รีวิว Regro : Hair Active & Anti-Dandruff Shampoo
Wanviset 14 1Regro : Hair Active & Anti-Dandruff Shampoo
ถ้าคิ้วคือส่วนที่สำคัญอันดับต้นๆ ของผู้หญิง เส้นผมก็คงเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ของผู้ชายอย่างเราๆ เช่นกัน ถ้าใครได้ติดตามบูมคงจะพอเห็นว่าบูมจัดแต่งทรงผมค่อนข้างบ่อย ทำให้ผมแห้งเสีย ขาดหลุดร่วง หนักๆ เข้าผมสารเคมีจาก Wax หรือ Spray ก็มักจะไปอุดตันรูขุมขนบนหนังศรีษะ ทำให้เกิดเป็นสิวผดเม็ดเล็กๆ เป็นเรื่องที่กวนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ครั้นจะไม่เซทผมหนังหน้าก็ไม่ให้อีก
จนถึงกับต้องเคยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็ได้แนะนำว่าให้ใช้เป็นแชมพูเด็ก จะได้ช่วยลดเรื่องการเกิดสิว และโอกาสแพ้ ซึ่งก็ได้ผลบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ แชมพูเด็กมักจะทำความสะอาดคราบ Wax และ Spray ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แถมยังทำให้มีรังแคตามมาอีก
สุดท้ายเลยได้ลองเจ้า Regro : Hair Active & Anti-dandruff Shampoo ซึ่งเค้าเคลมว่า "สำหรับคนผมร่วง ผมมีรังแค" ซึ่งก่อนจะลองก็มีแอบตามไปส่องดูรีวิวชาวบ้านเค้า (เหมือนคุณๆ นั่นแหละ) เท่าที่ดูผลตอบรับก็ค่อนข้างดี คนที่ใช้ก็มักจะมีปัญหารังแค ผมร่วง และสิวซึ่งใกล้เคียงกับบูม เลยลองดูซักตั้งว่าจะดีงามพระราม 8 ยังไง ถ้าพร้อมแล้วไปชมพร้อมๆ กันเลยค๊าบ....
จนถึงกับต้องเคยปรึกษาคุณหมอ คุณหมอก็ได้แนะนำว่าให้ใช้เป็นแชมพูเด็ก จะได้ช่วยลดเรื่องการเกิดสิว และโอกาสแพ้ ซึ่งก็ได้ผลบ้าง แต่สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือ แชมพูเด็กมักจะทำความสะอาดคราบ Wax และ Spray ได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แถมยังทำให้มีรังแคตามมาอีก
สุดท้ายเลยได้ลองเจ้า Regro : Hair Active & Anti-dandruff Shampoo ซึ่งเค้าเคลมว่า "สำหรับคนผมร่วง ผมมีรังแค" ซึ่งก่อนจะลองก็มีแอบตามไปส่องดูรีวิวชาวบ้านเค้า (เหมือนคุณๆ นั่นแหละ) เท่าที่ดูผลตอบรับก็ค่อนข้างดี คนที่ใช้ก็มักจะมีปัญหารังแค ผมร่วง และสิวซึ่งใกล้เคียงกับบูม เลยลองดูซักตั้งว่าจะดีงามพระราม 8 ยังไง ถ้าพร้อมแล้วไปชมพร้อมๆ กันเลยค๊าบ....
คำเคลมจากทางแบรนด์
แชมพูสูตรพิเศษที่ช่วยลดปัญหาผมร่วง พร้อมขจัดรังแคและลดความมันบนหนังศรีษะประกอบด้วยสารสำคัญ Regro P ที่ช่วยทำให้รากผมแข็งแรง ชะลอผมหลุดร่วง มีส่วนผสมของ Piroctone Olamine, Salicylic Acid ที่ช่วยขจัดรังแค และลดความมันบนหนังศรีษะอุดมด้วย Moisturizer จาก Pro-Vitamin B5, Panthenol และสารสกัดจากสมุนไพร ใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนเป็นพิเศษสำหรับเส้นผมและหนังศรีษะ ไม่ระคายเคือง ต่อหนังศรีษะ ผ่านการทดสอบจากสถาบันผิวหนังประเทศเยอรมันTexture / Scent / pH / Moisture & Oily Test
- Moisture & Oily Test : บูมได้วัดค่าความชุ่มชื้น และความมันบนผิว ทั้งก่อนและหลังสระผมไว้ เราไปลองดูกันครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง.....
