เปิดถุงช๊อปปิ้ง THREE #ผลขอการช๊อปแบบไร้สติมันเป็นแบบนี้นี่เอง

31 1
THREE เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่บูมใช้มานานมาก(ก.ไก้ล้านตัว) แต่เชื่อไหมว่าบูมไม่เคยได้ลองอย่างอื่นเลยนอกจาก THREE Ultimate Diaphanous Loose Powder ที่เป็นแป้ง Holy Grail ที่ใช้เมื่อไหร่ก็รอด และให้ผิวที่เป็นธรรมชาติ

แต่เมื่อล่าสุดที่บูมแวะไปช็อปปิ้งที่เค้าเตอร์ THREE ก็ได้รู้จักกับ Skincare, Makeup และ Hair Care ที่น่าสนใจหลายตัวด้วยกัน บางตัวแอบตกใจว่าเค้ามีด้วยหรอ! สุดท้ายเลยโดนไปตามระเบียบ เลยขอเอามาทำคลิปเปิดถุง Shopping เล็กๆ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยค๊าบ

วิถีของ THREE...

แบรนด์ THREE เป็นหนึ่งในหลายๆ แบรนด์ที่มีคอนเซ็ปท์ที่น่าสนใจ มีความหมายแฝงในชื่อแบรนด์โดยคำว่า THREE ในที่นี้สื่อถึงเลข "3" ที่ถึงแม้จะเรียบง่ายแต่ให้ความหมายลึกซึ้ง ด้วยปรัชญาในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามที่แตกต่างสำหรับผู้หญิงทุกคน อันเกิดจากแนวคิดหลัก 3 ประการ
  1. Natural : ฟื้นบำรุงผิวด้วยส่วนผสมที่ดีที่สุดจากธรรมชาติโดยมีส่วนผสมหลักคือเอสเซนเชียลออยล์ ที่นอกจากจะสามารถซึมซาบเข้าบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ยังช่วยปรับสมดุล จิตใจให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกมีความสุขเมื่อได้สัมผัสกลิ่นหอม 
  2. Honest : ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ทันสมัยของผลิตภัณฑ์ ความจริงใจ ซื่อสัตย์ ส่งมอบข้อ มูลผลิตภัณฑ์อย่างตรงไปตรงมาของแบรนด์ คืออีกหนึ่งปรัชญาความงามของ Three ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม รวมการความทุ่มเทในการค้นคว้าวิจัย และคัดสรรส่วนผสมจากธรรมชาติที่ดีที่สุดเพื่อฟื้นบำรุงผิว 
  3. Creative : เน้นการนำส่วนผสมที่ดีที่สุดจากธรรมชาติผสานเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัยเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามที่ตอบโจทย์ปัญหาของผู้หญิงอย่างไม่หยุดยั้ง

ไอเท็มที่ไปโดนมาอย่างไร้สติ...



1. THREE PRISTINE COMPLEXION POWDER FOUNDATION No.203 (1,750.- /12g)

แป้งผสมรองพื้นเนื้อบางเบา ผสานคุณค่าจากสารสกัดจากน้ำมันธรรมชาตินานาชนิด ให้การปกปิดระดับปานกลาง โดยส่วนตัวบูมว่าแป้งตลับนี้เหมาะกับมนุษย์ผิวผสม ที่ไม่ต้องการการปกปิดอะไรมากมาย หรือต้องการเผยผิวให้ลุค Make Up no Make Up อย่างเป็นธรรมชาติ
THREE PRISTINE COMPLEXION POWDER FOUNDATION มีทั้งหมด 8 เฉดสี ซึ่งสีที่บูมไปตำมาคือสี 203 โดยเจ้าแป้งตลับนี้มีความพิเศษตรงที่จะแบ่งเป็น 2 เนื้อด้วยกันคือ :
  1. Slender Matte : แป้งเนื้อแมท สัมผัสบางเบา เหมาะกับการลงทั้วใบหน้าเพื่อเซทรองพื้น หรือปกปิดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
  2. Slender Glow : แป้งผสมรองพื้น ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นไฮไลต์ เหมาะสำหรับลงเฉพาะจุด ให้ผิวดูเปล่งประกายอย่างมีมิติ


2. THREE PRISTINE COMPLEXION VEIL (1,600.- / 30g)


ไพรเมอร์เนื้อเจลสีพีช(สีสวยมาก ก.ไก่ล้านตัว) ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และเพิ่มชุ่มชื้นพร้อมลงรองพื้น หรือ แต่งหน้าในสเต็ปต่อไป....
จากที่บูมได้ลองใช้บูมรู้สึกว่าไพร์เมอร์หลอดนี้เข้ากันได้ดีกับ THREE PRISTINE COMPLEXION POWDER FOUNDATION ทำให้แป้งติดทนมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้ควบคุมมันนาจา ใครที่หน้ามันอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักจ้า


