รีวิวสกินแคร์ The Face Shop Dr.Belmeur ทั้งหมดที่เคยใช้

49 12
จุดเริ่มต้นมาจากการไปอ่านบล็อก Favorite ของบล็อกเกอร์ท่านหนึ่ง
ที่ยกให้โทนเนอร์ของ The Face Shop ตัวนี้คือที่สุด
เราเลยไปซื้อมาลองใช้ ครั้งแรกก็ซื้อแต่โทนเนอร์จริงๆ
ไปๆ มาๆ ติดใจ ก็ซื้อลามไปแทบทุกตัวที่มีขาย
เราดูในยูทูบ มีคนบอกว่าชื่อ Dr.Belmeur ไม่ใช่ตัวบุคคล
แต่เป็นการเล่นคำภาษาฝรั่งเศส ถ้าเราฟังและจำมาไม่ผิด
เป็นคำว่า Belle + Bonheur (ที่แปลว่าสวยกับมีความสุขค่ะ)


The Face Shop Dr.Belmeur

 

เป็นสกินแคร์ไลน์เวชสำอางที่ทางแบรนด์ The Face Shop เคลมว่า
เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และมีปัญหาสิว
คุณสมบัติคือช่วยสร้างความแข็งแรง พอผิวแข็งแรง สิวและปัญหาอื่นๆ ก็จะน้อยลงค่ะ

แบ่งสาขาย่อยออกมาเป็น 3 ส่วน แพ็คเก็จคล้ายกัน แยกออกยากนิดนึง ต้องเพ่งดีๆ

Daily Repair แพ็คเก็จคาดสีชมพู เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง สังเกตที่รูปนิ้วชี้
ส่วนผสมหลัก เกลือทะเล ออยล์จากพืชธรรมชาติ

Clarifying แพ็คเก็จคาดสีฟ้า เหมาะสำหรับคนผิวผสมจนถึงผิวมัน
ส่วนผสมหลักคือ สารสูตรเฉพาะ Skin SYNC RxTM และสารสกัดจากเห็ดหลายชนิด

Advanced แพ็คเก็จสีน้ำเงินบนพื้นขาว มีคำว่า Advanced กำกับไว้ เหมาะสำหรับผิวมีปัญหาเยอะๆ ทั้งแพ้ง่าย เป็นสิว และมีริ้วรอย
ส่วนผสมหลักคือ Cica ค่ะ

ข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนคือ ราคาค่อนข้างสูง (เทียบกับไลน์ Soon Jung ของ Etude House จะเห็นชัดเจนมาก) และมีกลิ่นหอมแต่แบรนด์บอกมาจากธรรมชาติ
โดยตัว Daily Repair กลิ่นจะเหมือนผลไม้
ส่วน Clarifying กลิ่นจะเหมือนทีทรี
และ Advanced ก็มีกลิ่นเช่นกันแต่ยังไม่ชัดเจนนัก
ใครที่ไม่ชอบให้ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นหอมเลยอาจจะต้องระวังส่วนนี้ค่ะ


เราเคยใช้ตัวไหนมาแล้วบ้าง ไปชมกันเล้ยยยย

Clarifying Bubble Foaming Cleanser


ปริมาณขวดใหญ่ 150 มิลลิลิตร ราคา 369 บาท

ได้ขวดเล็กมาจากเซ็ตกระเป๋า ลองใช้แล้วชอบมากจนรีบไปซื้อขวดใหญ่เลย
หัวปั๊ม กดออกมาเป็นฟองสีขาวนุ่มฟูแต่ไม่ถึงขั้นวิปโฟม
ใช้ทำความสะอาดหน้า กลิ่นทีทรีอ่อนๆ กำลังดี ไม่รุนแรงจนเกินไป
ล้างหน้าสะอาดมากกกก แต่ไม่แห้งตึงเปรี๊ยะ
ปกติ เราจะใช้ล้างตอนเย็นหลังล้างเมคอัพหรือหลังจากออกกำลังกายค่ะ
หมดแล้วซื้อต่อแน่นอน ชอบมากค่ะ ขวดหนึ่งใช้ได้นานมาก

Clarifying Toner (Lotion Tonique)


