รีวิวปิลิปปินส์ 5 คืน 7 วัน 13 สถานที่ | Pearybrown
peary_brown 22 2สวัสดีค่ะ นี่เป็นบล็อกเที่ยวบล็อกแรกที่แพรทำแบบจริงๆ จังๆ สืบเนื่องจากการเดินทางไปประเทศ ฟิลิปปินส์นั้นแสนยากลำบากและการจะหารีวิวคนไทยที่ไปหลายๆ ที่ในทริปเดียวก็หาได้ยาก ส่วนมากจะอยู่เมืองเดียว แพรเลยจะเขียนบล็อกนี้ขึ้นมาเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่จะไปฟิลิปปินส์
แพลนคือ 5 คืน เริ่มเดินทางตั้งแต่ 13 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ รวมแล้วก็ 5 คืนกับอีก 7 วันเต็มๆ
***ประเทศฟิลิปปินส์เวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง
***ค่าเงินไทย 1 บาทเท่ากับ 1.60 เปโซ (ขึ้นอยู่กับค่าเงินแต่ละช่วง)
วันที่ 1 (13/Feb/2562)
เดินทางจากสนามบินดอนเมืองเวลา 3 ทุ่ม 15 นาที ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ถึง สนามบินกรุงมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์เวลา ตี 1:40 ต่อเครื่องจากมนิลาไป Cebu เวลา 6 โมงเช้าของประเทศฟิลิปปินส์
ในระหว่างนั้นก็ซื้อซิมเปลี่ยน แนะนำเป็นบริษัท Globe (แพรมีเพื่อนเป็นคนฟิลิปปินส์เค้าบอกค่ายนี้สัญญาณดีที่สุดแล้ว แต่เอิ้มมม 5555) ค่าซิมแบบ 7 วัน 700 เปโซ (420฿)
วันที่ 2 (14/Feb/2019)
*** การเปลี่ยนเครื่อง เครื่องที่แพรจะต่อไป Cebu นั้นต้องไปขึ้นเครื่องที่ terminal 4 ซึ่งอยู่ไกลจากสนามบินนานาชาติพอประมาณเดินไม่ไหวแต่ไม่ไกล ประมาณ 15 นาทีถึง ให้เรียกแกรบ อย่าเรียกแท็กซี่สนามบินเพราะแพรโดนมาแบบโหดมาก จ่ายไป 400 เปโซ ( 240฿) เรียก grab จะอยู่ที่ 108 เปโซ (65฿)
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึง Cebu เมื่อถึงสนามบิน Cebu แล้วเรียกแกรบต่อไปยังสถานีรถบัสประมาณ 240 เปโซ (143฿) ทริปแรกของเราได้เริ่มขึ้น เรานั่งรถบัสตรงไปยังสถานที่แรกเลยคือ Kawasan falls ( canyoneering) ค่ารถบัสประมาณ 180฿ เดินทางตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง
มีทัวร์ให้ซื้อจากสนามบินเลยราคนละ 1300฿ รวมทุกอย่าง ค่าอุปกรณ์ ค่าไกด์ ค่ารถ ค่าเข้า เพราะ Canyoneering จะต้องมีไกด์ค่าไกด์ต่อสองคนราคา 1300฿ หารกันก็ตก 650฿ บวกค่าบัสอะไรไป ซื้อทัวร์ที่สนามบินง่ายกว่า ส่งถึงที่รับกลับ Cebu ด้วยถ้าใครพักที่ Cebu แต่คืนแรกแพรพักที่ Badain ก็เลยตัดสินใจไปกันเอง นั่งรถบัสประมาณ 2 ชั่วโมง บอกคนขายตั๋วว่าจะไป Canyoneering เค้าจะไปจอดให้ถึงที่ซื้อทัวร์ ถึงปุ๊บก็ซื้อทัวราคาทัวร์ 1500 เปโซ (900฿) มีไกด์ส่วนตัวให้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสับ ใส่ชูชีพ รองเท้าแนะนำให้ถือผ้าใบมาน่ะ เพราะลำบากมาก ผจญภัยที่สุด บุกน้ำ บุกป่า กระโดดหน้าผา 5555 วันแรกคือร้องไห้เลย เป็นคนกลัวความสูงมากกกก แต่ต้องกระโดดหน้าผาครับท่าน ความสูงประมาณตึก 3-4 ชั้น ที่จริงไม่โดดก็ได้แล้วแต่เรา แต่ตอนนั้นอะไรกลใจไม่รู้ ติดว่าไหนๆ ก็มาแล้วเอาหว่ะ!!! ก็โดดไป โดดเสร็จขาสั่นไป 3 ชั่วโมง เอาขาลง ขาเน่าเขียวไปอีก ร้องไห้ใส่แฟนเลยเพราะกลัว 5555 แต่ก็ต้องไปต่อ หลวมตัวมาแล้ว เดินกลับก็ไม่ได้น่ะ ทางออกคือต้องไปให้สุดทาง จะปีนผากลับหรอไม่ด้ายยยยย อิผี
