Galactomyces

เป็นสูตรที่ใช้แล้วชอบที่สุดแล้วในกลุ่มนี้ ตัวนี้คือยีตส์สายพันธุ์เดียวกันกับใน skll ซึ่ง ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น กระชับรูขุมขนได้ดีเลย ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วย แต่ไม่ให้ความชุ่มชื้นเท่าไหร่นัก แต่ใช่ร่วมกับสกินแคร์อื่นหน้าละเอียดขึ้นดีมาก

Galactomyces ตัวนี้จะเป็นน้ำเหลวๆเลย ใสกิ๊งงง ไม่มีกลิ่นอะไร เวลาทาลงบนหน้าจะไหลไวมาก ต้องรีบตะครุบทาเลยทีเดียว ตัวนี้จะซึมไว แห้งๆหน่อย ทาได้ทั้งเช้าและเย็น

ส่วนผสมของตัวนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจาก Galactomyces อย่างอื่นเช่น น้ำหอม แอลฯ สารบำรุง วิตามินอื่นๆอะไรไม่มีเลย Galactomyces 100%

Galactomyces คืออะไร?

มันคือยีสต์สายพันธุ์นึง ซึ่งประกอบไปด้วย กรดอะมิโน วิตามิน แร่ธาตุ กรดอินทรีย์ต่างๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการคงความเยาว์วัยของผิว ผิวใส ผิวโกลว และนุ่มมมม ซึ่งในskll ก็คือสายพันธุ์เดียวกันแต่เขาตั้งชื่อให้ว่า pitera นั่นเองจ้า

ใครใช้ได้บ้าง?

ใช้ได้หมด ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพผิว

ช่วยอะไรบ้าง?

ผิวเนียนละเอียดขึ้น ดูสม่ำเสมอ ผิวนุ่ม ผิวไบรท์ รูขุมขนกระชับ ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัย

เทคนิคการใช้?

ใช้ได้ทั้งเช้า/เย็น จากการทำลองใช้พบว่าหากใช้เดี่ยวๆจะเฉยๆมาก ผิวดูละเอียดขึ้นแต่ผิวไม่อิ่มฟูเลย จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่น จะเห็นผลดีกว่า ใช้เดี่ยว 6.5/10 ใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่น 8/10 ไม่เหมาะจะใช้เดี่ยว เหมาะใช้หลายๆขวด เสริมกัน

เทียบกับ some by mi?

เลือกยากมาก เพราะดีทั้งคู่ แต่ของ ซบม.จะให้ pure vitC มาด้วย ซึ่งมันทำให้เห็นผลเรื่องกระจ่างใสมากกว่าเยอะ ในแง่การทำให้ผิวเนียนอาจจะน้อยกว่า กมล. แต่ก็ยังช่วย ดังนั้น ใครชอบ all in one ก็ some by mi แต่ถ้าใครใช้วิตซีอื่นอยู่แล้วก็จัด graymelin ได้เลย

Bifida Fermentation 100%

ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวที่เหี่ยว แก่ ถูกทำร้ายจากรังสี เคลมว่าช่วยระดับ DNA นอกจากนี้ลดอาการแห้งขาดน้ำ ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มขึ้น เรียบเนียน ต่อต้านริ้วรอย 

ตัวนี้น้ำเหลวๆใสๆคล้าย กลตม. เลยนะ เวลาหยดทาจะไหลลงมาอย่างไว ตัวนี้ทาแล้วไม่หนักหน้าเท่าไหร่ ทาได้เลยทั้งเช้า/เย็น ทดลองใช้แล้วรู้สึกว่าช่วยให้หน้าเนียนขึ้น ดูแน่นขึ้นได้อยู่ ช่วยเรื่องรูขุมขน(แต่ต้องใช้ร่วมกับตัวอื่น) ไม่ช่วยเรื่องชุ่มชื้นเท่าไหร่

รอบกล่อง ... อ่านไม่ออกเลย 55555 แต่นั่นแหละ เป็น Bifida 100% (บางแหล่งแจ้งว่า 99% อีก 1% เป็นตัวทำละลาย)

ช่วยอะไรบ้าง?

