มหากาพย์ รีวิว น้ำตบยีสต์หมักเกาหลี 2019 | ตัวไหนดี ? ตัวไหนควรมี และคุ้มค่าที่สุด !!!

33 9
สวัสดีครับเพื่อนๆ Jeban ที่น่ารักทุกคนนะครับ
วันนี้เจมส์จะมารีวิว เป็นเครื่องสำอางเกาหลี ในหมวดหมู่ “ สกินแคร์ ” ครับ
และวันนี้เจมส์ได้หยิบเป็น น้ำตบ ขึ้นมารีวิวเปรียบเทียบกันเอง
โดยเลือกเป็น “ น้ำตบยีสต์หมัก

หรือที่ทุกคนอาจจะคุ้นหู ในชื่อ น้ำตบพิเทร่า กันนะครับ
แต่เจมส์ขอรีวิวเป็น พิเทร่าสัญชาติเกาหลี แล้วกันนะครับ

เนื่องจากส่วนตัวแล้ว เจมส์เองมีความชื่นชอบ เครื่องสำอางเกาหลี มากๆ
เลยมีโอกาสได้ลองใช้ ลองเล่นมาหลายตัว
วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ มารีวิวจากประสบการณ์ จากมุมมองของเจมส์ดูบ้างครับ
เผื่อเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนที่กำลังสนใจ
ก็จะได้รับข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจกันด้วย

วันนี้เจมส์ขอ นำเสนอเป็น แบรนด์ เกาหลี ทั้งหมด 4 แบรนด์นะครับ

โดยที่จะนำ 4 ยี่ห้อนี้มาเทียบ มาบอกกันชัดๆไปเลยครับ ว่าตัวไหนดี
ตัวไหนเนื้อเป็นยังไง ใช้แล้วผลลัพธ์ต่างไหมนะครับ
น้ำตบยีสต์หมัก ที่เจมส์ใช้นั้น มีด้วยกันทั้งหมด 4 ตัวนะครับ
ได้แก่ น้ำตบของ TONYMOLY + SCINIC + COSRX และ MISSHA ครับผม
โดยที่น้ำตบทั้ง 4 แบรนด์นี้ ก็มีข้อแตกต่างกันไปเล็กๆน้อยๆ นะครับ
จากที่เจมส์ได้ใช้มา ก็จะมาบอกแบบไม่มีกั๊กเลยนะครับ

แต่สำหรับใครที่ชอบดูรีวิว แบบ VDO นะครับ
เจมส์เองก็จะแปะไว้ให้เพื่อนดูด้วยนะครับ
ข้างล่างนี้เลย เพื่อนๆกด PLAY ดูได้เลยนะครับ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะครับ
เรามาเริ่มรีวิว น้ำตบเกาหลี กันเลยดีกว่าครับ มาเริ่มกันทีละตัว
ทีละยี่ห้อกันเลยดีกว่านะครับ
แล้วเดี๋ยวตอนท้ายเจมส์จะสรุปให้อีกทีนะครับ

-----------

แบรนด์แรก TONYMOLY
TONYMOLY Intense Care Galactomyces Lite Essence
ตัวนี้ดังมาก และฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองมาระยะใหญ่ๆ หลายปีแล้ว

คุณสมบัติ :
  • ให้ผิวกระจ่างสดใส
  • ช่วยให้ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น รูขุมขนแลดูเล็กลง
  • ลดเลือนความหมองคล้ำ และ จุดด่างดำต่างๆ
  • ช่วยลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่น
  • ช่วยบำรุงให้กลับมาเต่งตึง แลดูกระชับขึ้น 

Ingredients : Galactomyces Ferment Filtrate (96.5 %), Diglycerin, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Pentylene Glycol.