ถึงน้ำตกก็ประมาณ 11 โมง ใช้เวลาจนถึง 4 โมงเย็น ข้าวอะไรไม่ได้กินทั้งวัน เป็นวันวาเลนไทน์ที่ทรหดมาก ผีมาก แต่วิว รุปคุ้มมาก ลืมบอกว่าวันแรกฝนตกทั้งวันและหนาวมากกกกก
กว่าจะมายืนจุดนี้ถ่ายรูปดูชิลนี่เกือบตายหลายรอบแล้วจ้า 5555
ภาพจากกิจกรรม Canyoneering ไกด์ถ่ายได้โบ๋เบ๋มาก…. หน้ากล้องก็ไม่เช็ดให้ ที่จริงถ่ายเยอะมาก แต่หยดน้ำบังหมด รูปใช้ไม่ได้เลย
เปลี่ยนชุดเสร็จสับ ก็รอรถบัสเพื่อต่อรถไปยัน Moalboal ที่พักของเราคืนนี้และเราจะมีดินเนอร์วาเลนไทน์กันที่นั้น 555 ค่ารถบัส 60 เปโซ (36฿) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากนั้นก็ต่อรถสามล้อไปอีก 400 เปโซ ถึงที่พักที่พักหลอกดาวมาก นางไม่มีผ้าเช็ดตัว ลงไปถามนางบอกว่า เอาไปซักอยู่อะ ยังไม่แห้ง what!!! ได้หรอ ดีที่ถือผ้าเช็ดตัวติดไป แชมพู สบู่ไม่มีจ้า ก่อนมาฟิลิปปินส์ทำการบ้านมาดีถือมาทุกสิ่ง อาบน้ำเสร็จก็ออกไปกินข้าวดินเนอร์ริมทะเล ร้านแถวนี้ติดทะเลทุกร้าน ประมาณ 4 ทุ่มก็กลับมานอน นอนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไปดูน้องฉลามที่ Oslob (ถ้าจะว่ายน้ำกับฉลามต้องไป Oslob เท่านั้น) วันแรกที่ฟิลิปปินส์ก็จบไป ใช้ร่างและพลังเยอะมาก
วิวหลังห้องตอนเช้าก็ถือว่าโอเค วันนี้ฝนตก ตกตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นคงจะสวยกว่านี้ เราไม่ได้เที่ยวใน Moalboal มาพักเพราะแฟนบอกอยากมาที่นี่ อยากมาเห็นเฉยๆ ใจหนึ่งแพรอยากให้ไปนอนที่ Oslob เลยเพราะเราไม่ได้แพลนกิจกรรมอะไรที่นี่ และเหมือนย้อนไปมาระหว่าง น้ำตก กับ Moalboal เพราะน้ำตกเป็นโซนใต้ใกล้กับ Oslob แล้วส่วน Moalboal อยู่ทางเหนือ ทางกลับไป Cebu แต่ Moalboal เป็นแหล่งที่มีปลาเล็กปลาน้อยแบบเป็นฝูงๆ เยอะมาก ส่วนใหญ่มา Scuba กันเพราะทะเลค่อนข้างลึก
วันที่ 3 (15/Feb/2019)
แพลนคือออกจากโรงแรม 6 โมงเช้าแวะกินข้าวที่ร้าน Shaka เป็นร้านขายอาหารคลีนแบบคลีนสุดๆ มี Achai ด้วย มีกาแฟทร้านนี้ดังมี 3 สามสาขา ที่ Bohol, Panglao, แล้วก็ที่นี่ ออกจากร้านโดยใช้รถสามล้อเช่นเดิม ราคา 400 เปโซ ไปยังถนนใหญ่เพื่อนรอรถบัส
การเดินทาง
Moalboal - Oslob ไม่มีรถสายตรง ต้องขึ้นรถสาย Badain - Bato (ค่ารถ 70฿) จากนั้นก็ขึ้นจาก Bato- Oslob (ค่ารถ 100฿) ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่าจะถึง Oslob รถจะส่งที่สถานีรถบัสจากสถานีมีรถต่อไปยันที่ดู ฉลามราคาประมาณ 40 บาท ใช้เวลา 30-40 นาที ต้องเผื่อเวลารอรถด้วยรถมาทุกๆ 30 นาที แต่ ณ จุดนั้นเรารอไม่ได้แล้ว เพราะที่ดูฉลามเค้าปิดให้เข้าชมตอนเที่ยง (อ่านรีวิวคนอื่นมา) ตัดสินใจนั่งรถพ่วง (ถ้าบ้านเราก็เรียกตุ๊กๆ ) ตอนแรกนางคิด 400 เปโซ เราก็เลยไม่ไป ไปส่งแค่ท่าต่อรถพอ นางคิด 50 เปโซ ให้ขึ้นรถไปแล้วต่อนางทีหลัง เพราะต่อตรงนั้นเค้าไม่ลดให้แน่ๆ เค้าน่าจะเกรงใจเพื่อน เราขึ้นรถไป แล้วก็ต่อไปเรื่อยๆ จนได้ 200 เปโซ (120฿) เราไปถึง Oslob เวลา 11:30 นาที
