2018 นี้เรามีของดีมาแบ่งปันเพื่อนๆ
champs 23 4
สวัสดีครับ หลังจากเป็นผู้อ่านมานาน วันนี้ใกล้สิ้นปีถือโอกาสนี้ขออนุญาตมาแชร์ Skincare ที่ใช้ในปี 2018 บ้างครับ
ขอแนะนำลักษณะผิวและชีวิตประจำวันก่อน
ขอแนะนำลักษณะผิวและชีวิตประจำวันก่อน
- เราเป็นคนแห้งครับ
- เราเป็นคนออกกำลังครับ(ฟิตเนส) ออกหนักมาก 3-4 วัน เบาอีก 1 วัน ดังนั้นเรื่องเหงื่อ ความสกปรกมีแน่นอน
Cleanser
เราใช้โฟมหลายยี่ห้อมากในช่วง 1 ปี เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ตามสถาณะการณ์และความอยากรู้อยากลอง เราโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือเราไม่เคยแพ้(หรือยังไม่เจอ..555) เราเลยเลยใช้ไม่ซ้ำ แต่มีอยู่ยี่ห้อหนึ่งที่เราซื้อใช้ซ้ำคือ
เราใช้โฟมหลายยี่ห้อมากในช่วง 1 ปี เปลี่ยนไป เปลี่ยนมา ตามสถาณะการณ์และความอยากรู้อยากลอง เราโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือเราไม่เคยแพ้(หรือยังไม่เจอ..555) เราเลยเลยใช้ไม่ซ้ำ แต่มีอยู่ยี่ห้อหนึ่งที่เราซื้อใช้ซ้ำคือ
Neutrogena Deep Clean
ตัวนี้เป็นตัวเดียวที่เราซื้อซ้ำในปีนี้ ด้วยปริมาณที่คุ้มค่ากับราคา ทีส่วนผสมของ BHA ที่ช่วยกำจัดและป้องกันการเกิดสิว เพียงหนึ่งปั๊มก็ล้างได้สะอาดทั่วหน้า หลังใช้ผิวไม่แห้ง ไม่ดังเอี๊ยดๆหลังล้างอีกต่างหาก สะอาดแต่คงความชุ่มชื่น เราชอบตรงนี้แหละ
Toner
ต้องบอกก่อนว่าปีนี้เป็นปีแรกที่เราโทนเนอร์ (แต่ก่อนใช้น้ำตบแต่ขี้เกียจตบแล้ว) เราเลยไปหาข้อมูลว่ามันช่วยเรื่องอะไร จำเป็นไหม สรุปหลักๆ โทนเนอร์มีไว้สำหรับปรับสภาพผิวให้เตรียมพร้อมการบำรุงขั้นตอนต่อไป ไม่ให้ผิวแห้งไป มันไป ทำให้มันอยู่ในค่าเป็นกลางที่สุด (ส่วนตัวคิดแบบนี้นะ) ดังนั้นส่วนประกอบพิเศษที่เสริมมาให้ เช่น AHA, BHA คือสิ่งที่แต่ละคนต้องการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผิวหน้า เรา search google เลย best budget toner for dry skinเวปไหนขึ้นก่อนก็คลิกเวปนั้นเลย เราเจอเวปนี้พออ่านดูแล้วก็ได้ตัวด้านล่างมา มันถูกด้วยแหละอิอิ
ต้องบอกก่อนว่าปีนี้เป็นปีแรกที่เราโทนเนอร์ (แต่ก่อนใช้น้ำตบแต่ขี้เกียจตบแล้ว) เราเลยไปหาข้อมูลว่ามันช่วยเรื่องอะไร จำเป็นไหม สรุปหลักๆ โทนเนอร์มีไว้สำหรับปรับสภาพผิวให้เตรียมพร้อมการบำรุงขั้นตอนต่อไป ไม่ให้ผิวแห้งไป มันไป ทำให้มันอยู่ในค่าเป็นกลางที่สุด (ส่วนตัวคิดแบบนี้นะ) ดังนั้นส่วนประกอบพิเศษที่เสริมมาให้ เช่น AHA, BHA คือสิ่งที่แต่ละคนต้องการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับผิวหน้า เรา search google เลย best budget toner for dry skinเวปไหนขึ้นก่อนก็คลิกเวปนั้นเลย เราเจอเวปนี้พออ่านดูแล้วก็ได้ตัวด้านล่างมา มันถูกด้วยแหละอิอิ