วิเคราะห์ส่วนผสม :
ตัวนี้ค่อนข้างเรียบง่ายครับ ส่วนผสมน้อย ที่เด่นๆก็คงเป็นตัว Galactomyces ที่ใส่มาเข้มข้น 96.5% เรียกได้ว่าเข้มข้นเลยทีเดียวครับ + สารดึงน้ำให้ผิวเติมความชุ่มชื่นแค่นั้น แล้วก็จะมี Silicone Wax ที่ละลายน้ำผสมเข้ามาด้วย 1 ตัว นั่นก็คือ Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane ถ้าใครไม่ถูกกับซิลิโคน แล้วอยากเลี่ยงก็อันนี้ก็เลี่ยงก็ได้ครับ, ในแง่ของสารแต่งกลิ่นก็ไม่มีนะครับ ตัวนี้ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสี แล้วก็ไม่มีสารกันเสียผสมเลยครับ
ความรู้สึกขณะใช้ :
น้ำตบ TONYMOLY สูตรน้ำเงินนี้บอกเลยว่าบางเบา “ Lite ” สมชื่อที่เขาตั้งมากๆ แทบจะเหมือนน้ำเปล่า กลิ่นก็ไม่มีจะเป็นเนื้อใสๆ เหลว ซึมไว ตบๆแปปเดียวหายไปแล้วจ้า ตัวนี้ Packaging ดูเหมือนเป็นขวดแก้วที่แข็งแรง แต่จะบอกว่าไม่ใช่เลย มันเป็นขวดเบาๆ แอบก๊องแก๊งเวลาที่เราใช้ เราจะรู้สึกเลยว่าทำไม ไม่ทำขวดแก้วดีๆไปเลย

ผลลัพธ์ :
ในแง่ของผลลัพธ์อันนี้โอเคครับ ชอบระดับนึงเลย เพราะผิวดูละเอียดขึ้นจริงๆ หน้าดูอิ่มฟูขึ้น วันไหนที่โทรมๆก็เหมือนหน้ามันเยียวยาตัวเองได้ดีขึ้นครับ รู้สึกได้ รูขุมขนอะไรก็คือละเอียดขึ้นมาก หน้าใสขึ้น แต่เสียอย่างเดียวไม่ค่อยขาว แล้วจะบอกว่าตัวนี้ค่อนข้างเห็นผลช้าสำหรับเจมส์ คือแรกๆแทบไม่รู้สึกว่าดีขึ้น คือต้องใช้เป็นประจำต่อเนื่อง ตบๆเช้า-เย็นทุกวัน ประมาณ 2-3 เดือนถึงจะเริ่มรู้สึกว่าเห็นผล ทั้งๆที่ Galactomyces ก็ใส่มาเข้มข้นตั้ง 96.5%

ราคาและปริมาณ :
1 ขวด ปริมาณอยู่ที่ 120 mL. / ราคา 1290 บาท แต่ก็จัดโปรค่อนข้างบ่อย เจมส์ได้มาในราคา 550 บาทงี้

เทียบราคา ต่อ ปริมาณ :
  • ราคาปกติ = 1 mL. : 10.75 บาท
  • ช่วงโปรฯ = 1 mL. : 4.58 บาท 

พิกัด ชี้เป้า :
มีขายที่ Watsons เลยจ้า อันนี้หาซื้อง่าย สะดวก


-----------

แบรนด์ต่อมา SCINIC
SCINIC First Treatment Essence
จะบอกว่าตัวนี้เค้าดังในเกาหลี เจมส์เลยซื้อมาลองใช้ดู
เห็นหน้ากล่องมีสติกเกอร์รางวัลจากเกาหลีด้วย

คุณสมบัติ :
  • ผิวขาวกระจ่างใส มีออร่า 
  • ผิวนุ่ม อิ่มน้ำ Makeup ติดหน้าดีขึ้น
  • ผิวเต่งตึงขึ้น ผิวกระชับขึ้น ดูอ่อนเยาว์
  • ปลอบประโลมผิวที่อักเสบ
  • ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ 
  • ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
  • รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น เนื้อผิวละเอียดขึ้น

Ingredients : Galactomyces Ferment Filtrate (90 %), Butylene Glycol, Glycereth-26, Niacinamide, Pentylene Glycol, Caprylhydroxamic Acid,  Adenosine, Sodium Citrate, Citric Acid, Disodium EDTA, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Water, Portulaca Oleracea Extract, Rubus Coreanus Fruit Extract, Sea Water.

