ได้เพราะถลอกหมดแล้ว 555 แต่จำได้ว่าเป็นรุ่น Matte สี So Low เป็นสีชมพูแบบชมพูนมหวานๆเลยยย ซึ่งเราใช้แล้วก็ไม่เหมาะกับหน้าเราเหมือนเดิม 5555 แต่สีนางสวยมากๆจริงๆ คนผิวขาวแบบสาวเกาหลีทาแล้วน่าจะเกิดนะคะ ส่วนเนื้อลิป บอกเลยว่า matte มากกก จนหนึบๆปากเลยล่ะ แต่ความติดทนก็จะเพิ่มตามไปด้วย ใครชอบ เนื้อ matte ติดทน หามาลองกันได้น้า จริงๆมีสีอื่นอีกเยอะมาก แต่สำหรับสีนี้ เราต้องขอบายจ้าา
สำหรับเจ้าตัวนี้ Peripera Peri's Ink Velvet สี 07  Dollish Beige Rose ลิปสุดฮิตจากฝั่งเกาหลี ซึ่งสำหรับเรา มันไม่เวิร์คค่า TT ด้วยความที่แบรนด์เคลมว่ามันติดทน เนียนไปกับปาก มันเลยทำให้ปากเราแห้งมากๆ ส่วนสีนั้น ตอนแรกที่ทาก็สวยมาก แต่ว่าพอผ่านไปสักครึ่งวัน สีมันเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มเฉยเลย เหมือนเกิดการ oxydize เราก็เลยขอผ่านดีกว่าค่า 
มาถึงตัวสุดท้ายแล้วววว ตัวนี้บอกเลยว่า เป็นลิปสุดโปรดของเราจริงๆ สำหรับ Mac Matte Lipstick สี Marrakech สิ่งแรกที่ดึงดูดคือชื่อสีค่ะ เพราะเป็นชื่อเมืองท่องเที่ยวของประเทศ Morocco เราเลยมาดูที่สีลิปว่าเป็นยังไง ปรากฏว่า ชอบมากกก สีจะออกแนวน้ำตาลๆ อิฐๆ อมส้มอมแดงนิดๆ มันนัวมาก ทาแล้วหน้าผ่องไปไกลมาก555 บวกกับเนื้อลิปที่ matte แต่มันไม่แห้ง แถมติดทนด้วย เราก็เลยเทใจให้เต็มๆกับแท่งนี้ค่ะ สรุปคือ ไปต่อเลยจ้าาา 
สำหรับการรีวิวครั้งนี้ก็จบลงแล้วนะคะ แถมเป็นการรีวิวครั้งแรกของเราที่เขียนยาวขนาดนี้ 555 หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับสาวๆ ที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางและสกินแคร์น้าาา ไว้เจอกันใหม่จ้าา จุ๊บๆ 


ningningtyy

ningningtyy

ชื่อหนิงค่ะ

FULL PROFILE