จะสังเกตุได้ว่าหลังสระผมเสร็จใหม่ๆ ความชุ่มชื้นและความมันบนผิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในจุดนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นได้ทั้งข้อดีและ ข้อเสีย คือ :
- ข้อดี : เมื่อความมันบนหนังศรีษะลดลง โอกาสเกิดการอุดตันก็ลดน้อยลงไปด้วย ทำให้สิวขึ้นน้อยลงตามลำดับ
- ข้อเสีย : หากหนังศรีษะแห้งจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคัน รวมถึงเส้นผมที่ดูไม่มีน้ำหนัก ดังนั้นส่วนตัวคิดว่าควรสลับใช้กับแชมพูที่รักษาระดับความชุ่มชื้น หรืออาจใช้ครีมนวด/ครีมมักผมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
ส่วนผสมที่น่าสนใจ
- Piroctone Olamine : หรือชื่อทางการค้าว่า "Dandruff-Guard™" เป็นสารขจัดรังแค ด้วยกระบวนการ ทำลายเชื้อรา Pityrosporum Ovale ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดรังแคบนหนังศรีษะ โดย Dandruff-Guard™ สามารถทั้งรักษารังแค ยับยั้งการเกิดรังแคใหม่ และสามารถช่วยหยุดอาการคันหนังศรีษะ และยังสามารถใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพื่อลดหรือป้องกันอากาศอักเสบ อาการแพ้ได้อีกด้วย จากผลการวิจัยพบว่า หลังใช้แชมพูที่มี Dandruff-Guard™ ความเข้มข้น 0.5% ระยะเวลา 6 สัปดาห์ ช่วยลดการเกิดรังแคได้ถึง 81.7% เปรียบเทียบกับแชมพูที่มี Zinc Pyrithione ความเข้มข้น 0.5% เท่ากัน ในระยะเวลาเท่ากัน ซึ่งสามารถลดรังแคได้ 68.6%
- Salicylic Acid : หรือ BHA ที่เรารู้จักกันดีนั้นแหละครับ ซึ่งความสามารถของเจ้า BHA หลักก็คือการผลัดเซล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ในกรณีนี้คือหนังศรีษะที่เสื่อมสภาพ และพร้อมจะเป็นรังแค จึงช่วยลดการเกิดของรังแคได้เป็นอย่างดีนั่นเองขอรับ
ผลลัพธ์หลังทดลองใช้
เท่าที่บูมได้ลองใช้ Regro : Hair Active & Anti-dandruff Shampoo มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจนในเรื่องความมันบนหนังศรีษะ และปริมาณรังแคที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญคือไม่ทำให้ผมแห้งเสีย หรือมีอาการคันศรีษะแต่อย่างใด
ส่วนประเด็นเรื่องการลดการหลุดร่วงของเส้นผม บูมยังไม่เห็นความเปลี่ยนในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะว่าปัญหาผมร่วงของบูมไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก (หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่แชมพู ทำให้การเปลี่ยนแชมพูนั้นยังแก้ได้ไม่ตรงจุด)
ส่วนประเด็นเรื่องการลดการหลุดร่วงของเส้นผม บูมยังไม่เห็นความเปลี่ยนในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งอาจเพราะว่าปัญหาผมร่วงของบูมไม่ได้มากมายเท่าไหร่นัก (หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่แชมพู ทำให้การเปลี่ยนแชมพูนั้นยังแก้ได้ไม่ตรงจุด)