วิเคราะห์ส่วนผสม :
จากส่วนผสมแน่นอนว่าต้องมีน้ำยีสต์หมัก หรือ เจ้า Galactomyces มาเป็นพระเอกและเขาใส่มาเข้มข้นเช่นกัน แบรนด์ SCINIC ใส่มาที่ 90% เลยครับ ก็คือ สามารถคาดหวังผลได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่เขาไม่ใช่จบแค่นั้น SCINIC ได้ใส่สารบำรุงต่างๆเข้ามาด้วยเรียกว่ายิ่งทำให้ผิวดีขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็น สารดึงน้ำให้ผิวกลุ่ม Glycol ต่างๆ + สารดึงน้ำอีก 1 ตัวที่น่าสนใจ ให้ Feeling ที่ดีและทำให้ผิวรู้สึกดีขึ้นอย่าง Glycereth-26 และตามมาด้วย Vitamin B3 หรือ Niacinamide ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ช่วยลดจุดด่างดำ ช่วยผิวอักเสบ ผิวแข็งแรงขึ้น + Adenosine สารออกฤทธิ์ในกลุ่ม Anti-Aging ที่จะเน้นให้พลังงานแก่เซลล์ผิว + น้ำรากชะเอมหรือ Licorice ที่จะช่วยต้านการอักเสบของผิว ลดระคายเคือง ลดรอยแดง และช่วยแก้ไขพวกจุดด่างดำ อีกทั้งเจ้าน้ำรากชะเอมเองก็มีคุณสมบัติเป็น Antioxidants ได้ด้วยเช่นกัน + สารสกัดจาก Portulaca หน้าที่หลักๆก็คือเน้นลดการระคายเคืองของผิวจากสิ่งเร้าต่างๆ เช่น มลภาวะ สารเคมี หรือแสงแดดก็ช่วยได้ และสามารถต้านการอักเสบของผิว ยิ่งไปกว่านั้นที่น่าสนใจคือเจ้า Portulaca จะมีสารสำคัญออกฤทธิ์ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิว จึงส่งผลเหมือนเป็นการกระตุ้นเซลล์ผิวให้ซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้นไปด้วย + สารสกัดจากผล Black Raspberry เกาหลี ตัวนี้จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบของผิว และกระตุ้นการสร้าง cell ผิวใหม่ + น้ำทะเล Sea Water ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นนั่นเอง

โดยรวมแล้วสารบำรุงผิวค่อนข้างครอบคลุมและหลากหลาย Function ทำให้น้ำตบ SCINIC คาดหวังผลได้ในเรื่องของ Whitening และ Anti-Aging ในส่วนของเบสพวกสารก่อระคายเคืองต่างๆ ตรงนี้ น้ำตบ SCINIC เขาไม่มีน้ำหอมครับ
ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีสี ที่สำคัญไม่มีซิลิโคน และสารกันเสียกลุ่ม Paraben ด้วยทำให้คนที่มีผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย สามารถใช้ได้เลย ปลอดภัยครับ
ความรู้สึกขณะใช้ :
ตัวนี้ไม่มีกลิ่น เหลวเหมือนน้ำเปล่า, แต่น้ำตบ SCINIC มีจุดเด่นและรู้สึกได้เลยว่า เนื้อเบาสบาย ตบๆแปปเดียวซึมหายไปเลย ซึมไว ไม่เหนียว ไม่เหนอะผิว คิดว่าใช้ได้ทุกสภาพผิวเลยครับ ในแง่ของขวด Packaging อันนี้เป็นขวดแก้ว ทำให้เรารู้สึกเลยว่าหรูหรา แข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง ชอบมากๆเลย ทำให้รู้สึกดีเวลาใช้

