? [ #ผิวมัน #เป็นสิว ทำไมควรลอง face oil ? 

พร้อมแนะนำ Top 5 Face Oil ที่เนตชอบค่ะ] ?

แต่เพื่อนๆ หลายๆ คน อาจจะยังไม่เปิดใจ เพราะตัวเองเป็นคนผิวมันเป็นสิวง่าย

 จะเกิดการอุดตัน และยิ่งทำให้หน้ามันหรือไม่ ? 

เพื่อน ๆ มาลองอ่านกันดูค่ะ เผื่อจะลองเปิดใจกันนะ 

 ในความเป็นจริงแล้ว Face Oil สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวค่ะ ดังนั้นผิวมัน หรือคนเป็นสิว ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน #โดยประโยชน์ ของ face oil

 คร่าวๆ โดยเฉพาะคนเป็นสิว ผิวมัน

?-ด้วยสาร antioxidants ปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด และมลภาวะต่างๆ ดังนั้นคนที่เป็นสิวก็จะลดการอักเสบจากการ induce ของรังสียูวี และมลภาวะได้ดี สิวจะไม่แดง ไม่ทิ้งรอยมากขึ้นค่ะ

?-ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ ผิวจึงคงความนุ่มชุ่มชื่น ไม่แห้งเสีย ยิดหยุ่นได้ดี นอกจากจะช่วยเรื่องริ้วรอยแล้ว การที่ผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ผิวจะแข็งแรง ผิวสมดุล จะยากต่อการเกิดปัญหาผิวหนังต่างๆ โดยเฉพาะสิวค่ะ

?-มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ลดอาการระคายเคืองผิว ซึ่งสามารถปลอบประโลมลดการอักเสบของสิวได้เช่นกันค่ะ ซึ่งหากการอักเสบน้อยลง การทิ้งรอยของสิวก็จะน้อยลงด้วยค่ะ มีหลายงานวิจัยที่บอกว่า Oil จะช่วยเรื่องฟื้นฟูผิว รอยสิวดีขึ้น ลดเลือนริ้วรอย และทำให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้นด้วย

?-ทำให้ผิวสมดุลขึ้น ทำให้ระหว่างวันผิวหน้าไม่มัน เพราะเมื่อมีน้ำมันที่ผิวอย่างสมดุล ผิวก็จะไม่ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากผิดปกติ และส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนจากรูขุมขนไม่ต้องเปิดกว้างเพื่อการขับน้ำมันออกมาค่ะ

? แต่อีก 1 ประเด็นที่น่าสนใจคือ เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ทราบแล้วว่าดีอย่างไร แต่ยังใช้ไม่ถูกวิธี ทำให้จะเจอปัญหา หน้าเยิ้ม มันผิว ซึ่งวิธีใช้ ง่ายมากๆ หยดแค่ 1-2 หยดลงบนฝ่ามือ เสร็จแล้ววอร์มออยโดยการถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วค่อยๆ กดฝ่ามือเข้าผิว จะพบว่าหน้าไม่เยิ้ม แต่กลับนุ่ม พร้อมการบำรุงขั้นตอนต่อไปได้เลยค่ะ

??ซึ่ง face oil เองก็มีหลายชนิด ทั้งแบบชนิดเดียว แบบผสม หลากหลายยี่ห้อมาก แม้แต่เนตเองก็ยังมีหลายขวดเลย เพราะรัก และชอบมากจริงๆ เลยอยากลองหลายแบบ ซึ่งก็พูดตรงๆ ว่ายังไม่เจออันไหนที่ไม่ชอบ แต่วันนี้ขอเลือก Top 5 Face Oil ที่เนตชอบก็มีดังนี้ ทั้งนี้ไม่ได้มีการเรียงลำดับอะไรนะคะ และนับเฉพาะที่ออกแบบมาเป็น Face Oil โดยเฉพาะเลย ไม่นับผลิตภัณฑ์ที่เป็น Oil in Serum ต่างๆ นะคะ ซึ่ง 5 ตัวก็มีดังนี้