รถไป Bato คือสีแดงอันนี้เท่านั้นเด้อ
มาถึงที่ดูฉลาม คุณพระเค้าปิดแล้ว เฟลสุดอะไรสุด อุส่าหอบร่างมา ต่อรถเป็นสิบรอบ ก็เลยไปถามตำรวจท่องเที่ยว เค้าบอกว่าถ้าจะมาว่ายน้ำกับฉลามให้มาซื้อตั๋วตั้งแต่ตี 5 และเค้าจะให้อาหารปลาตอน 6 โมงเช้า บางวันตั๋วหมดก็อดน่ะท่านเค้าจำกัดคนเข้าดูในแต่ละวัน นี่ก็เห็นตั้งแต่นั่งรถมาบนภูเขาละ เค้าต่อคิวอะไรกัน ยาวมาก คนจีนเยอะเด้อ พี่ตำรวจลอกว่าถ้าจะดูอีกก็มาใหม่พรุ่งนี้ตอนตี 5 งื้อร้องไห้ คือที่เลือกมาฝั่ง Cebu ไม่ไปฝั่ง Palawan, El nido เพราะว่าอยากมาดูฉลามอะแก หน้าจ๋อยกันทั้งสอง ก็ปรึกษากันซักพักว่าจะอยู่ต่อมั้ย 1 คืน หรือไปต่อ เพราะแพลนต่อจากว่ายน้ำกับฉลามเสร็จ คือไป Siquijor island ก็ตัดสินใจพับโครงการนี้ไป และมุ่งหน้าไป Siquijor
*** ถ้าจะมาดูฉลาม ให้จองที่พักที่ Oslob เลย คนส่วนใหญ่ที่จะไปว่ายน้ำกับฉลามก็นอนในนั้นเลยเพราะงานเช้าจริงแก
การดูฉลาม ( whale shark) จะมีทั้งหมด 2 แบบ
Snorkel ว่ายน้ำ ดำน้ำถ่ายรูป 1000 เปโซ (600฿) ให้เวลาคนละ 30 นาทีเท่านั้น ถ่ายรูปแคมเปญกับ the face Thailand หรือเปล่าจ๊ะ
Scuba 3000 เปโซ บางที่ 3500, 3600 อย่าลืมต่อนาง (1800฿)
*รูปจากเน็ต นี่คือเหตุผลที่เลือกมาฝั่ง Cebu เพราะอยากได้รูปนี้ งื้อร้องไห้ ไม่มีรูปนี้คือเหมือนไปไม่ถึงฟิลิปปินส์อะ
หลังจากที่อกหักจากการดูฉลามเราก็มุ่งหน้าไป siquijor island ซึ่งการจะไป siquijor จะต้องไปต่อเรือที่ Dumaguets และ Tagbilaran (bohol) เราตัด Tagbilaran ออกเพราะอีก 2 วันเราจะไป Bohol เลยไม่อยากวนไปวนมา และ ferry จาก Dumaguests ไป siquijor ก็มีหลายรอบกว่า Tagbilaran เมื่อเดินทางมาถึง Dumaguests ก็จะต้องนั่งรถต่อไปยังอีกท่าเรือหนึ่ง ราคาประมาณ 400 เปโซ (240฿) แต่ตอนเดินขึ้นฝั่งเราไปตีสนิทกับแบ้กแพ็กเกอร์คนอื่นๆ ที่จะไป siquijor เหมือนกันเพราะต่างชาติที่มาที่ Dumaguests ส่วนมากก็จะไป siquijor หมด ก็ไปเหมารถสองแถวไปกัน ประมาณ 8 คน หารกันตกคนละ 50 เปโซประหยัดไป 1 จึก ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึงท่าเรือที่จะข้ามไป siquijor เวลาเดินเรือของแต่ละบริษัท Ocean jet >> 12:50 น. GL shipping >> 05:45, 10:45, 12:00, 14:00, 16:30 Montenego >> 10:00, 18:00 ค่าเรือประมาณ 80 บาทแล้วแต่บริษัท แพรได้ตั๋วของบริษัท GL shipping รอบบ่ายสองโมง เพราะกว่าจะไปถึง Dumaguests ก็บ่ายกว่าๆ แล้ว
เวลาเดินเรือของแต่ละบริษัท
Ocean jet >> 12:50 น.