สำหรับตัวนี้จากที่ลองใช้ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ดูผิวละเอียดขึ้น ช่วยรูขุมขนนิดหน่อย ไม่ให้ความชุ่มชื้นเท่าไหร่ น้อยมาก ความกระจ่างใสก็แทบไม่รู้สึกเลย ตัว กลตม. เห็นผลกระจ่างใสมากกว่า

เทคนิคการใช้?

ใช้ได้เช้า/เย็น ใช้เดี่ยวๆเฉยๆมาก ผิวดูละเอียดขึ้นแหละรู้สึกได้ใน 7 วัน แต่ความฟู ความอิ่มของผิวน้อยมากกกก ขอแนะนำอย่าหวังพึ่งพาสกินแคร์เพียงขวดเดียว ซื้อไปใช้ร่วมกับขวดอื่นนะคะ ไม่งั้นใช้ไปคงอยากเฟี้ยงงงงทิ้งงงง

เหมาะกับใคร?

เหมาะกับ มัธยม-มหาลัย มากกว่านะ หนูๆที่อยากบำรุงให้ผิวเนียนๆก็แนะนำ แต่ต้องใช้ร่วมกับตัวอื่นนะ ส่วนใคร 25 ไปแล้วก็อยากเชียร์ให้ไปเอสเต้มากกว่า ส่วนงบน้อยอยากใช้ ใช้ได้ แต่มันจะไม่ช่วยมากขนาดนั้น ใช้เสริมกับตัวอื่นจะช่วยได้ดี แต่คงเป็นตัวหลักให้ไม่ได้

เทียบกับ Estee / Genifique ?

ที่ดูมาสองตัวดังมี bifida ในส่วนผสม 10% แต่ใน graymelin มี 100% ไปเลย ซึ่งขอบอกตามตรงว่า % มากกว่าไม่ใช่ตัวการันตีว่าขวดนี้ดีกว่สขวดนั้นหรอกนะคะ เพราะได้ bifida มาอย่างเดียว แต่ผิวเราไม่ได้ต้องการแค่อาหารอย่างเดียวนึกออกไหม? แล้วพิสูจน์แล้วว่า ใช้ Graymelin Bifida ขวดเดียวนี่ไม่เวิค ได้แค่ความละเอียดขึ้น แต่เราจะไม่แฮปปี้กับผิวเราเท่าไหร่เลย ยังไงก็ใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นดีกว่า ผลลัพธ์ต่างกันมาก ใช้ร่วมกะสิ่งอื่นนะ หน้าฟู รูขุมขนกระชับ รวมพลังบำรุงหน้าทวีคูณเลยจ้า

สรุป Bifida ตัวเดียวกันจริง แต่จะเป็นตัวตายตัวแทนของ Estee / Genifique นั้นยังห่างชั้นกันมากจ้ะ ปล.มันมีเหตุผลที่เอสเต้และลังโคมครองบัลลังก์สกินแคร์ตัวฺท็อประดับโลกนะคะ

Asta Stemcell

ตัวนี้จะช่วยต่อต้านริ้วรอย ให้ความชุ่มชื้น ทำให้สภาพผิวบาลานซ์มากขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่น และเป็นอาหารผิวได้ดี ซึ่งตัวนี้ส่วนผสมที่ดีงามก็คือ Astazanthin ซึ่งบำรุงผิวได้ดีกว่าวิตามินทั่วไปถึง 500 เท่าคับโผ้มมม

คือตัวนี้จะดูแลผิวเราด้วย stemcell จากพืช หลักๆคือ Aloe/ทับทิม/เชียบัตเตอร์/ใบชา/olive oil และAstazanthin ซึ่งเป็นสารต้านอสุมูลอิสระที่ได้รับความนิยมสุดๆ(มีในแซลม่อนและคาเวียร์) เพราะช่วยต่อต้านริ้วรอย กันแก่กันเหี่ยวได้ดีมากกกก

