ZOZOACUTE X MOROCCO พาไปเที่ยวประเทศโมร็อคโค

zozoacutestyle 07 ก.ค. 62 55 29

สวัสดีค่ะคิวลินนะคะแต่ขอแทนตัวเองว่าอ้อยเพื่ออรรถรส กลับมาเขียนริวิวประเทศโมร็อคโคหลังจากดองไว้เป็นปี จะพาไปเที่ยวโมร็อคโคในราคา 20,500 บาท (ไม่รวตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศนะจ้ะ) วันนี้คิวจะพาไปเที่ยวโมร็อคโคแบบ Blogger แบบผู้ดี ในราคาย่อมเยาว์ ขอแค่เตรียมพร็อพไปให้พร้อม เอาไปให้เยอะที่สุดและสวมวิิญญาณฟ้าจรดทรายเข้าไป อ้อยจะพาไป 2 ที่คือ Marrakesh และ Saharra dessert

รีวิวค่าใช้จ่าย

- ค่าเดินทางจากสนามบินไป-กลับ ที่พักโดยแท็กซี่ คนละ 300 บาท

- ค่าที่พัก Ksar Kasbah & Spa 2 คืน คนละ 8,000 บาท

- ค่าเข้าใช้ pool ที่ La mamounia hotel 1,800 บาท

- ค่ากินมื้อละ 300-600 บาทต่อคน 5 มื้อใน Marrakesh แนะนำว่าให้เตรียมอาหารแห้งมาจากไทยจะช่วย ได้มาก เพราะอาหารที่นี่มีแต่รสชาติ เค็ม

- ค่า Domestic flight CMN to ERH เพื่อไปทะเลทรายซาฮาร่า ไป-กลับ 2,500 บาท

- ค่าเดินทาง จากสนามบินไป-กลับ ทะเลทราย คนละประมาณ 5,000 บาท หากมาหลายคนจะถูกลง

- ค่าที่พัก Erg Chebbi Camp 2 คืน คนละ 5,000 บาท รวมอาหารเช้า

- ทานอาหารที่ Camp 1 มื้อ คนละ 1,000 บาท

ค่า one day trip คนละ 3,000 บาท รวมอาหารกลางวัน

เริ่มจาก Check in เข้าที่พักโรงแรม Ksar Kasbah & Spa เป็นโรงแรมขนาดเล็กที่มีความกริบเก๋ หามุมถ่ายรูปได้ตั้งแต่สระว่ายน้ำ ห้องอาหารยันดาดฟ้าโรงแรม มาพร้อมกับ welcome drink Moroccan tea เป็นชาดำใส่มิ้นท์ลงไป ผสมน้ำตาลได้แล้วแต่ชอบ รสชาติดีทีเดียวเลยแหละ และมุมนี้คือเหตุผลที่เราจองโรงแรมนี้

บนดาดฟ้าโรงแรมก็มีมุมให้ถ่ายรูปมากมาย สามารถจิบชาชมพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ ก็สวยไปอีกแบบ

Jemaa El Fna (เดินมาจากโรงแรม 5 นาที) เป็นตลาดเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองมาราเกซ เป็นแหล่งศุนย์รวมสินค้าพวกเครื่องเทศ อาหาร เสื้อผ้า น้ำมันอาร์แกน รวมไปถึงการแสดงต่างๆ เกิดขึ้นที่นี่ ใครมีเพื่อนเจ้าสำอางก็สามารถซื้อ น้ำมันอาร์แกนที่เค้าสกัดสดๆ เป็นลุงสกัดให้ดู อยากซื้อก็ซื้อไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อไม่ง้อลูกค้า เลยเชื่อแล้วว่ามันสกัดเพรียวจริงๆ หาร้านได้ที่นี่ ยังสามารถเพ้นท์เฮนน่าได้ด้วย แนะนำให้ต่อเยอะๆ

ร้านเครื่องชามโมร็อคโค เป็นมุมยอดฮิตที่เหล่าบล็อกเกอร์ต่างประเทศมาถ่ายกัน อยู่ใน Jemaa El Fna เดินหาได้จากพรมที่อยู่หน้าร้าน

นอกจากร้านเครื่องชามแล้วยังมีร้านโคมไฟที่ฮิตฮอตหามุมได้ไม่แพ้กัน เดินหาได้เลยมีหลายร้านชอบร้านไหนก็ขอเค้าถ่ายได้เลย บางร้านคิดเงินด้วยนะเออ

โรงแรม La mamounia เป็นโรงแรมชื่อดังระดับโลกที่เหล่าเซเลปบริตี้ บล็อกเกอร์หลายๆคนมาพักที่นี่ เป็นพระราชวังเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อให้คนมีจริตอย่างเรา ได้สัมผัสศิลปะชั้นสูงของชาวโมร็อคโคในสมัยก่อน ราคาที่พักต่อคืน 25,000 บาท++ สำหรับใครที่สู้ราคาโรงแรมไม่ไหวแต่อยากเข้าไปชม ให้แต่งตัวให้เหมาะสมที่โรงแรมมีร้านอาหารและร้านกาแฟให้คนทั่วไปได้ใช้บริการ และสามารถเข้าชมรอบๆ โรงแรมได้ฟรี

รอบๆโรงแรมมีมุมต้นกระบองเพชรทาสีหลอกตาผสมกันไป จะหมุนตัวถ่ายรูปกี่นาทีก็ได้มีไม่ใครว่า ไม่ใครมาแย่งถ่าย