GL shipping >> 05:45, 10:45, 12:00, 14:00, 16:30
Montenego >> 10:00, 18:00
ค่าเรือประมาณ 80 บาทแล้วแต่บริษัท แพรได้ตั๋วของบริษัท GL shipping รอบบ่ายสองโมง เพราะกว่าจะไปถึง Dumaguests ก็บ่ายกว่าๆ แล้ว
การขึ้นเรือ
แพรว่าหลายคนอาจจะงง คือเมื่อซื้อตั๋วเรือแล้ว จะต้องเอาตั๋วไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จให้ไปช่องจ่ายค่าฟรี (ค่าภาษีท่าเรือ) เป็นแบบนี้ทุกท่าเรือ งงว่าทำไมไม่รวมมากับค่าตั๋ว จะให้แยกจ่ายทำมัย ตอนเช็คอินจะต้องใช้พาสปอทตลอดใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
เมื่อถึงท่าเรือก็จะเห็นรถสามล้อแบบนี้จอดเรียงราย และมีที่เช่ารถมอไซส์ด้วย จะบอกว่าเข่ารถที่ท่าเรือถูกกว่าเช่าที่โรงแรม เราตัดสินใจใช้สามล้อแล้วไปเช่ามอไซส์เอาที่โรงแรม เพราะอีกสองวันเราจะไป Bohol ซึ่งจะต้องไปขึ้นเรืออีกฝั่งของเกาะจะไม่ได้กลับมาท่าเรือเดิมอีกแล้ว
ถึงรีสอทก็ประมาณ 4 โมงกว่าๆ หารถเช่าต่างๆ สรุปรถหมดแต่ไม่ต้องห่วงเพราะเจ้าของรีสอทเค้ามีเครือข่ายกัน ไม่นานเค้าก็เอารถมอไซส์มาส่ง เราเห็นว่ายังพอมีเวลา เลยตัดสินใจขับรถออกไปดูรอบๆ ก็ไปไกลอยู่เหมือนกัน เกาะใหญ่มาก คิดว่าพอๆ กับเกาะช้างบ้านเรา หรืออาจจะใหญ่กว่าเพราะมีโรงเรียนหายแห่งบนเกาะ เกาะค่อนข้างไม่เจริญน่ะ ตู้เอทีเอ็มหายาก แลกเงินก็ให้เราน้อย พอดีเราไปแล้วเงินหมดกลางคัน555 เหลือเงินติดตัว 1000 เปโซ ต้องใช้กันสองคน ที่แลกเงินหรือตู้กดจะอยู่ที่ท่าเรือ เราก็ใช้ประหยัดๆ กันในคืนที่สอง
***ที่พักควรเลือกพักแถว San Juan เพราะเป็นแหล่งที่ยักท่องเที่ยวเยอะ ของกินเยอะ ร้านอาหารต่างๆ
ท่าเรือ Siquijor
รีสอทคืนแรก
ภายในรีสอทคืนแรกของเรา เป็นรีสอทใหม่ พวกระบบไฟอะไรยังไม่เสร็จ สวนก็ยังจัดไม่เสร็จใหม่มาก ห้องน้ำรวม มีน้ำอุ่นที่ยังใช้ไม่ได้ โดยรวมก็โอเค คือหาที่พักดีๆ ค่อนข้างยากอยู่ ส่วนใหญ่วันที่เราไปเต็มหมด เพราะเราไม่ได้จองล่วงหน้าเราจองวันต่อวัน บางวันก็เกือบไม่มีที่นอน 5555 ไม่มีแอร์แต่หนาวเวอร์ กลางคืนอากาศเย็นแบบนึกไม่ออกเลยว่าเคยแดดมาก่อน เตียงแยกไม่มีเตียงไซส์คิง เป็นครั้งแรกที่นอนด้วยกันแต่แยกกันนอนคนละเตียง งื้อ T.T มันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ดึงเตียงมารวมก็ไม่ได้ เพราะต้องใช้มุ้งไม่งั้นยุงรุม
หาดใกล้ๆ กับรีสอทเดินมา 3 นาทีได้
วันที่ 4 (16/Feb/2019)
