ทดสอบประสิทธิภาพ YSL All Hours Foundation ไปดำน้ำจะรอดมั้ย

ต้องบอกก่อนเลยว่าในที่สุดก็มีโอกาสได้ลองรองพื้น YSL All Hours ที่ขายดีอันดับ 1 แสนโด่งดังสักที ต้องขอขอบคุณ YSL Thailand ที่ส่งมาให้เราลองใช้ด้วยนะครับ

เริ่มเลยละกัน ... ใครที่ชอบเรื่องบิวตี้คงไม่พลาดที่จะรู้จักกับ YSL All Hours Foundation อย่างแน่นอน สารภาพว่าแอบ ๆ ดูรีวิวของคนอื่นมาบ้างตั้งแต่ช่วงที่ออกมาใหม่ ๆ ความคิดเห็นของแต่ละท่านก็แตกต่างกันไป แต่ก็อย่างว่าผิวใครก็ผิวใครมันเหมือนกันซะที่ไหน และเราก็ได้มาทดลองใช้สักที  

YSL All Hours Foundation มีจุดเด่นอยู่ทั้งหมด 5 ประการ

1. งานผิว ใช้แล้วรู้สึกสบายผิว ไม่หนักหน้า

2. ปกปิด สามารถปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้า. ได้อย่างดีเยี่ยม

3. คุมมัน ควบคุมความมันส่วนเกินได้ดี

4. ติดทน 24 ชั่วโมง ติดทนนานพร้อมรบกับทุกกิจกรรม

5. เนื้อแมตต์ ไม่มันเยิ้ม

เคลมขนาดนี้เจอซัมเมอร์ไทยแลนด์เข้าไปจะรอดหรอ เดี๋ยวเรามาพิสูจน์กัน

จุดเด่นอีกจุดที่เราว่า รองพื้นทุกแบรนด์ควรทำคือการแบ่งแยกเฉดสี ให้การเลือกเฉดสีง่ายกับตัวผู้ใช้มากขึ้น ในไลน์ All Hours มีเฉดสีมากถึง 29 เฉดสี แบ่งตามอันเดอร์โดนของผิว โดยแบ่งเป็น 3 อันเดอร์โทน

B (Beige) สำหรับผิวโทนสีกลาง ๆ ไม่เหลือง ไม่ชมพู หรือ เรียกอีกอย่างว่า “Neutral Tone” ประกอบไปด้วย B10, B20, B30, B40, B45, B50, B60, B65, B70, B75, B80, B90

BR (Rosy Beige) สำหรับผิวโทนชมพู หรือเรียกอีกอย่างว่า “Cool Tone” ประกอบไปด้วย BR10, BR20, BR30, BR40, BR50

BD (Golden Beige) สำหรับผิวโทนเหลือง หรือเรียกอีกอย่างว่า “Warm Tone” ประกอบไปด้วย BD10, BD20, BD25, BD30, BD35, BD40, BD45, BD50, BD55, BD60, BD65, BD70 

แต่.... อีกปัญหาหนึ่งที่มักจะประสบพบเจอกับรองพื้นที่เฉดเยอะ ๆ คือ “แล้วฉันต้องใช้สีอะไร” YSL คือตอบโจทย์มากในการแบ่งแยกตามอันเดอร์โทน เฉดสีเยอะขนาดนนี้แต่เลือกไม่ยากเลยอันดับแรกคือต้องรู้อันเดอร์โทนก่อน แล้วค่อยเลือกระดับสีผิว ส่วนตัวเรานั้นได้ทำการเทสและพบว่า เราเป็นมนุษย์ “BD45” เป็นสีที่กำลังพอดีในช่วงนั้น

ต่อจากนี้จะเป็นการเปรียบเทียบกันเป็นกันเป็นข้อ ๆ เลยตามที่เขาเคลมไว้

1. งานผิว อันนี้เราให้นะ เพราะเค้าสามารถทำให้หนาก็ได้ ให้บางก็ได้ ขึ้นอยู่กับวิธีการทา ผิวก็กูแมตต์ขึ้นแต่ไม่ได้ดูแบนไปหมด ยังมีมิติอยู่ และสบายหน้า ไม่รู้สึกหนึบ ๆ แต่เขาค่อนข้างเซ็ตตัวไวนิดนึง แต่ยังมีเวลาให้เวิร์กกับผิว ไม่แนะนำให้แต้ม 5 จุด เราบอกเลยว่าการแต้ม 5 จุดสำหรับเราเป็นอะไรที่ไร้สาระมาก ควรเวิร์กเป็นส่วน ๆไปจะดีกว่า