"ขอพูดข้อดีสั้นๆ ใต้ caption 

แต่ละตัวเลยน้าค้า เลื่อนอ่านตามรูปเลยค่ะ ^^ "

Lhamour Anti Pollution Oil (1,3xx.-) 

“Lhamour” เป็นแบรนด์  Organic และ Handmadeจากประเทศมองโกเลียค่ะ ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเค้าคิดทุกมิติเพื่อธรรมชาติด้วย คือ Earth friendly ที่ดีกับผิว และดีกับโลกของเราด้วย Lhamour เลยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีทั้งที่อเมริกา ฮ่องกง และตอนนี้ก็เข้ามาที่ไทยแล้วค่ะ โดยเฉพาะตัว Anti Pollution Oil ค่ะ ซึ่งเนตเคยรีวิวเต็มๆไปแล้ว แต่วันนี้เอาแบบสรุปๆ ที่ชอบออยตัวนี้ เพราะชอบแนวคิดของเขา รวมถึง resouce ของตัว Oil เองที่ derived มาจากประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์ และมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่าง Mongolia ค่ะ ส่วนออยเองจะเป็น Sea Buckthorn Oil ค่ะ ซึ่งเด่นมากๆ เลย และหาได้ยากเหมือนกัน ซึ่งในตัว Sea Buckthorn Oil มีส่วนประกอบพวก Phytonutrients ดีๆ กว่า 100 ชนิด มีวิตามิน A C (ที่เยอะกว่าส้ม) E โอเมก้า 3 6 7 9 ซึ่งน่าจะเป็นน้ำมันชนิดเดียวที่มีครบ omega ครบทั้ง 4 ตัวนี้ค่ะ ทำให้ Sea Buckthorn Oil เป็น Antioxidants ที่ Powerful มาก ดังนั้นเค้าจะช่วยชะลอ Aging ของผิวได้ รวมถึงลดการทำลายผิวจากมลภาวะ หรือแสดงแดดได้นอกจาก Sea Buckthorn Oil แล้ว Lhamour ขวดนี้ยังมีน้ำมันอีก 2 ชนิดที่เนตรักมากกกกกก และพูดถึงบ่อยว่าคนเป็นสิว หรือเป็นรอยสิว สามารถใช้ได้นะ เพราะมันช่วยลดการอักเสบผิวได้ดี ลดรอยสิวได้ นั่นก็คือ Rose Hip Oil และ Squalane ค่ะ ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะช่วยทำให้ texture ผิวนุ่ม ยืดหยุ่นดี รวมถึงเพิ่มเกราะปกป้องผิว ให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้

 อีกจุดต้องบอกทุกคนคือ เค้ามีส่วนผสมของ Lemongrass Oil ทำให้จะมีกลิ่นตะไคร้ หากให้ไม่ชอบก็อาจจะต้องข้ามไปค่ะ แต่นอกนั้นคือ ดีมากๆ จริงๆ และราคาดีที่สุดในทั้ง 5 ตัวที่เอามาในวันนี้ค่ะ

Loccitane Immortelle Divine Youth Face Oil (2,4xx .-)