เราตื่นแต่เช้า 6 โมงล้อหมุน พร้อมสำรวจเกาะ siquijor เราเช็คเอ้าจากรีสอทเดิม มาอีกที่เพราะเราไม่ชอบเตียงที่แยกจากกัน ไม่ห่างกันมาก รีสอทอยู่ละแวกเดียวกัน เป็นแคมป์เหมือนเดิมพวกบล็อกเกอร์ฝรั่งมากพังที่นี่เยอะมาก รีวิวเยอะ ชื่อแคมป์ Glamping siquijor ห้องน้ำรวม ห้องน้ำน้อยอะใช้ไม่พอกัน ไฟในแคมป์ก็มืด มีแค่โคมไฟ 1 อัน ราคา 2000 นิดๆ แต่ข้อดีคือติดหาดเลย แคมป์บนหาด นอนฟังเสียคลื่น ถ้าจะปิ้งย่างเค้ามีเตาให้ครบ แต่ซื้ออาหารมาเอง ก็จะมีอาหารทะเลขายคือต้องไปซื้อกับคนหาปลาที่ริมหาดได้เลย
หน้าแคมป์ตอนพระอาทิตย์ตกดิน
ตอนเช้าน้ำลดไปเยอะมากๆ พอน้ำลดอาหารทะเลก็โผล่ ก็จะมีชาวบ้านมาเก็บหอยทะเลไปขาย เค้าให้แพรลองกินด้วย กลิ่นคาวติดปากมาก แต่ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดคือเด็ดดวง อารมณ์กินปูดอง ยำปูม้า กุ้งสด รวมๆ กัน
แคปรูแมาจากวีดีโอไม่ได้ถ่ายไว้
ต่อจ้า…….สถานที่แรกที่เราไปคือ Cambugahay falls โดดน้ำตกอีกละท่าน ตอนแรกจะไป Salagdoong beach ไปกระโดดน้ำ แต่น้ำลงตอนเช้าคิดว่าคงจะกระโดดไม่ได้ ค่ากระโดดน้ำ 50 เปโซ โดดวนไปจนกว่าจะพอใจ ตอนแรกว่าจะไม่โดดแล้วเพราะยังกลัวจาก Canyoneering อยู่เลย แต่อันนี้จัดว่าเลก็กว่ามาก และอีแฟนเปรตไปจ่ายตังไว้แล้วไม่โดดก็เสียดายเงิน 5555 แต่พอโดดแล้วก็สนุก เพราะไม่สูงมาก ได้รูปดีด้วย เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ 7 โมงเช้ายัน 9 โมง เต็มที่มากสนุก และชั้นหนาวมากค่ะพี่ชาย แนะนำให้มาตอนเช้าเพราะคนไม่เยอะ
สถานที่ที่ 2 คือ Salagdoong beach เป็นหาดที่ใครที่มา siquijor ก็ต้องมาที่นี่ คือฝรั่งมานี่เพราะจะมากระโดดน้ำ แพรว่ามันสูงที่สุดแล้ว ประมาณตึก 6 ชั้นได้ และจะมีอันเล็กประมาณ 4 ชั้น ถ้าใครไม่ชำนาญอย่าโดดน่ะ อันตราย แฟนกระโดดไปหลายรอบมาก หลังจากนั้นก็ปวดหัว เพราะแรงดันน้ำ และแรงกระแทก อาการพอๆ กับแพรตอนกระโดดที่ Kawasan falls
เชิญโดดไปเลยดิฉันขอนั่งดูสวยๆ ฉันไม่สู้ความสูงนี้
สถานที่ที่ 3 old enchanted balete tree เป็นต้นไม้อายุยาวนานมากกว่า 3,000 ปี และมีบ่น้ำที่นั้น ค่าเข้า 10 เปโซ ตรงนี้ไม่มีอะไรมาก แพรแค่เข้าไปถ่ายรูปแล้วออกมา ส่วนใหญ่เข้ามาก็จะเอาเท้าจุ่มน้ำ ให้ปลาตอด พอดีอยู่ทางผ่านกลับรีสอท และมาแล้วก็ต้องเก็บ