2. ปกปิด รองพื้นเคลมมาว่าเป็น medium - full coverage ซึ่งสำหรับเรา ที่ผิวมีรอยสงครามเนี่ย ก็จริง! เขาปกปิดได้ดีเลย แต่จะมีอยู่จุด 2 จุดที่มันเข้มจริง ๆ ต้องใช้คอนซีลเลอร์ มาช่วยอีกแรง

 
3. คุมมัน สำหรับเราที่หน้ามันมาก ๆ เขาคุมมันได้กลาง ๆ ยังคุมมันไม่เท่าตัวอื่น ๆ ที่เราเคยใช้ จึงเป็นตัวที่เราใช้ในวันที่ไม่ได้สมบุกสมบั่นเท่าไร ประมาณ 4 ชั่วโมงก็เริ่มมีความมันปรากฏขึ้นมาแล้ว อย่างว่า อากาศบ้านเราก็ร้อนระอุขนาดนั้น แนะนำให้ใช้คู่กับ instant pore refining primer ที่เราเคยรีวิวไป ก็จะยืดระยะเวลาออกไปอีก

4. ติดทน 24 ชั่วโมง ตัวนี้ขอไม่พูดมาก รอดูผลด้านล่างดีกว่า

 
5. เนื้อแมตต์ จะเห็นได้ชัดว่า เมื่อทาลงบนผิวแล้วความมันเงาดูลดน้อยลง 

เมื่อช่วงต้นเดือนเมษาที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ไปดำน้ำ ที่เกาะเต่า เราเลยพกน้องคนนี้ไปด้วย เพื่อทดลองให้เห็นกันจะ ๆ เลยว่า ทนจริงมั้ย เราแต่งเสร็จเวลาประมาณ 8.30 น. ที่เราไปดำน้ำมีทั้งหมด 5 สต็อป ใช้ชีวิตอยู่บนเรือตั้งแต่ 10 โมงจนถึง 6 โมงเย็น

หลังจากดำน้ำครบทุกจุดแล้ว เราได้ทำการเช็คและถ่ายรูปเอาไว้ จะเห็นได้เลยว่า รองพื้นมีหลุดออกไปบางส่วน แต่ไม่ได้หายไปหมด ตรงจุดที่หายไป จะเป็นบริเวณที่ต้องโดนสน็อกเกิ้ล ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มันต้องมีหลุดบ้างแต่คือยังไม่ได้หลุดไปทั้งหมด ในส่วนอื่น มีเฟดไปบ้างนิดเดียวแบบดูไม่ออกถ้าไม่มานั่งจ้อง เราก็ไม่คิดว่าจะทนขนาดว่าดำน้ำ 5 สต็อป เราลงทุกสต็อป ขึ้นมาจะยังอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ได้มีการลูบหน้าแต่อย่างใด มีแค่ช่วงที่ถอดและใส่สน็อกเกิ้ล (ตามรอยที่เห็น) เท่านั้น ใครหารองพื้นเล่นสงกรานต์ ไว้ใจได้เลย ถ้าคุณไม่โดนฉีดหน้าแรง ๆ หรือเอามือลูบหน้า คือไม่หลุดแน่นอน

เอาล่ะทีนี้ก็เห็นแล้วนะครับ ว่าประสิทธิภาพเป็นยังไง  พร้อมจะเสียเงินรับสงกรานต์กันหรือยัง

ราคา 2500 บาท ปริมาณ 30 ml.

หาได้ที่เค้าท์เตอร์ YSL ทุกสาขา และเว็บไซต์ของ YSL นะครับ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ถึงจะยาวหน่อยแต่เราก็อยากให้มันออกมาดี และตรงจุดที่สุด เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อของทุกคนนะครับ ไว้ติดตามต่อไปนะครับเราจะมารีวิวอะไรต่อไป...ของคุณครับ

#รองพื้นงานผิว

​#yslbeautyth