มารู้จักSubculture Group ในต่างประเทศกันเถอะ
candy 32 6
.
Honjok
เมื่อแปลตรงตัวแล้ว honjok น่าจะหมายถึงชนเผ่าผู้โดดเดี่ยว แต่นี่คือกลุ่มคนในสังคมเกาหลีที่หวงแหนความเป็นส่วนตัวและทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันตามลำพังสวนทางกับวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชาวเกาหลีให้ความสำคัญกับการจับกลุ่มเข้าสังคมเป็นที่สุด
หากคุณติดตามซีรีส์จากแดนกิมจิก็คงเคยชินกับภาพของสังคมที่ยึดมั่นกับลำดับความอาวุโส มนุษย์ทำงานเข้าร่วมสังสรรค์โดยที่รุ่นน้องต้องเทคแคร์รุ่นพี่ราวกับเป็นหน้าที่ คนรุ่นลูกที่ถูกบีบให้หาคู่ครองที่ถูกใจพ่อแม่ ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตให้ราบรื่นจะแขวนอยู่กับความคาดหวังของผู้อื่น บางคนอาจจะต้องรู้สึกฝืนความรู้สึกในการทำตัวให้กลมกลืนกับคนอื่น
ในทุกวันนี้ สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีกลุ่มคนที่เชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถมีชีวิตเป็นของตัวเองโดยไม่ยึดติดกับแพทเทิร์นการใช้ชีวิตที่ถูกผู้ใหญ่กำหนดให้ตั้งใจศึกษา หางานมั่นคง มีครอบครัวตอนอายุเหมาะสม ด้วยแนวคิดเกิดและตายเพียงหนเดียว หากจะไม่ได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองปรารถนาก็คงเสียชาติเกิด สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากอดีตทำให้พวกเขาเลิกล้มจะอุทิศทั้งชีวิตให้กับการทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่นคง แล้วหันมาให้สำคัญการสร้างความสุข บางคนอาจจะออกท่องเที่ยว หรือลงคอร์สเรียนในสิ่งที่สนใจโดยที่ไม่ยอมแบกรับความคาดหวังจากคนรุ่นก่อนอีกต่อไป
honjok จะใช้ชีวิตตามลำพังสวนทางกับค่านิยมการอยู่ร่วมกับครอบครัวจนกว่าจะแต่งงานแยกตัวออกไปของชาวเกาหลี และเมื่อไม่ต้องแชร์พื้นที่กับใคร honjok ที่นิยมการพึ่งพาตัวเองก็สามารถมีความสุขเงียบๆคนเดียวได้
ในทุกวันนี้ สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีกลุ่มคนที่เชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถมีชีวิตเป็นของตัวเองโดยไม่ยึดติดกับแพทเทิร์นการใช้ชีวิตที่ถูกผู้ใหญ่กำหนดให้ตั้งใจศึกษา หางานมั่นคง มีครอบครัวตอนอายุเหมาะสม ด้วยแนวคิดเกิดและตายเพียงหนเดียว หากจะไม่ได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองปรารถนาก็คงเสียชาติเกิด สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากอดีตทำให้พวกเขาเลิกล้มจะอุทิศทั้งชีวิตให้กับการทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่นคง แล้วหันมาให้สำคัญการสร้างความสุข บางคนอาจจะออกท่องเที่ยว หรือลงคอร์สเรียนในสิ่งที่สนใจโดยที่ไม่ยอมแบกรับความคาดหวังจากคนรุ่นก่อนอีกต่อไป
honjok จะใช้ชีวิตตามลำพังสวนทางกับค่านิยมการอยู่ร่วมกับครอบครัวจนกว่าจะแต่งงานแยกตัวออกไปของชาวเกาหลี และเมื่อไม่ต้องแชร์พื้นที่กับใคร honjok ที่นิยมการพึ่งพาตัวเองก็สามารถมีความสุขเงียบๆคนเดียวได้
Jang Jae Young, เจ้าของเว็บไซท์ honjok.me ได้เล่าให้ CNN ฟังถึงที่มาของวิถีชีวิตแบบสันโดษว่า
"พ่อแม่ของพวกเราพยายามทุ่มเทสร้างฐานะมาตลอด พวกเค้าต้องเสียสละตนเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวและสร้างรากฐานเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่มีความปรารถนาที่จะค้นหาตัวเองและมีความสุขโดยแท้จริง ถึงแม้จะหมายความว่าเราต้องอยู่คนเดียวก็ตาม"