สถานที่ที่ 4 Paliton beach เป็นเวลาประมาณบ่าย 3 โมง เราเหนื่อยล้าจากการเดินทาง นั่งเรือ นั่งรถ กระโดดน้ำต่างๆ ตอนช่วงเช้าอัดกิจกรรมแน่นมาก ก็เลยกะจะหาหาดนอนอาบแดด พอดีแพรจดไว้ไน List ที่จะต้องไป ตอนแรกแฟนไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ไม่มีตัวเลือก ขับรถตะเวนหาหาดโล่งๆ ซักพัก แต่ไม่ชอบ ก็เลยต้องลองมาหาดตามคำแนะนำของแพร หาดสวย ทรายขาว น้ำใสมาก แบบเห็นตัวปลา ที่จริงน้ำใสทุกที่ที่เราไป คนไม่เยอะเพราะหาดนี้นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรูปจัก เราก็กะอยู่นั้นจนพระอาทิตย์ตก แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง
น้องอยู่ที่หากกับพ่อแม่ขาวทั้งพ่อทั้งแม่ ครบเลย น้องน่ารักมาก เหมือนน้องชินกับการเล่นและถูกถ่ายรูป เพราะใครมาก็ต้องเรียกนางไปเล่นด้วย
เราใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงที่นั้น คิดว่าวันนี้คงไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดินอีกตามเคย ตั้งแต่มาฟิลิปปินส์ฝนตกทุกวันวันนี้คือหวังสุด เพราะตอนเช้าแดดดีมาก สุดท้ายก็ได้เจอ หลังจากนั้นเราก็ออกไปกินข้าวร้านในละแวกแคมป์ แล้วก็ซื้อเบียร์กลับมานั่งจิบริมทะเลเตรียมตัวนอนพักผ่อนเพื่อวันพรุ่งนี้
วันที่ 5 (17/Feb/2019)
วันนี้เราต้องเดินทางไป Bohol โดนทางเราสอบถามจากที่แคมป์ มีเรือจาก siquijor ไป Tagbilaran (Bohol) แค่วันละรอบคือ 12:30 เราต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ Larena จากแคปม์ไปประมาณ 45 นาทีอีกฝั่งของเกาะ siquijor เราต้องเผื่อเวลาไปถึงนั้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพราะถ้าตั๋วหมด ซื้อไม่ทัน จะไม่มีเรือไปเลยต้องรออีกวัน ค่าตั๋ว 700 เปโซ เราไปถึงนั้นก่อนเวลา 2 ชั่วโมง ก็เลยเช่ารถมอไซส์เค้าคิดชั่วโมงละ 50 เปโซ ก็ไใ่เท่าไหร่เราเลยเช่าแล้วขับไปนอนที่หาดประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วก็ขับรถไปหาอะไรกินก่อนที่จะขึ้นเรือต่อไป Bohol
อันนี้เป็นหาดที่เราแวะไปก่อนขึ้นเรือ ธรรมชาติสมบูรณ์มาก
เมื่อถึง Bohol แล้วแนะนำให้ซื้อตั๋วเรือล่วงหน้าไว้เลย แพลนของเราคือจะเดินทางกลับวันที่ 19 ที่ซื้อตั๋วจะงงๆ หน่อย ต้องเดินออกไปซื้อนอกเขตท่าเรือ ตั๋วมีหลายเที่ยวก็ดูเอาว่าไฟท์กลับตัวเองกลับเวลาเท่าไหร่ เราซื่อตั๋วกลับ 7 โมงเช้าเพราะมีบินไปมอนิลาเวลา 11 โมงของวันที่ 19
รถมอไซส์ให้เช่าที่นี่จะราคาแพงกว่าที่อื่นๆ คือ 400 เปโซ (ที่อื่น 300-350) แต่ถ้าเกิน 400 อย่าเล่า ให้ต่อค่ะ เพราะเค้าโก่งราคา บอกเค้าเดี๋ยวเดินไปเล่าข้างนอก เขาก็จะลดให้ทันที