ผลลัพธ์ :
ตัวนี้เจมส์ใช้ทั้งเช้า-เย็นเลยครับ รู้สึกผิวละเอียดขึ้นมาก เริ่มเห็นผลชัดๆช่วง 10-14 วันแรกที่ได้ลองใช้เลย ด้วยความที่เขาเป็นน้ำตบ Galactomyces หรือ น้ำยีสต์หมัก 90 % และมีสารบำรุงต่างๆอีกมากมาย ตรงนี้ผิวรู้สึกเลยว่าแข็งแรงขึ้น จากเดิมที่รูขุมขนกว้างเป็นสิวบ่อย รอยสิวเต็มหน้า ตอนนี้คือ สิวหาย รอยหาย หน้าขาวกระจ่างใสขึ้นมากๆ รู้สึกยิ่งใช้ผิวยิ่งสุขภาพดีขึ้นเรื่องๆ พอใช้ต่อเนื่องเดือนกว่าๆผิวหน้าก็คือฟูขึ้น ริ้วรอยเส้นเล็กๆที่เกิดใหม่ก็หายไป รู้สึกดีมากๆ รักมากๆกับผลลัพธ์ที่ได้เหมือนช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในจริงๆ แต่งหน้าก็ไม่มีปัญหา Makeup ติดดีขึ้นหน้าเรียบแต่งหน้าง่ายขึ้นมาก Happy สุด

ราคาและปริมาณ :
1 ขวด ปริมาณอยู่ที่ 150 mL. / ราคา 1090 บาท แต่จะบอกว่า Watsons ชอบจัดโปรบ่อยๆ เช่น ลด50% หรือชิ้นที่ 2 บาทเดียวอันนี้เจมส์ก็ยอมรับเลยว่า ราคาเต็มก็ไม่สามารถทำใจจ่ายได้ไหว ดังนั้นพอมีโปร เจมส์ก็คือชอบหารกับเพื่อนก็จะได้ราคาถูก แค่นี้ก็ฟิน คือถ้าช่วงโปรโมชั่นจะตกขวดละ 545 บาท เอง

เทียบราคา ต่อ ปริมาณ :
  • ราคาปกติ = 1 mL. : 7.26 บาท
  • ช่วงโปรฯ = 1 mL. : 3.64 บาท (ถูกมากกกก คุ้มมากๆ แนะนำเลย)

พิกัด ชี้เป้า :
มีขายที่ Watsons และ Eveandboy เช่นกันครับ หาซื้อง่าย สะดวก


-----------

ต่อกันที่แบรนด์ที่ 3 คือ MISSHA
MISSHA Time Revolution The First Treatment Essence
[ Intensive Moist ]
ถือว่าเป็นอีกแบรนด์ที่คนพูดถึงเยอะมากครับ เลยตัดสินใจซื้อมาลองดู

คุณสมบัติ :
  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว
  • ยกกระชับผิว
  • เพิ่มความชุ่มชื่น
  • ให้ผิวขาวกระจ่างใส
  • จัดการริ้วรอย
  • ปรับสมดุลผิว
  • ฟื้นฟูเซลล์ผิว
  • ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ

Ingredients : Saccharomyces Ferment Filtrate (90 %), Bifida Ferment Lysate, Water, Diethoxyethyl Succinate, Niacinamide, Hordeum Distichon (Barley) Extract, Cassia Alata Leaf Extract, Glycerin, Dipropylene Glycol, Dimethicone, Polyquaternium-51, 1,2-Hexanediol, Adenosine, Lecithin, Lactic Acid, Acetic Acid, Phenoxyethanol, Potassium Sorbate.

วิเคราะห์ส่วนผสม :
จะบอกว่า MISSHA ต่างจากเพื่อนนิดหน่อย เขาเลือกใช้ยีสต์หรือเชื้อราหมักกันคนละตัวครับ แบรนด์อื่นๆเขาจะใช้เป็น Galactomyces Ferment Filtrate กันหมดแล้ว แต่เจ้านี้กลับเลือกใช้ Saccharomyces แทนครับ (ขอนอกเรื่องนิดนึงนะครับ สมัยก่อนที่ SK-II ดังใหม่ๆ ยุคแรกๆ SK-II เองได้ใช้ยีสต์ตัวนี้เป็นส่วนผสมนะครับ ยุคแรกๆแน่นอนว่าคนที่ใช้ดีก็คือดีไปเลย คนไหนแพ้ก็คือพังไปเลยเหมือนกัน เจมส์เลยเดาว่าเป็นเพราะเหตุนี้แบรนด์ญี่ปุ่นดังกล่าวจึงพัฒนาสูตรใหม่ ปรับมาใช้เป็น Galactomyces Ferment Filtrate ในปัจจุบัน แต่เจมส์ก็พยายามหาข้อมูลว่าทำไมเขาจึงเปลี่ยน ทางแบรนด์และชาวเน็ตก็แค่บอกว่าเขาไม่บอกเพราะเป็นความลับ)