Nina Ah ช่างภาพสาวจากโซลได้เปิดเผยต่อ CNN ถึงชีวิต honjok ที่เธอนำเสนอผ่านผลงานภาพถ่ายว่า
"มันเป็นเรื่องของการปล่อยวางค่ะ เราได้ใช้ชีวิตในยุคสมัยที่การทุ่มเททำงานหนักไม่ได้การันตีเรื่องความสุขอีกต่อไป แล้วทำไมเราไม่ควรจะหันมาทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างล่ะ"
"มันเป็นเรื่องของการปล่อยวางค่ะ เราได้ใช้ชีวิตในยุคสมัยที่การทุ่มเททำงานหนักไม่ได้การันตีเรื่องความสุขอีกต่อไป แล้วทำไมเราไม่ควรจะหันมาทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างล่ะ"
honsul คือหนึ่งในวิถีของ honjok การดื่มคนเดียวที่ฉีกไปจากภาพเดิมๆของชาวเกาหลีที่นิยมสังสรรค์เป็นกลุ่ม และได้ถูกนำเสนอผ่านซีรีส์มาแล้ว
การร่วมดื่มกับคนอื่นแต่ถูกรบกวนจนไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับรสสุราและกับแกล้มผลักดันให้เทรนด์ honsul เป็นที่นิยมมากขึ้น หลายร้านติดป้ายต้อนรับลูกค้าที่ต้องการมาดื่มตามลำพัง honjok อาจจะถูฏมองในแง่ร้ายว่าเป็นพวกต่อต้านสังคม ไม่รู้จักไหลตามน้ำ แต่พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะแคร์ขี้ปากคนอื่นน้อยลง และยึดความรู้สึกตัวเองให้มากขึ้น
หรือจะเป็น honbap =การกินคนเดียว จากแต่เดิมเป็นที่เข้าใจทั่วไปว่า ร้านอาหารประเภทเนื้อจะไม่เปิดรับลูกค้าที่ไม่ได้มาเป็นกลุ่ม แต่สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป มีคนจำนวนมากที่อาศัยอยู่คนเดียวและมีlifestyle ฉายเดี่ยวเป็นปกติ ก็เริ่มมีร้านอาหารที่ตอบโจทย์มากขึ้น จะกินเนื้อย่างชิลๆคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกแยกแล้ว
ความนิยมในการใช้ชีวิตตามลำพังนั้นมาแรงมากจนสื่อบันเทิงต้องคิดหา content มานำเสนอให้ทันกระแส ดังเช่นรายการ Little House in the Forest reality show ที่จับเอาคนดังระดับซุปตาร์มาอาศัยในกระท่อมที่ห่างไกลและพึ่งพาตัวเองด้วยวิถีที่เรียบง่าย
Paepi
มาจากการนำคำว่า fashion people มาดัดแปลงด้วยการออกเสียงแบบเกาหลี
ชื่อก็บอกตรงตัวอยู่แล้วค่ะว่าพวกเค้าเป็นคนรัก fashion แต่ paepi ไม่ใช่พวกที่วิ่งตามเทรนด์หรือต้องคอยทำอะไรเหมือนที่คนหมู่มากเค้าอินกัน youtuberชื่อดังจากเกาหลีเคยเล่าว่า คนที่บ้านเกิดของเธอไม่นิยมfashionโดดเด่นเน้นสีสันแรงๆ แต่จะเลือกอะไรที่ดูเป็นsafe zone อย่าง tone สีดำ ขาวหรือเบจ และชืนชอบเทรนด์ตามคนหมู่มาก ไม่ได้เน้นเรื่องการแสดงตัวตนที่แตกต่าง หากช่วงไหนที่ไอดอลขายดีหรือนักแสดงเปลี่ยนสีและทรงผมนำเทรนด์ ก็จะมีคน copyตามจนดูคล้ายกันไปหมด
แต่ paepi จะไม่ยอมคอยตามเพื่อให้กลมกลืนไปฝูงชน หลายครั้งพวกเค้าจะแสดงสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดแบบขบถต่อค่านิยมสังคม ดังเช่สาวในภาพที่โชว์รอยสักที่ต้นขาสวนกระแสอนุรักษ์นิยมที่ต่อต้านการสักเพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอันธพาล โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีรอยสักนั้นจะถูกคนตีค่าต่ำลง