จากนั้นเราขับรถตะเวนหาที่พัก เพราะเราไม่ได้จอง จองวันต่อวัน เน็ตไม่ดีเลย จองที่พักก็ไม่ได้ เราติดแง๊กประมาณ 2 ชั่วโมงที่ร้านกาแฟเพราะจองห้องไม่ได้ จะไปจองที่โรงแรมเลยก็ไปไม่ถูก เพราะเน็ตไม่ดี GPS ก็ไม่ทำงาน เลยตัดสินใจจำทางขับไปตามแผนที่ โชคดีที่แฟนดูแผนที่เป็นก็เลยมาจองเอาหน้าโรงแรมเลย ที่พักดีมาก (ในรูปคือห่วย55) ของจริงดีงาม ติดทะเลเดินไปเจอทะเล สะอาดที่สุดเท่าที่เราพักมาในฟิลิปปินส์แล้ว เราพักที่ Alona Beach
ท่าเรือยิ่งใหญ่
เดินออกมาซื้อตั๋วข้างนอก อยู่ใกล้ๆ กับที่เช่ามอไซส์
วิวหน้าที่พัก
แนะนำให้พักที่ Panglao beach คือดีสุดละ ดีมาก คืนนี้แหละที่รู้สึกว่าได้ทวงคืนชีวิตที่โหยหา 555 เป็นคืนที่ได้พักผ่อนจริงๆ นอนเต็มอิ่ม กินเต็มที่ ดริ้งเต็มที่ เพราะร้านอาหาร บาร์ ริมหาดเยอะมาก อารมณ์ภูเก็ต โรงแรม ทัวร์ ร้านขายของเยอะมาก รู้สึกเหมือนกลับบ้าน (ฟิลคล้ายภูเก็ต) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่ต่างชาติ ไม่ค่อยมีฟิลิปปินส์ มีแต่น้อยมาก ถึงโรงแรมก็ 5-6 โมงแล้วเราเดินไปดูพระอาทิตย์ตกและหาดูว่าพรุ่งนี้มีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง
คืนที่ 6 (18/Feb/2019)
วันนี้เราไป day trip ทริปที่นี่ใช้เวลาครึ่งวัน แต่เราไปเรือส่วนตัวจะกลับตอนไหนก็ได้ เนื่องจากวันนี้เราย้ายโรงแรมอีกแล้ว เพราะวันพรุ่งนี้ต้องนั่งเรือไปขึ้นเครื่องที่ซีบู ก็เลยไปวันเดย์ทริปครึ่งวัน กลับมาก็ย้ายไปอีกโรงแรม ค่าเช่าเรือ 3000 เปโซไปได้ 2 คนน่ะ มากกว่านี้เพิ่ม 500 เปโซ/คน ถ้าไปวันเดย์ทริปจะตกอยู่ที่คนละ 400 เปโซ ทริปจะมีไปดูปลาโลมา ไปดำน้ำดูเต่า ไปดำน้ำดูปะการัง และไป virgin island ไปดูโลมาค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับทางเรา เพราะเราไม่ชอบกิจกรรมที่มันเอื่อยๆ เบื่อๆ ขอไปที่ต่อไปก็ไปไม่ได้ เพราะเป็นอุทยานและเค้ากำหนดเวลาเข้าออกของเรือแต่ละลำ แต่ที่ใาทริปเพราะอยากดูเต่า แต่เนื่องด้วยเราเมาเมื่อคืนก็เลยแฮงหนักมาก อ้วกใส่เต่าไป 2 รอบ555 ประกอบกับคลื่นทะเล และวนเรือดูโลมา อ้วกใส่เลยจ้า บอกไกด์ไอไม่ดูแล้วจะขึ้นฝั่ง ดำน้ำไปนิดเดียว แต่ก็เจอน้องเต่าอยู่น่ะ แต่ดูปะการังนี่ไม่ไหวจริงๆ อ้วกแตกก่อน อดไปตามระเบียบ จบสิ้นไปอีกทริป
ปล. บทเรียนครั้งนี้ อย่าเมาก่อนไปออกทริปดำน้ำ