ปริมาณ 200 มิลลิลิตร ราคา 599 บาท

เป็นสิ่งแรกของไลน์นี้ที่เราลองใช้ หมดไปหลายขวดแล้ว
เป็นโทนเนอร์ที่ "แพง" พอสมควรค่ะ
ลักษณะเนื้อจะใสแต่ไม่เหลวเป็นน้ำเปล่า มันจะเหมือนน้ำเชื่อมน่ะค่ะ
หยดใส่สำลีรุ่น less toner เช็ดทั่วหน้า หรือเทใส่มือตบๆ ก็ได้
ถ้าหน้าสภาพปกติ จะได้ผลเหมือนโทนเนอร์ทั่วไป
แต่ถ้าวันไหนหน้าคันยุบยิบ ใช้ตัวนี้จะปลอบประโลมผิวได้ดี
ด้วยความงก เราจะใช้เฉพาะตอนกลางคืน
ตอนเช้าใช้โทนเนอร์ของนูโทรจีน่าเพราะมันถูกกว่า 5555
หมดแล้วซื้อต่อไปไม่สิ้นสุดค่ะ เราชอบมาก ขาดตัวนี้ไม่ได้เลย

Clarifying Moisturizer


ปริมาณ 120 มิลลิลิตร ราคา 699 บาท

ถึงจะดูแพง แต่ตัวนี้ถือว่าคุ้มมาก เพราะหลอดใหญ่ได้เยอะ
เราใช้มา 6 เดือนแล้วยังหมดไม่ถึงครึ่งหลอดเลยค่ะ
เนื้อครีมลักษณะเหมือนเจลครีมสีขาว เบาและซึมลงผิวเร็วมาก
ไม่ทิ้งความมันหรือฟีลลิ่งหนึบหนับบนหน้าเลย
ทาตอนเย็นตอนเช้าได้หมด กลิ่นหอมค่อนข้างชัดเจนแต่ไม่ถึงกับแรง
แต่ความอ่อนโยนไม่แน่ใจ เพราะเราเคยมีแผลถลอก
พอทาครีมตัวนี้โดนบริเวณนั้นแล้วแสบจนน้ำตาเล็ด
แต่ทา Innisfree Green Tea Seed Serum ลงไปบนแผลตรงๆ แทบจะไม่แสบเลย
หมดแล้วไม่แน่ใจว่าจะซื้อต่อไหม ถ้ามาเป็นเซ็ตคู่กับสองตัวแรกจะพิจารณาอีกที
และเรายังมีอีกหลอดที่หน้ากล่องระบุว่าเป็น Facial Moisturizer
แต่เนื้อครีมเหมือนกันเด๊ะ เลยคิดว่าน่าจะเป็นตัวเดียวกันค่ะ

Advanced Cica Recovery Serum


ปริมาณไซส์จริง 50 มิลลิลิตร ราคา 1,099 บาท

เราได้ไลน์ Advanced แบบเป็นเซ็ตทดลองมาเลยได้ลองใช้
แพ็คเก็จดีงามค่ะ หัวปั๊มใช้งานสะดวก เนื้อเซรั่มซึมเร็วมากๆ
ไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวเลย ให้ฟีลลิ่งคล้าย La Roche Posay Effaclar Duo+
ทาแล้วรู้สึกดีค่ะ เลยจะใช้ทั้งเช้าทั้งเย็น
หมดแล้วคิดว่าน่าจะซื้อขวดใหญ่ค่ะ

Advanced Cica Recovery Cream


ปริมาณเต็ม 50 มิลลิลิตร ราคาในเว็บไซต์ 1,099 บาท

เป็นตัวที่แนะนำว่าใช้ต่อจากตัวบน เนื้อครีมเนียมนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
เนื้อหนักขึ้นกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ แต่ไม่เท่าตัวข้างๆ ในรูป
เราเอาไว้ทาตอนก่อนนอนค่ะ ยังใช้ไม่นานพอจะบอกได้ว่ามันเห็นผลมั้ย
แต่เราดันชอบแพ็คเก็จอันนี้ เพราะไซส์จริงเป็นกระปุกที่ต้องเอานิ้วควัก
ถ้าจะซื้อต่อ เราอยากได้เป็นหลอดแบบนี้มากกว่า น่าจะรักษาสภาพครีมได้ดีกว่า