สำหรับขวดนี้ก็เป็นขวดที่เนตรักเช่นกัน เพราะความเนื้อเบามากๆ มากที่สุดในทั้ง 5 ตัวที่นำเสนอมาค่ะ เป็นน้ำมันจากธรรมชาติอย่างดอก Immortelle   ที่มีอนุมูลอิสระที่มีมากกว่าวิตามินE ถึง 2 เท่า ช่วยปลอบประโลมผิวจากการเผาไหม้ของแสงแดดและมลภาวะต่างๆ ได้ดี ถือเป็นการช่วยปกป้องผิวเสริมกับการทากันแดดอีกทีได้ดีค่ะ ตัว oil ยังมีคุณสมบัติลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ แล้วยังมี ส่วนผสมจากพืชอีกกว่า 7 ชนิด ที่มี high antioxidants เช่น Aplicot Oil (อุดมไปด้วย Omega 3,6,9 ที่จะทำให้ผิวยืดหยุ่น, ลดเลือนเริ้วรอย และทำให้ผิวชุ่มชื้น) และ Evening primrose oil ที่เสริมให้ ผิวแข็งแรง และนุ่มไปอีกค่ะ ใครที่อยากได้ออยเนื้อเบามากๆๆๆๆ ก็มาลอง Loccitane ได้ค่ะ

La Mer Renewal Oil (1x,xxx .-)

ใครที่ชอบ Face Oil และหลงใหลใน luxury skincare เนตว่าต้องไม่พลาดขวดนี้แน่ๆ เนตเองก็ 1 ในนั้นค่ะ ทั้งขวด ทั้งกลิ่น ทุกอย่างสมกับเป็น La Mer มีความ Luxury ทุกระเบียดนิ้วยันราคา 5555 แต่มันก็ดีจริงๆ ค่ะ เนื้อออยก็เบาเช่นกัน ข้อเด่นของตัวนี้คือ เค้าเอา Miracle Broth ตำนานของเค้าใส่มาด้วย โดยก่อนใช้ก็ต้องเขย่าให้ออย และ Miracle Broth ผสานเนื้อเดียวกันก่อน สำหรับเนตจะใบ้ออยตัวนี้เมื่อรู้สึกมีแผลสิวเยอะๆ หรือมีรอยแห้งแตกมากๆ เพราะผิวเนตถูกกับ Miracle Broth ค่ะ รู้สึกมันช่วยได้เยอะ แผลสิวสะเก็ดอะไรแบบนี้ หายได้ไวจริง ตัวออยของ La Mer จะเป็นส่วนผสมของออยหลายชนิด Limnanthes Alba seed Oil, Sweet Almond Oil, Sunflower oil, Seasame Oil, Cranberry Seed Oil ที่เสริมสร้าง skin barrier ให้แข็งแรง และ Retexturize ผิว และยังมีสารสกัดช่วยความแข็งแรงของผิวดีๆ อยู่เยอะ เช่น Yeast Extract,Magnolia Bark extract และมี Acetyl Hexapeptide-8 ที่โดดเด่นเรื่องให้ผิวยกกระชับ และริ้วรอยค่ะ อย่างไรก็ดี แม้ส่วนผสมบำรุงผิวจะมากมาย แต่ออยของ La Mer มีส่วนผสมของน้ำหอม สี และ alcohol ดังนั้นใครไม่ชอบอะไร กลัวแพ้อะไร ก็ไปลองก่อนนะคะ

Bobbi Brown Superblends Skin Clarifier NO.76 (1,9xx.-)

ขวดนี้เนตพึ่งได้ลองใช้ได้เดือนกว่าๆ ค่ะ เป็น Skincare แบรนด์ที่เนตชอบ  make up เค้ามาก และ Skincare เค้าก็ดีมากไม่แพ้กัน นั้นก็ Bobbi Brown ค่ะ ซึ่ง Superblends ของ Bobbi Brown ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ก่อนสกินแคร์ทุกตัว ใช้ระหว่าง ใช้ผสม หรือเตรียมผิวก่อน Make Up ก็ได้ โดยเนื้อ texture จะต้องดี สามารถนำมา Layer  ผิวได้ และแต่งหน้าต่อได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรที่เป็นเนื้อออย ที่เนื้อเบาสมกับชื่อ Superblends มีส่วนผสมดีๆ จาก Manuka Flower extract, Sea Buckthorn Oil, Rosehip Oil ที่เนตพูดถึงบ่อยมาก ว่าส่วนผสมเหล่านี้มี Fatty Acid ที่ดีต่อผิวทำให้ผิวเปล่งปลั่ง แข็งแรง เรียบเนียนละเอียด ปรับสมดุลความมันของผิวได้ หากใช้ติดต่อกันจะพบว่าผิวหน้ามันน้อยลง ดูเรียบเนียนขึ้น แม้แต่รอยสิว ริ้วรอยก็จะดูดีขึ้นด้วยค่ะ นอกจากนี้เค้ามีส่วนผสมของ Salicylic Acid ที่ช่วยลดการอุดตัน ลดปัญหาสิวได้ค่ะ สำหรับ Bobbi Brown ขวดนี้ ไม่มี Paraben , น้ำหอม หรือ Mineral Oil หรือส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันค่ะ แต่เนื่องจากเค้ามี Salicylic acid ดังนั้นไม่แนะนำให้คนท้องใช้นะคะ
 ___________________