ส่วน Astazanthin ในขวดนี้มาจากพวกกุ้งกั้งปู (โมเลกุลสีส้มๆแดงๆ) โดยรวมการทำงานของขวดนี้คือบำรุง และสร้างชั้นฟิล์มบางๆจาก stemcell ของพืช ช่วยปกป้องมลภาวะอนุมูลอิสระต่างๆจากภายนอก แต่พัฒนามาให้ซึมไว ไม่เหนียวเหน่อะหน่ะ นี่คืแข้อดีของตัวนี้

เซรั่มตัวนี้เป็นอีกขวดที่เราชอบค่อนข้างมาก ด้วยสารบำรุงต่างๆที่เน้นเรื่องต้านริ้วรอยและต้านอนุมูลอิสระ เซรั่มสีส้มๆของจริงคือน่าใช้มาก กลิ่นเหมือนสาหร่าย ตัวนี้เนื้อเซรั่มจะไม่เหลวขนาดสองตัวแรก แต่ตัวนี้เองก็เป็นเซรั่มที่เนื้อเบา ทาง่าย ไม่เหน่อะหน่ะ ทาวนไปค่ะ ชอบๆ

เหมาะกับใครบ้าง?

เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพผิว ช่วยบำรุงและปกป้องชั้นผิว ส่วนตัวเรามองว่าขวดนี้เหมือนอาหารผิว ป้อนอาหารดีๆให้ผิว ผิวก็ดี และตัวนี้ยังปรับบาลานซ์ให้ผิวด้วย หน้ามันมันน้อยลง หน้าแห้งแห้งน้อยลง ยิ่งสายต่อต้านริ้วรอยน่าโดนมากค่ะ

ทาตอนไหน?

ทาได้ เช้า เย็น ไม่เหนียว ไม่เมือก ทาได้ยาวๆ

เทคนิคการใช้?

เหมือนเดิมใช้ร่วมกับอะไรก็ได้ แต่อย่าใช้แค่ขวดเดียว สมมติว่าใช้ใน Graymelin เลือกกับคู่กับ Galactomyces หรือ Bifida อันใดอันนึง ใช้คู่ไปอบบนี้จะได้ความชุ่มชื้นมากขึ้น รวมถึงหน้าดูอ่อนล้าน้อยลง

Green Food

น้องผักสีเขียว ขวดนี้ก็ตามชื่อ Green Food Serum บำรุงผิวด้วยสารสกัดจากพืชผักสีเขียวทั้งหลาย สีน่ารักดี แต่คนไม่ชอบผักอย่างเราขนลุก  ตอนแรกจะไม่ซื้อแล้วนะ แต่ซื้อก็ได้! พอมาลองใช้ก็โอเคเลยนะ น้องเป็นอาหารผิวสายวิตามิน ช่วยให้ผลัดเซลล์ผิวเล็กๆ ทำให้ผิวดูอ่อนวัย

น้องผักขวดนี้เป็นเซรั่มสาย Purifying นะคะ ช่วยปรับบาลานซ์ผิว ซึ่งมีส่วนประกอบหลัก คือ Artemisia(โกฐจุฬาลัมพา) + Avocado + Broccoli + Camellia Sinensis Leaf (ใชชา) + Celery(ขึ้นฉ่าย) + spinach(ผักโขม) ซึ่งได้รับการรองว่าสารสกัดมาจากแหล่งกำเนิดธรรมชาติปลอดภัยตามใบสั่งแพทย์

เซรั่มของน้องคนนี้ในขวดจะเป็นสีเขียวน่ารักๆเนาะ แต่ว่าพอบีบขึ้นมาแล้วแทบไม่เห็นความเขียวเลย ดูใสๆเนาะ เนื่อไม่อเหลว กลตม/บฟด นะ เป็นเนื้อเซรั่มที่เบาทาง่าย หยดลงบนหน้าจะไม่ได้ไหลพรวดลงมาเลย กลิ่นน้องเค้าก็น่ารักดีนะ เหมือนมะนาวนิดๆ นิดเดียวจริงๆ