มาวิเคราะห์กันต่อนะครับ MISSHA ใช้ Saccharomyces Ferment Filtrate 90% เจ้ายีสต์ตัวนี้มีคุณสมบัติคือ ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว (NMF=Natural Moisturizing Factors) เหมือนกับ Galactomyces ที่เป็นยีสต์ตัวใหม่ กระตุ้นการสร้าง Collagen ใต้ผิว บำรุงผิวล้ำลึกให้ผิวกลับมาอ่อนนุ่ม โดดเด่นเรื่อง Anti-Aging ช่วยผิวเก็บกินอนุมูลอิสระต่างๆ แถมยังเป็น Whitening ในตัวเพราะสามารถเข้าไปยับยั้ง Enzyme Tyrosinase ด้วยครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีรายงานว่าบางคนใช้แล้วก็คือแพ้ หน้าพังเหมือนกัน ยังไงก็ควรระวังในจุดนี้ด้วย + ยังไม่หมดแค่นั้นน้ำตบขวดนี้มีส่วนผสมอย่าง Bifida Ferment ถือเป็น Pro-Biotic ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากการโดนทำร้ายจากแสงแดด มลภาวะ + วิตามิน B3 ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น เสริมสร้าง Ceramide ในผิว ให้ผิวกระจ่างใส ยับยั้งการลอยตัวของเมลานิน + สารสกัดจากข้าวบาร์เลย์ สีม่วง จากเทือกเขาหิมาลัย ที่จะช่วยปลอบประโลมผิวที่แห้ง คัน ให้ผิวชุ่มชื่นจากภายใน แถมมีสารสีธรรมชาติจะช่วย Antioxidants ได้อีกด้วย + สารสกัดจากใบ Cassia Alata เน้นช่วยปกป้องและปรับสภาพผิวหลังโดนแดดทำร้าย หรือ อันตรายจากรังสี UV เซลล์ผิวฟื้นฟูไวขึ้น + Adenosine ให้พลังงานแก่เซลล์ผิว เป็น Anti-Aging
สรุปหลักๆช่วยให้ผิวชุ่มชื่น + Whitening + Anti-Aging เหมาะกับคนที่เริ่มกังวลเรื่องวัยที่มากขึ้นและคนที่เผชิญแดดบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเนื่องจากส่วนผสมของยีสต์ชนิดนี้อาจจะทำให้แพ้ได้มากกว่าตัวอื่นที่รีวิว, ในแง่ของเบสเครื่องสำอาง จะบอกว่าน้ำตบตัวนี้มี Silicone เป็นส่วนผสมนะครับ ใครอยากเลี่ยงก็สามารถเลี่ยงได้เลย เพราะเขาใช้ Dimethicone เนื้อก็อาจจะไม่ได้เบา มันจะเป็นฟิล์มมันๆเคลือบที่ผิว ส่วนนอกนั้นก็ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสี ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีสารกันเสียกลุ่ม Paraben นะครับ
ความรู้สึกขณะใช้ :
ตัวนี้อาจจะเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งนะครับ อย่างที่เขาเขียนไว้เลยด้วยสูตร “ Intensive Moist ” เวลาตบๆจะรู้สึกว่าเนื้อลื่นๆ มีฟิล์มมันๆเคลือบไว้เพราะนั่นคือ Silicone นั่นเอง แต่ลักษณะเนื้อก็ยังคงเป็นน้ำเหลวๆนะครับ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี คล้ายน้ำเปล่าอีกเช่นกันแต่จะมีเนื้อสัมผัสที่ต่างเล็กน้อยแค่นั้น, เรื่อง Packaging บอกเลยว่าชอบมากๆ ขวดแก้วหนักมีความแข็งแรง รูปทรงแปลกตาเป็นคล้ายๆวงรี วงกลมแบนๆ จับถนัดมือ หรูหรา ทุกครั้งที่หยิบใช้ก็คือรู้สึกดี