3. THREE Angelic Synthesis Foundation Serum (2,450.- / 30ml.)

ถ้าเพื่อนๆ ติดตามบูมคงพอจะรู้ว่าบูมไม่ใช่คนที่ใช้รองพื้นหรือแต่งหน้าอะไรมากมาย แต่...พอมาเจอแบรนด์นี้ทำเอาบูมเปลี่ยนความคิดไปเลยหละ ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา แถมยังเป็นสกินแคร์ในตัว ทำให้การแต่งหน้าเป็นอีกหนึ่งความสนุกที่บูมเริ่มหลงรัก
ความพิเศษของรองพื้นสูตรนี้คือความบางเบา บูมรู้สึกว่าทาแล้วผิวยังดูเป็นผิว แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม การปกปิดถือว่าอยู๋ในระดับปานกลางไม่ค่อยปกปิดอะไรมากเท่าไหร่นัก ใครที่มีรอยสิว หรือจุดด่างดำแล้วต้องการปกปิดอาจต้องใช้ Concealer ย้ำเฉพาะจุดอีก 1 Step และแน่นอนว่าไม่ได้คุมมันแต่อย่างใดฮะ


4. THREE Ultimate Diaphanous Loose Powder (1,950.- / 17g.)

อย่างที่บอกนี่คือแป้งฝุ่นที่เป็น Holy Grail ในดวงใจของบูมเลยหละ ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ช่วยเซทผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Skincare หรือ Make Up และที่สำคัญยังให้ผิวยังคงดูเป็นผิวอยู่ ไม่หนา หรือหนักจนเกินไป
ตัวแพ็คเกจทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีตาข่ายกรองแป้งที่คอนข้างละเอียด ที่สำคัญยังมาพร้อมกับพัฟขนาดพอดีมือ นุ่มละมุนกำลังดีทีเดียวหละ ถ้าจะติก็มีเพียงอย่างเดียวคือ.....ค่าตัวน้องเค้า "แพง" เอาเรื่องเลยหละ


5. THREE Purifying Clay Mask (2,300.- / 120g.)

จริงๆ แล้ววันนั้นบูมไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเจ้ามาส์กหลอดนี้เลยนะ แต่พอดีได้คุยกับทาง BA ว่าบูมมีปัญหาผิวผสม-มัน บางครั้งก็มันจะมีไขมันส่วนเกินที่ไปอุดตันรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวอุดตันอยู่บ่อยๆ ทางแบรนด์เลยแนะนำเจ้า THREE Purifying Clay Mask ให้บูมลอง โดยทางแบรนด์บอกว่าใช้แค่สัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

วิธีใช้ของบูมคือทาบริเวณ T-Zone ที่มีความมันเป็นพิเศษ แล้วทิ้งไว้ซัก 5-10 นาทีให้เนื้อผลิตภัณฑ์แห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แต่แนะนำว่าให้สังเกตุผิวในขณะใช้ดีๆ เพราะมาส์กในรูปแบบโคลนไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งจนเกินไป บางคนบูมเคยเห็นทาทิ้งไว้จนหน้านี่แตกเป็นผงๆ อันนี้ก็เกินไป - -"
ผลลัพธ์ที่ได้จากการมาส์กคือผิวสะอาดขึ้น ความมันบนผิวลดน้อยลง และยังทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นเล็กน้อยอีกด้วยหละฮะ

นี่แหละฮะคือทั้งหมดที่บูมได้ไปตำมาจากแบรนด์ THREE เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวกันทีเดียว แต่ความฟินนั้นคุ้มค่าจริงๆ ที่สำคัญยังเป็นการเปิดโลก ทำให้บูมได้เจอเมคอัพใหม่ๆ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และสภาพผิวของบูมในช่วงนี้

ยังไงก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ และอย่างที่บูมบอกตลอดมาบูมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้เฉพาะทางด้านนี้ เป็นแค่คนๆนั้นที่ชื่อชอบ Skincare & Makeup เท่านั้น หากมีส่วนไหนที่ผิดพลาดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และหากเพื่อนๆ ท่านใดมีคำแนะนำสามารถคอมเม้นท์บอกกันได้นะ ^^


Wanviset

Wanviset

✨ สวัสดีฮะ ชื่อบูม นะครับ ✨
สกินแคร์คือหนึ่งในความสุขเล็กๆ ของเราและด้วยความอยากรู้อยากลอง ชอบแชร์ทำให้เราลองเขียนบล็อกเล็กๆ ขึ้นมาฝากเพื่อนๆ ติดตามผลงานของเราด้วยน้า

FULL PROFILE