แต่ paepi จะไม่ยอมคอยตามเพื่อให้กลมกลืนไปฝูงชน หลายครั้งพวกเค้าจะแสดงสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดแบบขบถต่อค่านิยมสังคม ดังเช่สาวในภาพที่โชว์รอยสักที่ต้นขาสวนกระแสอนุรักษ์นิยมที่ต่อต้านการสักเพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอันธพาล โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีรอยสักนั้นจะถูกคนตีค่าต่ำลง
คุณสามารถพบกับ paepi ได้ในตามทางเดิน Dongdaemun Design Plaza. ของSeoul Fashion Week พวกเค้าไม่หวาดหวั่นจากการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่อยากรู้อยากเห็น อันที่จริงแล้ว ผู้คนมากมายต่างก็คิดว่า paepi ตั้งใจแต่งกายมาเพื่อให้ฝูงชนได้ชื่นชมซะอ้วยซ้ำ
หลายคนอาจจะไม่ใช่นางแบบนายแบบอาชีพ แต่ตามท้องถนนก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก runway พวกเค้าสามารถโพสสวยๆได้ทุกหนทุกแห่งโดยไม่เขินอายช่างภาพแปลกหน้า
ในอดีต paepi ถูกมองเป้นพวกแปลกแยกที่แต่งกายแรงๆเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ทุกวันนี้ พวกเขาสามารถแสดงความสร้างสรรค์จนกลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนของวงการ fashion ที่เกาหลีได้ แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็อยากมาเป็น paepi ด้วย
Fujoshi
มันน่าเจ็บใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าคนญี่ปุ่นตั้งชื่อให้กับกลุ่ม fandom ของ ฺBoy love หรือ Yaoi ให้มีความหมายตรงกับ "ผู้หญิงเน่า" ด้วยความคิดเสียดสีว่า สาวๆที่คลั่งไคล้ชายรักร่วมเพศก็เปรียบเหมือนของเน่าที่เสียหายไปเปล่าโดยที่พลาดโอกาสการเข้าประตูวิวาห์
แต่แม้ว่าจะถูกเรียกว่าเป็นสาวเน่า ขนาดประชากร Fujoshi นั้นเจริญเติบโตพุ่งพรวดไม่ยอมหยุดชะงัด และยังแพร่หลายมายังที่ประเทศอื่นๆ และกลายเป็น community ที่ strong มากจนต้องมี event ใหญ่อลังการมารองรับ
หากเป็นบ้านเรา ชื่อเรียกว่าสาว Y อาจจะฟังดูน่ารักขึ้นมาหน่อย แต่คนนอกก็อาจจะมองด้วยความสับสนว่า เพราะเหตุใดพวกเธอเหล่านี้จึงหลงไหลในเรื่องชายรักชายมากมาย Fujoshi หมกมุ่นกับการสะสมผลงานที่เกี่ยวกับความรักเกย์หนุ่ม ทั้งนิยาย โดจิน และการแสดงของคน พวกเธอสามารถสร้างจินตนาการลึกล้ำกับผู้ชายที่พบในชีวิตจริง และหลายคนยังมีแรงผลักดันในการสร้างผลงานเป็นของตัวเองหรือที่เรียกว่าDoujinshi และพัฒนาฝีมือจนสามารถวางจำหน่ายในชุมชน Fujoshi ด้วยกันใน eventใหญ่อย่าง comiket
หากเป็นบ้านเรา ชื่อเรียกว่าสาว Y อาจจะฟังดูน่ารักขึ้นมาหน่อย แต่คนนอกก็อาจจะมองด้วยความสับสนว่า เพราะเหตุใดพวกเธอเหล่านี้จึงหลงไหลในเรื่องชายรักชายมากมาย Fujoshi หมกมุ่นกับการสะสมผลงานที่เกี่ยวกับความรักเกย์หนุ่ม ทั้งนิยาย โดจิน และการแสดงของคน พวกเธอสามารถสร้างจินตนาการลึกล้ำกับผู้ชายที่พบในชีวิตจริง และหลายคนยังมีแรงผลักดันในการสร้างผลงานเป็นของตัวเองหรือที่เรียกว่าDoujinshi และพัฒนาฝีมือจนสามารถวางจำหน่ายในชุมชน Fujoshi ด้วยกันใน eventใหญ่อย่าง comiket
การตลาดสำหรับสาว Y นั้นไปไกลขาดที่มีการสร้าง cafe ขึ้นมารองรับลูกค้าที่ต้องการจะship พนักงานในชุดนักเรียน เป็น cafe ที่คุณลูกค้าไม่ต้องการคำพูดปากหวานเอาใจ แต่ฟินเมื่อได้เห็นหนุ่มๆเค้าสวีทกันเอง
นอกจากจะมีการ์ตูนและนิยายไว้รองรับจินตนาการอันลึกล้ำ ก็ยังมีการคิดค้นสื่อต่างๆไว้เอาใจชาว Y ให้ฟินกันมากขึ้นไปอีก ดังเช่น Boys Love game