(Day) Neutrogena Alcohol Free Toner
เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลล์กอฮอล์ สาเหตุของการเกิดผิวแห้ง ส่วนตัวเรารู้สึกว่าการใช้โทนเนอร์มันทำให้เราทาครีมขั้นต่อไปง่ายขึ้น เกลี่ยง่าย เพราะผิวมันไม่แห้งไม่มัน และยังช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้าง ส่วนผลด้านอื่นเราไม่เห็นผลนะ แต่เราก็จะใช้ต่อ(Night) Boots Vitamin C Whitening and Toning Water
ตอนกลางคืนเราใช้โทนเนอร์ของ Boots ที่ซื้อมาพร้อม serum เราใช้ตัวนี้เพราะเห็นว่าต้องใช้คู่กันถึงจะดี จากที่เราอ่านรีวิวมาน่ะ แต่เราใช้แล้วแสบนะ แสบตรงคอไม่แสบที่หน้า แต่พอทาครีมทับก็หายSerum
(Day&Night) Boots Vit C
เราใช้มา 4 ยี่ห้อ OP/MelanoCC/it's skin/Boots
ส่วนตัวแล้วMelano CCเห็นผลกับผิวหน้าเราสุด เราใช้ไปทั้งหมด 2 หลอด แต่ตอนนี้ลองใช้ของ Boots ซึ่งก็ยังไม่เห็นผลมากนัก เราไม่รู้ว่าBootsใส่ Vit C มากี่% ใครรู้คอมเมนต์หน่อยน๊า ส่วนit's skinทำอะไรหน้าด้านๆของเราไม่ได้เลย เราเข้าใจว่าเค้าน่าจะไปอัดกระบวนการทำให้มันสลายยาก มันเลยเป็นกรดน้อยลง ออกฤทธิ์เบาขึ้น *Vit C จะสลายก็ต่อเมื่อมันโดน น้ำ/ออกซิเจน/แสง*
(Night) It's Skin YE
ไม่เห็นผลอะไรเลย (อาจเป็นที่ผิวหน้าเราด้าน) แต่ที่ยังใช้อยู่เพราะยังไม่หมดยังบวกกับไม่รู้จะใช้ตัวไหนดี
(Night) Provamed Hyaflash Serum
เนื่องจากเราเป็นคนผิวแห้ง แล้วยังใช้ Vit C ด้วย เลยต้องเสริมความชุ่มชื่นหน่อย ตัวนี้นางเคลมว่ามีส่วนผสม ช่วยฟืันฟูผิวชั้นในและยังเสริมสร้าง Hyaluronic acid ใต้ชั้นผิวไปอีก เนื้อเซรั่มใสๆเข้มข้นเกลี่ยง่าย นางเคลมว่าหน้าฉ่ำทันที บำรุง แล้วก็มีเกราะล๊อคความชุ่มชื่นไปอีก ก็ถือว่าครบนะใช้แล้วหน้านิ่มๆ ฉ่ำๆ
(Night) Ordinary
ใช้แล้วสิวหายจริง นี่รอเพื่อนบินไปอังกฤษอีกแล้วจะฝากนางซื้อ สิวผด สิวข้าวสารเสก หายเกลี้ยงเลย ที่เราต้องใช้เพราะมีอยู่ช่วงนึงที่เรากินสเตียรอยด์ (กินเพื่อเพิ่มกล้าม) ผลข้างเคียงคือสิวขึ้น เราเห็นคนในเน็ตพูดถึงเยอะเลยฝากเพื่อนซื้อ พอลองใช้สักอาทิตย์มันก็ไม่มีสิวใหม่ๆขึ้นมา แต่พวกเก่าๆก็หลุดๆลอกๆออกจนหมด เรารู้สึกว่ารูขุมขนจะกระชับด้วยนะ เนื้อเซรั่มใสๆเกลี่ยง่าย ซึมไว
Moisturizer
(Day) Chifure