Graymelin ก็คือสกินแคร์เกาหลี เพื่อใครไม่รู้แต่กล่องข้ามีแต่ภาษาเกาหลี ปวดใจ กลายเป็นว่าต้องไปหาอ่านเอาตามเว็บขายสกินแคร์อื่นแทน ตัวนี้ไม่รู้จะพูดอะไรมาก เพราะไม่ค่อยอิน แรงจูงใจในส่วนผสมน้อยมากจริงๆ คือคนไม่ชอบผักอ่ะ อารมณ์ล้วนๆ

Collagen 90%

ช่วยทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น บำรุงผิว ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น รวมไปถึงเรียบเนียน อิ่มเต่งตึงดูอ่อนวัย ลดอัตราการเกิดริ้วรอย อาจจะได้ความไบรท์ด้วยนิดหน่อย ส่วนตัวใช้แล้วค่อนข้างชอบเลย

คอลลาเจนตัวนี้เนื้อใสๆ มีความหนืดแบบแอมพูล แต่เป็นแอมพูลที่ทาง่ายมากๆ ซึมไว สบายผิว ไม่เมือก ใช้ได้ชิวๆมากๆ ตัวนี้มีกลิ่นนะ บอกไม่ถูกว่าแบบไหนแต่เป็นมิตร ใช้แล้วตื่นมาผิวฟูดี

ปกติแล้วผิวเราก็มีคอลลาเจน มีอยู่ผิวเราอยู่แล้ว แต่พอโตขึ้นมันก็มีการเสื่อม อาจจะสร้างไม่ทัน เหี่ยวไวกว่าเดิม คอลลาเจนในชั้นผิวน้อยนั่นทำให้เราเหี่ยวนั่นเอง ดังนั้นการทาเติมมันลงไปในผิวก็จะช่วยเติมเต็มชั้นผิวให้ตึงกระชับมากยิ่งขึ้น คอลลาเจนทำให้ผิวเรานุ่มเหมือนผิวเด็กด้วยล่ะ

เนื่องจากว่าเจ้า Graymelin ไม่มีภาษาอังกฤษให้อ่านเลย ก็เลยต้องไปตามหาจากเว็บต่างๆแทน พบว่าในขวดนี้มีส่วนประกอบอื่นๆที่ดีๆอีก ช่วยให้ผิวเนียนเรียบ กระจ่างใส

ส่วนประกอบที่น่าสนใจคือ
Adenosine
Hydrolyzed Collagen
Lavender Oil
*ไม่มีแอลกอฮอล์ *ไม่มีน้ำหอม *ไม่มีพาราเบน

​
​

Hyaluronic Serum 100%

มาถึงสูตรสุดท้ายที่เราคุ้นเคย ไฮยาลูรอน ที่เราพร่ำบอกว่ามันจำเป็นอย่างยิ่ง ควรมีติดโต๊ะสกินแคร์ไว้ ไม่มีผิดหวัง เพราะไฮยาลูรอนเป็นตัวเติมน้ำให้กับผิวได้อย่างดีเยี่ยม ใช้แล้วผิวอิ่มฟู

ซึ่งตัวนี้จากทาง Graymelin ถือว่าทำได้ดี เพราะเนื้อเบาทาง่ายกว่าของ Coreana AทpleN เยอะ ทารวมกับตัวอื่นได้สบาย และสามารถซึมไปกับผิวได้ ไม่เคลือบหน้า

เจ้าตัว Hyaluronic Serum ตัวนี้ มีแต่ Hyaluron อย่างเดียวเลย 100% ไม่มีอย่างอื่นเจือปน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีอะไรอีกแล้ว เน้นไฮยาฯล้วนๆ แน่นๆ

เหมาะกับใคร?

เหมาะกับทุกคน ทุกคนควรมี Hyaluron ติดโต๊ะเครื่องแป้งนะ มันเป็นสกินแคร์ที่ช่วยให้ผิวเราอิ่มน้ำ ทำให้ผิวบาลานซ์ และภาพรวมทุกๆอย่างดีขึ้น

ไฮยาเจ้าไหนดีกว่ากัน?