Guerlain Abeille Royale Youth Watery Oil (5,xxx.-)

ตัวนี้ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ ถือเป็นอีก Alternative ที่เน้นส่วนผสมของ Bee products ในการบำรุงผิว ซึ่งแตกต่างจากออยชนิดอื่น ขอออกตัวก่อนว่า ตอนแรกไม่ได้ชอบมาก เพราะเห็นชื่อว่าเป็น Watery Oil ก็นึกว่าเนื้อจะเบามากๆ แต่สรุป ไม่ได้เบาเท่าตัวอื่นๆ ที่เนตบอกมา คือยังมีความหนึบผิวอยู่บ้าง ต้องรอซักพักผิวจะนุ่มนวลเลยค่ะ นพอใช้ติดต่อกัน เออ....มันก็ดีอยู่นะ ผิวนุ่มนวลเลยค่ะ และเนตเป็นคนชอบpackage ของเค้าที่เป็นหลอด dropper ยาวๆเล็กๆ เวลาใช้มันดูหรูหราดี 5555 ส่วนผสมหลักจะเป็นสารสกัดของ Quessant Black Bee Honey ที่เต็มไปด้วย Amino Acid รวมถึงน้ำตาล Fructose ช่วยให้การ Regenrate, Healing และ repair skin tissue ลดการอักเสบของผิวค่ะ ส่วนผสมของ Royal Jelly ที่เรารู้กันอยู่แล้วว่าอุดมเป็นด้วยสารอาหารมากมายเลย จนมีการเอามาทำเป็นยา และอาหารเสริม ก็ใส่มาในขวดนี้ด้วย ส่วนออยจะเป็น Commiphora Oil (หรือ myrrh oil ) ช่วยซ่อมแซมผิว ลดการอักเสบผิว และให้ผิวดู Youthful ขึ้นนั้นเอง เช่นกันค่ะตัวนี้เป็นออยที่ส่วนผสมแน่น แต่ก็มี Alcohol มีสี มีน้ำหอม ไม่ชอบตรงไหน หรือคิดว่าตัวเองจะแพ้ไหม ไปทดสอบลองเล่นก่อนค่ะ

อย่างที่ทราบ Face  oil เองมีประโยชน์กับผิวดีเลยทีเดียว และก็มีหลายแบบ หลาย texture ทั้งแบบชนิดเดียว แบบผสม หลากหลายยี่ห้อมาก เพื่อนๆ สามารถเลือกให้เหมาะกับความชอบตัวเองได้ค่ะ เพราะแม้แต่เนตเองก็ยังมีหลายขวดเลย เพราะรัก และชอบมากจริงๆ เลยอยากลองหลายแบบ 

ซึ่งก็พูดตรงๆ ว่ายังไม่เจออันไหนที่ไม่ชอบ 

ยังไงไปลองกันดูอีกทีนะคะ

——————
Product Mentioned
Lhamour
La Mer
Bobbi Brown Cosmetics
L'OCCITANE en Provence
Guerlain