เราไม่ชอบครีมที่เนื้อมันหนักมาก เราเลยใช้แต่พวก Gel มากกว่า โดยส่วนมากเราใช้แต่ของญี่ปุ่นเพราะเค้าดังเรื่อง Hyaluronic acid เราเลยไปเดิน MatsuKiyo เห็นตัวนี้ลดราคาพอดี (ก่อนหน้านี้ใช้ Hada Labo ที่เค้าผสมกันแดดมาให้ ตัวนั้นก็ดีนะแต่ตอนนั้นไม่มีเงินซื้อ) ตามสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเราชอบมาก คือเนื้อครีมเป็นเจล ผสมอะไรมากมายก็ไม่รู้ แต่มันมี Hyaluronic acid ช่วยเรื่องชุ่มชื่นผสมอยู่ เราเลยซื้อ เจลตัวนี้ไม่หนักหน้าเลย ใช้ทากลางวันได้ ทาเสร็จรอแป๊บ พอมันเริ่มซึมก็ตบๆ ตบแบบไม่จริงจังอะ แค่ให้มันเซตตัวจบ *อีกอย่างที่ชอบใช้ All in one เพราะเราชอบตื่นสาย ไม่มีเวลาทาหลายขั้นตอน ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้จึงช่วยประหยัดเวลาได้มาก
(Night) Hada Labo Perfect Gel
คงไม่ต้องบอกว่าตัวนี้เก๋ายังไง คนรีวิวเยอะมากกกก ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นสุดๆ Nano Hyaluronic acid ซึมลึกถึงเซลผิวอีกแล้วจ้า เราเคยเปลี่ยนมาหลายยี่ห้อ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้ ตัวนี้ใช้แล้วตื่นมาหน้านิ่มมาก ล้างหน้าเสร็จยังดูอิ่มน้ำ เด้งๆ ฉ่ำๆ อีกเหตุผลที่ใช้คือ วันไหนเราเหนื่อยมาก ขี้เกียจ พอล้างหน้าเสร็จเราก็ทาตัวนี้ทีเดียวแล้วนอนเลย ก็มัน All in one gel นิเนาะ อิอิ
Sunblock
Ecoglam Sunstick
แต่ก่อนเราไม่ชอบทากันแดด เราคิดว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ว่าทาแล้วจะป้องกันไม่ให้เราดำขึ้น จนกระทั่งรู้ว่าแดดเมืองไทยสามารถทำให้เราเป็นมะเร็งผิวหนังได้ เราเลยต้องหาซื้อมาใช้ แต่หลายๆยี่ห้อที่ขายจะเป็นเนื้อข้นๆ สีขาว สีเบส สีบลาๆ ซึ่งพอเราใช้แล้วหน้าจะลอย เทา จนเราคุยกับเพื่อนคนนึง นางก็แนะนำมาตัวนี้มาเพราะนางนำเข้ามาขาย เราตัดสินใจซื้อเลยเพราะมันเป็นเนื้อใสๆซึ่งเราหาไม่ได้ในท้องตลาดจริงๆ แล้วยังทำเป็นแท่งอีกตั่งหาก หลังใช้นะหน้าฉ่ำเลยอะ วาวๆ เหมือนพวกเกาหลีเลย กลิ่นหอมมาก บางคนบอกว่าเหนียว หน้ามันหน้าหน้าฉ่ำ แต่เราไม่ว่าเราชอบ 5555
หมดแล้วสำหรับรีวิวของที่ใช้ในปีนี้ (จริงๆมีเยอะกว่านี้ทั้ง Toner, Essence Lotion, Serum, day-night cream, All in one gel, Sleeping Mask บลาๆๆ เป็นต้น แต่เรามาแชร์เฉพาะที่กำลังใช้อยู่และได้ผลดีกว่าตัวอื่น)
*หากเราใส่ข้อมูลผิดตรงไหน เพื่อนๆบอกเราเลยนะเพราะบางทีความเข้าใจส่วนตัวมันก็ผิด เผื่อเราใช้ผิดเราจะได้ปรับใช้ให้ถูก
ขอบคุณครับ
*หากเราใส่ข้อมูลผิดตรงไหน เพื่อนๆบอกเราเลยนะเพราะบางทีความเข้าใจส่วนตัวมันก็ผิด เผื่อเราใช้ผิดเราจะได้ปรับใช้ให้ถูก
ขอบคุณครับ