จะเป็นเรือแบบนี้มีคนเรือคุมลำละ 2 คนทุกลำ คนขับเรือต้องมีใบอนุญาติทุกคน ไกด์ต้องมีใบอนุญาติ จดรายชื่อ ทำประกัน เซ็นยินยอมลงเรือทุกครั้ง และคนขับเรือต้องถือเอกสารนั้นติดเรือไปใส่ในซองกันน้ำอย่างดี เผื่อเกิดอุบัติเหตุจะได้หาครอบครัวถูก แพรว่าเค้ารอบครอบและรัดกุมดีน่ะ สิ่งที่ไทยไม่มีเวลาเกิดอุบัติเหตุก็ติดต่อญาติมารับศพไม่เจอ
รูปกับน้องมีแค่นี้จบทริปนี้ อยากไปเรียน freedriving เลยดำน้ำไม่เป็น ดำไม่ได้บึก ดำไม่ได้นาน และน้องอยู่ลึกมากประมาณ 20 เมตรได้ ไกลมากว่ายนานมาก และน้องหนีไปเร็วมากนึกว่าบินไป T.T
Virgin island นางก็เป็นเกาะเล็กๆ มีหาดกว่างมาก กลางหาดก็จะมีชาวบ้านมาขายของให้นักท่องเที่ยว น้ำว่ายไม่ได้เพราะมันตื่นมาก
จบ one day trip เวลาประมาณ 11:45 เราก็มุ่งไปโรงแรม เอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วมุ่งหน้าไปที่พักคืนสุดท้าย เราจองผ่านเว็ป Airbnb เป็นเหมือนคอนโด มีครัว ห้องรับแขก ห้องนอน สระว่ายน้ำ หอง sea view และที่สำคัญใกล้ท่าเรือมากๆ หลังจากถึงที่พักเราเก็บของพักนิดหน่อยแล้วออกไปเที่ยวต่อ
Hinagdanan Cave เป็นถ้ำที่อยู่ใต้ดินซึ่งว่ายน้ำได้ แต่ลึกมากๆ เค้าจะให้ใส่ชูชีพถ้าว่ายน้ำ ค่าเข้า 70 เปโซ/คน ใส่ชูชีพ 150 เปโซ ตรงนี้ไม่มีอะไรมากแต่แวะมาเก็บสถานที่
เป็นเวลา 11:50 นาที จากนั้นเราก็ขับรถหาหาดนอนชิวๆ หาร้านกินข้าว เรามาตามแผนที่ที่หาด Dumaluan beach ในละแวกเดียวกับ Alona Beach หาดสวยมาก ทรายขาว สะอาดคงเป็นเพราะโรงแรมเค้าดูแล เพราะที่นี่เป็น private beach มีค่าเข้าหาดคนละ 50 เปโซ
ขอบคุณนายแบบและนางแบบทุกคน
จบทริปวันนี้เรากลับไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ที่พักของเรา พักเอาแรง 2 ชั่วโมงแล้วออกไปกินข้าวแบบชิวๆ ชิงสุดของทริปแล้วเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาก แฟนป่วยไปเลย 555 เก่งดีนัก
เช้าวันรถ่งขึ้นเราเดินทางแต่เช้า เอารถไปส่งแล้วก็มุ่งหน้าไป Cebu บินกลับมนิลาและกรุงเทพในที่สุด
**** ให้เผื่อเวลาไว้ 2-3 ชั่วโมง เราเผื่อ 4 ชั่วโมงแทบจะได้วิ่งขึ้นเครื่อง เพราะทางเข้าสนามบินต้องต่อคิวสแกนกระเป๋ายาวมาก และสแกน 2 รอบ ไปเสียเวลาตรง ตม. อีก 1 ชั่วโมงเพราะคนเยอะ ดูเอาตามรูปจ้า มาฟิลิปปินส์เผื่อไว้เยอะๆ ก็ดีน่ะ
ที่อยู่ที่แนะนำ
อิงตามความสะดวกสบายนักท่องเที่ยวเยอะ เพราะถ้าที่ไหนไม่มีนักท่องเที่ยวมันตะเงียบป่าช้ามาก ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ร้านขายน้ำ
Cebu
Badain
Moalboal
Oslob
Siquijor
San Jaun
Larena
Lazi
Bohol
Panglao
Dumaluan beach
Alona Beach
Tagbilaran