Daily Repair Ato Salt Cream


ปริมาณจริง 80 มิลลิลิตร ราคาเต็ม 959 บาท

เป็นครีมที่หนักที่สุดของไลน์นี้ที่เราเคยใช้มา ทาแล้วจะเป็นฟิล์มเคลือบผิวไว้
และเป็นตัวเดียวของ Daily Repair ที่เราเคยใช้
ฟังจากชื่อคงพอรู้ว่า ส่วนประกอบสำคัญคืออะไร
ทางแบรนด์บอกเป็นเกลือทะเล 8% ค่ะ คุณสมบัติคือช่วยดูแลผิวที่แพ้ เป็นผดผื่นคัน
ตอนที่เราใช้ไม่ได้แพ้อะไร แต่ไปยุโรปที่อากาศเย็นมาก ช่วยให้รอดมาได้
หน้าไม่แห้งไม่คันเลย แต่ถ้าใช้ตอนอยู่ไทยน่าจะเยิ้มแน่นอน
หมดแล้วคงไม่ได้ซื้อต่อค่ะ เพราะเนื้อมันหนัก และเราไม่ค่อยแพ้อะไรรุนแรง
เวลาหน้าคันยุบยิบ ใช้ตัวโทนเนอร์ก็เอาอยู่แล้วค่ะ

Advanced Spot Calming Ampoule


ปริมาณ 22 มิลลิลิตร ราคา 849 บาท

แพ็คเก็จเป็นขวดแก้วและหลอดหยดแบบ Estee Lauder ANR ค่ะ
ข้อมูลหลังกล่องบอกให้ใช้เฉพาะจุดที่เป็นสิว หลังจากโทนเนอร์เลย
จากนั้นค่อยตามด้วยเซรั่มและครีมหรือ sleeping mask
เนื้อเบา ซึมเร็ว แต่ส่วนตัวคิดว่ามันหนึบหน้าบอกไม่ถูกแฮะ
พอใช้เสร็จต้องค่อยๆ นวดให้มันซึมลงผิวไป จากนั้นเราจะทาครีมอีกแค่ 1 ตัวพอ
ถ้าเป็นขวดสีน้ำเงิน จะเข้มข้นกว่า สามารถเอาไปผสมครีมตัวอื่นได้ค่ะ
ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะใช้หมดเมื่อไหร่ เพราะมันใช้ทีละน้อยมากค่ะ

Advanced Cica Hyaluronic Mask


ราคาแผ่นละ 119 บาท

เคยได้แถมมา 3 ครั้ง ใช้หมดไปแล้วค่ะ เลยต้องไปยืมรูปมา
เป็นมาส์คที่เข้มข้นและเนื้อเอสเซนส์จะเหมือนเจล หนืดๆ หนึบๆ หน้า
แผ่นมาส์คประหลาด ส่วนตัวเราว่ามันเหมือนผ้าก๊อซเลย
เขาให้ใช้หลังโทนเนอร์ ซึ่งพอมาส์คเสร็จเราจะนวดให้เอสเซนส์ซึมลงผิวมากที่สุด
จากนั้นก็ไม่ใช้อะไรต่อแล้วค่ะ รู้ว่ามันพอแล้ว
คิดว่าน่าจะซื้อต่อค่ะ เอาไว้ใช้วันหน้าพังแต่พรุ่งนี้ต้องไปงาน อะไรแบบนี้
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับรีวิวครั้งนี้
จริงๆ ในไลน์ Dr. Belmeur ยังมีผลิตภัณฑ์อีกเยอะเลย แต่เราไม่ได้ซื้อมาลองทั้งหมดค่ะ
อย่างรุ่น Daily Repair สาวผิวมันอย่างเราไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
ส่วนใครผิวมันผิวผสม คันยุบยิบบ่อย เป็นสิวง่าย
ถ้าสนใจ ขอแนะนำไปซื้อขนาดทดลองมาใช้ก่อนนะคะ (ถ้ายังมีขายอยู่)
เผื่อจะชอบจนไปซื้อไซส์ใหญ่แบบเรา
ถ้าใครเคยใช้ ชอบไม่ชอบ มาเม้าต่อกันได้ วันนี้ไปแล้ว สวัสดีค่ะ


NickyOkawa

NickyOkawa

ชื่อนิกกี้ อายุ 30 กว่าๆ บ้าช็อปปิ้ง เขียนเก่ง ถ่ายรูปห่วย

FULL PROFILE