Fujoshi รายหนึ่งได้เปิดเผยว่า Yaoi คือความสวยงามที่เกิดขึ้นได้ยากในสังคมญี่ปุ่น ในชีวิตจริง พวกเธอจะไม่ได้เห็นหนุ่มหล่อแบบเมะ (ฝ่ายรุก) และเคะ (ฝ่ายรับ) แสดงความรักกันอย่างหวานซึ้ง ด้วยค่านิยมในสังคมที่ยังไม่ได้ยอมรับเรื่องรักร่วมเพศอย่างเต็มที่ พวกเธอค้นพบโลกลี้ลับที่สร้างความ romantic ที่แยกจากความเป็นจริงจนดำดิ่งลงไปไม่สามารถถอนตัวออกมาได้
มีการวิเคราะห์ว่า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ fujoshi กลายเป็นชุมชนที่แข็งแกร่งก็มาจากความหลงไหลในโลกที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นวัตถุทางเพศ แต่พวกเธอเป็นผู้กำหนดเรื่องราว romance ได้เองโดยที่ไม่รู้สึกเหมือนผู้ถูกกกระทำ
Binlang girls
ถ้ามีคนพูดคำว่า "สาวขายหมาก"ขึ้นมา จินตนาการของพวกเราคงไม่ใกล้เคียงกับ binlang girls ที่ไต้หวัน
เพราะ binlang girls หรือสาวขายหมากไต้หวันนั้นใช้สไตล์การแต่งกายที่ไม่ต่างจาก stripperเพื่อดึงดูดลูกค้า พวกเธอจะนั่งในห้องกระจกรอผู้สัญจรไปมาเรียกซื้อถั่วและบุหรี่ เมื่อได้รับสัญญาณก๋จะวิ่งบนส้นสูงอย่างคล่องแคล่วเพื่อขายสินค้า
ดีกรีของชุดจะมีทั้งแบบวับๆแวมๆ แต่ถ้าร้านไหนมีสาวใจถึง ก็จะประชันกันด้วยชุดที่ไม่ต่างกับชุดชั้นชั้นในไปจนถึงอะไรที่หมิ่นเหม่ใกล้เส้นความเปลือย เกี่ยวสายแค่นิดเดียวก็คงหลุดออกมาหมด
คงไม่ต้องคาดเดากันว่า สาวๆเหล่านี้ ยอมเปิดเผยสัดส่วนทีริมท้องถนนก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างที่สูงกว่าการทำงานรับจ้างทั่วไป เพราะเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพารูปร่างหน้าตาของอันสวยสดเธอจึงไม่สามารถทำงานนี้แบบ long term ได้ หากแายุเกิน 30 ก็ต้องถอนตัวจากวงการขายหมากซะแล้ว ทั้งยังต้องเผชิญคำดูแคลนเปรียบเทียบกับผู้หญิงขายบริการและสายตาโลมเลียและพฤติกรรมลวนลามจากลูกค้าชาย
แม้รัฐบาลจะมีโครงการรณรงค์ชักชวนให้คนไต้หวันเลิกเคี้ยวหมากซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งในช่องปาก แต่วัฒนธรรมนี้ได้ฝังรากลึกมายาวนานจนยากที่จะแยกออกจากสังคมได้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตนับพันจากมะเร็งช่องปากนั้นไม่ได้สร้างความลังเลใจให้ชายผู้ใช้แรงงานที่เป็นตลาดผู้บริโภคหลักเลย แม้แต่ binlang girls จึงเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของไต้หวัน ทั้งๆที่มีคนจำนวนมากที่มองพวกเธอด้วยสายตาอันติเตียน เจ้าหน้าที่ต้องคอยตระเวนตักเตือนและปรับสาวขายหมากและเจ้าของกิจการที่่ข้ามเส้นความ sexy ไปเป็นความอนาจาร
ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รัฐจึงผลักดันมาตรการban สาวขายหมาออกจากเมืองใหญ่ จากที่เคยมีร้านขายหมากที่ใช้หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยเรียกลูกค้าอยู่นับแสนแห่ง ตอนนี้ก็ลดจำนวนลงไปครึ่งค่อนเลยทีเดียว
สาวขายหมากยังเป็นขวัญใจของชายใช้แรงงานอย่างคนขับรถบรรทุกและแท็กซี่ แต่ถึงแม้จะเริ่มแต่งกายมิดชิดมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้พ้นไปจากความเสี่ยงถูกล่วงละเมิดทางเพศ Sha Tang สาวขายหมากที่ Taoyuanได้เล่าให้ Aljazeera ฟังว่า พวกเธอจะถูกลวนลาม และลูกค้าชายบางคนก็ยังโชว์ของสงวนให้ตกใจมาแล้วหลายครั้ง
The End