ต้องเลือกตามความชอบของเรานะ จริงๆแต่ละยี่ห้อมีข้อดี ใครชอบแบบไหนไปตามหามาลองกันได้เลย แต่ถ้าให้เราพูดถึงตัวที่ฮอตฮิตอยู่ช่วงนี้ ก็คือ

Coreana AmpleN (Hya สูตรปกติ) จะเคลือบหน้ามากกกว่า แต่ก็ให้ความชุ่มชื้นดีมาก ใน1 ขวดของคอเรียน่า มีทั้งไฮยาและส่วนผสมอื่นๆที่สำคัญ รวมไปถึงเซราไมด์ด้วย ใครชอบแบบส่วนประกอบดีๆเยอะๆ เอาหลายๆด้าน คอเรียน่าคุ้มค่ามาก แต่ก็จะหนักหน้าหน่อย

Coreana AmpleN (Hya สูตร Light) ตัวนี้จะมีความใกล้เคียงกับ Hyaluron ของ Graymelin เนื้อเบาทาง่าย แต่จะให้ไฮยาฯมาถึง 7 ชนิด และให้ความรู้สึกเย็นสดชื่น

ส่วน Hya ของ Graymelin มีความเบาทางง่าย แต่ส่วนประกอบก็จะมีแค่ไฮยาแบบเดียวไม่มีส่วนผสมอื่นๆ

เลือกให้ตรงใจเลยค่ะ อย่าลืมคำนึงถึงการใช้งานในชีวิตจริง ใครไม่ชอบหนักๆ อยากนอนสบายๆก็ไม่เลือก graymelin ได้เลย

สารพัดความสงสัย ถาม-ตอบ? ใช้อะไรยังไงล่ะ 6 ขวด เริ่ม!!

ใช้อันไหนก่อนหลัง?
Galactomyces > Bifida > Green Food > Asta Stemcell > Collagen > Hyaluronic เราลงตามนี้ค่ะตัวไหนเหลวสุดลงก่อน เก็บชุ่มชื้นไว้สุดท้าย ลำดับด้านบนลำดับโดยเราเอง ไม่ใช่แบรนด์บอกแต่อย่างใด 
​
​​​ 

วิธีการเลือกซื้อ Graymelin?

เราแบ่งเจ้า 6 ขวดนี้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 2 ขวด ซึ่งให้ผลคล้ายๆกัน ทุกคนก็ลองอ่านดูว่า ในแต่ละกลุ่มชอบส่วนผสมแบบไหนมากกว่าแล้วก็เลือก จะได้ไม่ต้องซื้อ ที่ผลมันทับซ้อนกัน แต่ใครชอบทั้งหมดก็ซื้อเลย เพราะทา 6 ขวดก็รอด ซึมหายไปใน 1 ชม.จ้ะ

เด็กอ้วนจะเลือกยังไง?

เราเน้นต่อต้านริ้วรอยค่ะ ดังนั้นตัวที่ตอบโจทย์เราก็จะเป็น

A - Galactomyces ชอบกว่าเพราะได้ความไบรท์ด้วย ลองให้เทียบกับ bifida ครึ่งหน้า ชอบ กลตม. มากกว่า

B - Asta Stemcell ส่วนผสมเน้นต่อต้านอนุมูลอิสระ โดนใจ Anti-Aging

C - Collagen ผิวฟู ส่วนผสมดีกว่า กลิ่นหอมนิดๆ แล้วเราก็ยังไม่มีสกินแคร์ที่เน้น Collagen มาก่อน

ใช้แล้วเห็นผลไหม?

เห็นผลนะ โดยเฉพาะเรื่องการปรับผิวให้เนียนละเอียดขึ้น ลดความขรุขระ ความกร้านต่างๆ ทำให้ผิวดูเด็กลง รวมไปถึงเรื่องรูขุมขนด้วยรู้สึกกระชับขึ้นจริง แต่ข้อเสียคือไม่ค่อยให้ความชุ่มชื้นมาก ต่อให้ทาครบ 6 ตัว ผิวยังฟูได้ไม่เท่าคอเรียน่า แต่เรื่องผิวละเอียดดีกว่า