มาต่อกันที่ในโรงแรม มุมหน้าสระว่ายน้ำ

สวยงามทุกมุมจริงๆ สัมผัสได้ถึงศิลปะโมร็อคโคทุกๆมุม สวยจริงๆไม่จกตา อ้อยยืนถ่ายรูปอยู่ตรงนี้กับเพื่อนประมาณ 1 ชม. คนไม่ค่อยเยอะ

และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ที่เมืองมาราเกซ เรามาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อรูปมุมนี้ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบหามุมถ่ายประหนึ่งว่ามาพักร้อนเบาๆชิวๆ ค่าเข้าสำหรับสระว่ายน้ำให้จองล่วงหน้า ราคา 2,000 บาท และยังมีบริการสปา (one day pass) ให้ใช้บริการอีกด้วย สามารถเข้าสระว่ายน้ำได้เช่นกัน 5,000 บาท

เดินไปอีกหน่อยหลังสระว่ายน้ำก็มีอีกมุมที่สวย สวยมากๆ

เตรียมชุดมาให้พร้อมศึกษาลายกระเบื้องมาให้ดี จะทำให้ได้รูปที่ปังเหมือนมาพักโรงแรมนี้ซัก 3 คืน

ไปต่อกันที่ Saharra dessert เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือ โมร็อคโค เราจะไปกันที่เมือง Merzouga ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตะวันออกของประเทศโมร็อค วิธีการเดินทาง นั่งรถไฟจาก Marrakesh ไปลงที่ Casablanca และต่อ Domestic flight จาก Casablanca airport ไปลงที่ Errachid Airport

การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ทะเลทราย : ให้ติดต่อเจ้าของที่พัก เค้าจะจัดบริการรถรับส่งมาให้ 3 ชม. จะมาถึงเมือง Merzouga แล้วต้องนั่งรถ 4x4 เข้าไปที่พัก หรือจะขี่อูฐเข้าไปก็ได้ ราคาแตกต่างกัน สอบถามได้ที่ พนักงานโดยตรง วิวระหว่างทางไปทะเลทราย ชะนีก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะเคยได้ยินชื่อทะเลทรายซาฮาร่าตั้งแต่สมัยเรียนสังคมศึกษาแต่ไม่รู้ว่าหน้าตามันจะเป็นยังไง

มาถึงที่พักแล้ว Erg Chebbi Camp เป็น Luxury camp กลางทะเลทรายที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแต่อาหารแพงมาก และไม่อร่อย เพราะฉะนั้นกรุณาเตรียมขนมมาประทังชีวิต ที่ไปเซ่เว่นไม่ได้ แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะที่พักมีห้องน้อยและเต็มเร็ว คืนละ 5,000 บาท

ตอนกลางคืนมีการแสดงกองไฟหน้าเต้นท์ แต่ชะนีขอนอนเพราะต้องตื่นมาเอ้หน้าเอ้ผมตั้งแต่เช้า

หลังจากเดินทางมายาวนานก็ต้องรีบไปเปลี่ยนชุดถ่ายรูปข้างๆที่พัก เดินกลางทะเลทรายเหนื่อยและยากมาก แต่ชะนีอยากมีรูปก็ต้องสู้กันไป

tips : อย่าเดินเยอะบน Sand dune ทำให้เป็นรอยเท้า รูปออกมาจะไม่ปัง

วันรุ่งขึ้นก็ซื้อทัวร์ขี่อูฐกับที่พัก ราคาประมาณ 3,000 บาท ทัวร์จะพาเราไป - ขับรถไปชมSand dune - ชมการแสดงดนตรี ของชาวพื้นเมือง Khamlia - ทานอาหารกลางวัน - พาไปชมชนเผ่า Barber - ขี่อูฐ ชมพระอาทิตย์ตกดิน

เค้าบอกว่าเป็น oasis ของที่นี่ ชะนีก็ไม่สนใจอะไรมากหรอก รอขี่อูฐกับหามุมถ่ายรูปอย่างเดียว

และแล้วก็มาถึงจิตรวิญญาณของความเป็น Traveller ที่จะได้มาขี่อูฐที่ทะเลทรายซาฮาร่า การขี่อูฐครั้งแรกบอกเลยว่าไม่ง่าย น่ากลัวมาก เจ็บขา มากอยากจะลงไปเดินบนทรายไม่รู้อันไหนง่ายกว่ากัน แต่ด้วยจิตรวิญญาณอยากได้รูปก็ต้องทนทรงตัว เจ็บขากันไป ทัวร์จะพาเราไปจุดที่อูฐอยู่ แล้วขี่กลับเข้าที่พัก แต่ต้องเดินเข้าที่พักนิดนึง

หาผ้ามาโพกหัวให้เหมือนชาวพื้นเมือง ก่อนจะเข้าแคมป์สามารถบอกคนขับรถได้ว่าเราอยากได้ เค้าจะพาเราไปซื้อ และสอนผูกด้วย

ไม่ต้องไปแย่งใครถ่ายรูป ตอนเย็นเค้าจะจอดน้องอูฐให้เราได้ถ่ายรูปอย่างเต็มที่ พร้อมชมพระอาทิตย์ตกดิน

และก็จบทริปของเราอย่างทรหด แต่รูปสวย. อิอิ

zozoacutestyle

zozoacutestyle

instargram : zozoacute