ผลลัพธ์ :
ต้องบอกก่อนว่าเจมส์โชคดีที่ไม่ได้แพ้นะครับ สำหรับตัวนี้เพราะตอนแรกที่ใช้ก็คือลุ้นเหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือดีเลย ชอบ รู้สึกตัวนี้ก็เห็นผลไวอีกตัวนึง ผิวละเอียดขึ้น ฟูขึ้น รูขุมขนดีขึ้น รอยแผลเป็น รอยสิวเก่าๆดีขึ้นไว แต่ด้วยความที่เนื้อเขาจะมีความมันๆเคลือบๆแปลกๆ เจมส์เลยเก็บไปใช้แค่ตอนกลางคืนอย่างเดียว ตบๆกลางวันแล้วไม่ชอบ Feeling เท่าไหร่ แต่ถ้าใครผิวแห้งไม่ค่อยเป็นสิวอยู่แล้วแนะนำ ตบๆ เช้า-เย็นได้เลยนะครับ แต่เจมส์เป็นมนุษย์สิว เจมส์ไม่ไหว ไม่สู้ ฮ่าๆๆ

ราคาและปริมาณ :
1 ขวด ปริมาณอยู่ที่ 150 mL. / ราคา 1345 บาท แต่ถ้าเจอร้านค้าออนไลน์ก็อาจจะได้ราคาต่ำกว่านี้หน่อย บวก ลบ กันไป

เทียบราคา ต่อ ปริมาณ :
  • ราคาปกติ = 1 mL. : 8.97 บาท

พิกัด ชี้เป้า :
เห็นมีขายที่ Eveandboy หรือ ต้องหาสั่งซื้อ Online เท่านั้น


-----------

ต่อกันที่แบรนด์ที่ 4 ตัวสุดท้าย คือ COSRX
แบรนด์เกาหลีแบบ minimal หน่อยๆไม่เน้นส่วนผสมอะไรมากมาย
เน้นปลอดภัย + เน้นบำรุง
แต่ !!! เจมส์จะบอกว่า เจมส์ผิดหวังกับตัวนี้อ่ะ
ปกติก็ชอบสินค้าของแบรนด์นี้หลายตัวนะ
COSRX Galactomyces 95 Tone Balancing Essence

คุณสมบัติ :
  • ช่วยปรับให้ผิวหน้ากระจ่างใส
  • ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื่น สุขภาพดี
  • ปรับสมดุลให้ผิวไม่มันเกินไป ไม่แห้งเกินไป
  • ลดเลือนริ้วรอย ให้ผิวฟูยืดหยุ่น
  • ผิวเรียบเนียนขึ้น ละเอียดขึ้น รูขุมขนกระชับ

Ingredients : Galactomyces Ferment Filtrate (95%), Niacinamide, Panthenol, Glycerin, 1,2-Hexanediol, Butylene Glycol, Betaine, Sodium Hyaluronate, Allantoin, Xanthan Gum, Ethyl Hexanediol, Adenosine.

วิเคราะห์ส่วนผสม :
ถ้าใครเคยใช้แบรนด์ COSRX แน่นอนว่าจะรู้ว่า เขาเน้นส่วนผสมที่เรียบง่าย เป็นมิตรกับผิว ตอนแรกเจมส์ดูส่วนผสมเจมส์ก็โอเคนะครับ แต่พอใช้จริงแล้วกลับไม่ค่อยชอบ ด้วยเบสส่วนผสมทางเครื่องสำอางที่ต่างจากน้ำตบตัวอื่นๆ, ตัวอื่นเป็นน้ำเหลวๆ แต่ตัวนี้กลับเป็นเจล ด้วยสารก่อเนื้อเจลอย่าง Xanthan Gum ทำให้เนื้อหนืดๆขึ้น + Sodium Hyaluronate ที่ดูดน้ำเข้าหาตัวเองพองตัวทำให้เนื้อก็มีความเป็นเจลหน่อยๆ + ยังไม่วายยังมีโปร-วิตามิน B5 หรือ Panthenol ที่ใส่มาคาดว่าน่าจะเข้มข้นในแง่บำรุงผิวมันดีนะครับ ช่วยปลอบประโลมผิว เน้นให้ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ผิวเยียวยาตัวเองเร็วขึ้น แต่มันก็แลกมากับเนื้อที่จะหนึบขึ้นถ้าใส่มาในเปอร์เซ็นต์ ที่สูงโดยรวมๆแล้วจึงทำให้น้ำตบยีสต์หมักตัวนี้กลายเป็นเนื้อเจล แนวเซรั่ม ไปเลยถ้าใครชอบอะไรที่ไม่เป็นน้ำเหลวๆเกินไปก็ คาดว่าน่าจะชอบครับ

ในแง่ของสารบำรุงผิว Active Ingredients หลักๆยังเป็น Galactomyces ที่เข้มข้น 95% ที่ช่วยผิวหลายๆประการอาทิ Anti-Aging + Whitening +ปรับสมดุลผิวต่างๆ + วิตามินบี 3 และ โปรวิตามินบี 5 + Adenosine ปิดท้าย, ตัวนี้ก็ยังคงอ่อนโยนระดับนึงเพราะเขาไม่มีสี ไม่มีน้ำหอมเช่นกัน และสารกันเสียกลุ่ม Paraben ก็คือไม่ใส่ แต่จะ Note. ไว้นิดนึงครับเพราะเขามีตัว Ethyl Hexanediol ผสมมาด้วย ซึ่งตัวนี้มีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา และปอดได้ในบางคน ถ้าใครแพ้พวก Hexane ก็ลองๆทดสอบดูก่อนหรือเลี่ยงๆไปใช้ตัวอื่นก็ได้ครับ
ความรู้สึกขณะใช้ :
ตัวนี้เจมส์ได้หยิบใช้น้อยมาก ด้วยเนื้อที่เป็นเจลๆ คล้ายเซรั่มเสียมากกว่าเลยไม่ค่อยชอบ แต่ถ้าใครมีผิวแห้ง ผิวที่ต้องการความชุ่มชื่นตัวนี้อาจจะตอบโจทย์ก็ได้ครับ เนื้อก็จะลื่นๆ ใช้นิดเดียวเกลี่ยทั่วหน้าแล้ว, ในแง่ Packaging ตัวนี้ขวดจะไม่เหมือนชาวบ้าน ตัวนี้จะเป็นขวดหัวปั้มครับ ข้อดีก็คือไม่หกเลอะเทอะ ควบคุมปริมาณได้ง่าย ก็ตรงนี้ชอบแต่ Packaging เนี่ยแหละครับสำหรับเจมส์

ผลลัพธ์ :
น้ำตบยีสต์หมัก COSRX ผลลัพธ์ที่ได้เจมส์อาจจะไม่ได้ใช้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความไม่ชอบส่วนตัว 
แต่สิ่งที่สังเกตได้หลักๆคือ ชุ่มชื้นดีมาก ผิวนุ่ม ลื่น ฟูขึ้น

ราคาและปริมาณ :
1 ขวด ปริมาณอยู่ที่ 100 mL. / ราคา 890 บาท ราคา บวก ลบ กันไปแล้วแต่ร้านในกรณีซื้อ Online

เทียบราคา ต่อ ปริมาณ :
  • ราคาปกติ = 1 mL. : 8.90 บาท

พิกัด ชี้เป้า :
ร้าน ALAND / ร้าน Style HAN และช่องทาง Online Shopping ต่างๆ


-----------

คราวนี้เจมส์ก็จะมาสรุป เป็นตารางสั้นๆเลยนะครับ
จากความรู้สึกของตัวเจมส์เอง ซึ่งแต่ละช่องจะเต็ม 10 คะแนน
โดยแยกเป็นแบรนด์ ดังนี้ TONYMOLY / SCINIC / MISSHA / COSRX ตามลำดับ
เอาจริงๆ 2 แบรนด์นี้กินกันไม่ลงครับ
บางอย่างอีกแบรนด์คะแนนก็มากกว่า บางอย่างก็น้อยกว่า
แต่ถ้าถามเจมส์จะซื้อตัวไหนซ้ำ แน่นอนครับของเลือกอันไหนที่คุ้มค่ากว่าจะดีกว่า
คุ้มค่าเงิน คุ้มค่าที่จะลงทุน
เพราะทุกตัวนี้ผลลัพธ์ค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกัน
คือผิวดีขึ้น ละเอียดขึ้น หน้าใสขึ้น หน้าฟูขึ้น เหมือนๆกัน

ด้วยความที่ส่วนผสม Active Ingredients ที่เป็นพระเอก นางเอก
ก็เหมือนๆคล้ายๆกัน

ดังนั้นเจมส์ก็ขอชี้เป้าไปที่ SCINIC ครับ เจมส์ชอบที่สุด
ด้วยเนื้อที่บางเบาสบายหน้าด้วย
Silicone ก็ไม่มีคนเป็นสิวแบบเจมส์ก็ยิ้มเลย
ว่าใช้แล้วจะไม่ต้องมานั่งกลัวอุดตันผิว
หาซื้อก็ง่าย สะดวก แค่เดินไป Watsons ก็คือได้แล้ว แถมมีโปรบ่อย
หารกับเพื่อนก็คือคุ้มสุด ตกขวดละ 500 นิดๆเอง
ผิวดีขึ้น หน้าสวยหล่อขึ้น แถมมีเงินเหลือใครจะไม่ชอบจริงไหมครับ ฮ่าๆๆ
วันนี้เจมส์ก็ขอมาแชร์ Tips การใช้ให้เห็นผลไวๆของน้ำตบยีสต์หมัก
น้ำตบพิเทร่า ต่างๆให้เพื่อนๆนะครับ
นั่นคือการใช้คู่กับ เม็ด Mask อัดเม็ด หรือจะใช้คู่กับสำลีแผ่นบางๆก็ได้
เทๆ น้ำตบ ใส่ Mask อัดเม็ด หรือสำลีให้ชุ่ม แล้วแปะที่หน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที
ทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
(เจมส์ชอบทำตอนเย็น ผิวที่ล้าๆ ผิวที่โดนแดดเผา ฟื้นฟูเร็วมาก ชอบมากๆครับ)
รับรองผิวดีขึ้นเยอะเลย  เอาไปลองใช้กันดูนะครับ
สุดท้ายนี้เจมส์แนะนำว่า น้ำตบพวกนี้ตบๆคอด้วยก็ได้นะครับ
จากที่เจมส์ใช้แต่หน้า ตอนนี้หน้าลอยคนละสีกับคอแล้ว

แต่ส่วนตัวแล้วตอนนี้รักผิวตัวเองมากขึ้น จากคนที่เป็นสิว ผิวไม่เรียบ
ตั้งแต่พอใช้พวกน้ำตบยีสต์หมักต่างๆ
ผิวก็คือเรียบขึ้นเยอะมากๆ ผิวดีขึ้นจริง Confirm !!!

หวังว่ารีวิวมหากาพย์ น้ำตบเกาหลี ในหมวดหมู่ “ น้ำตบยีสต์หมัก ” นี้
จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆที่กำลังสนใจ
หรือกำลังหาข้อมูลตัดสินใจอยู่ ไม่มากก็น้อยนะครับ

มีอะไรก็สามารถ Comment พูดคุยสอบถามกันได้เลยนะครับ
วันนี้เจมส์ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้
แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้านะครับ
ขอบคุณครับ

บ๊ายบาย


james_badbitch

james_badbitch

ชื่อ : เจมส์ ครับ | รักเครื่องสำอาง + สกินแคร์
สภาพผิว : หน้าผสมค่อนไปทางมัน และเป็นสิวเยอะ หน้าปุ

Cosmetic Scientist

------- >>
Email : jamesbadb.tch@gmail.com
Line : james_badbitch

FULL PROFILE